หลาย ๆ คนคงมีความสงสัยว่า ทำไมคุณแม่หลายคนถึงเลือกที่จะซื้อประกันค่าคลอดบุตรแทนการจ่ายค่าคลอดบุตรเองโดยตรงกับโรงพยาบาล วันนี้ทาง LUMA รวมมาให้แล้วว่าประกันค่าคลอดบุตรนั้นดีอย่างไร ทำไมถึงต้องซื้อประกันค่าคลอดบุตรไว้เมื่อวางแผนที่จะตั้งครรภ์ ถ้าพร้อมแล้วมาตามอ่านกันได้เลย
ทำไมต้องซื้อประกันค่าคลอดบุตร
การมีประกันค่าคลอดบุตรและตั้งครรภ์นั้น จะช่วยมอบความอุ่นใจให้กับตัวคุณแม่ในระหว่างการตั้งครรภ์ ว่าหากเกิดการเจ็บไข้ได้ป่วย หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนใด ๆ ขึ้น ก็ได้รับความคุ้มครองจากประกันค่าคลอดบุตร
นอกจากค่าคลอดบุตรแล้ว ประกันค่าคลอดบุตรและการตั้งครรภ์ยังคุ้มครองการเจ็บป่วยอื่น ๆ ในระหว่างการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะส่วนสำคัญอย่าง ภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ระหว่างการตั้งครรภ์ ที่มีความอันตรายและมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูง การทำประกันค่าคลอดบุตรและตั้งครรภ์จะสามารถคุ้มครองการเจ็บป่วยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับทั้งตัวคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ได้
ซึ่งประกันค่าคลอดบุตรและการตั้งครรภ์ จะให้ความคุ้มครองดังต่อไปนี้
- ความคุ้มครองผลประโยชน์ผู้ป่วยใน (IPD)
- ความคุ้มครองผลประโยชน์ผู้ป่วยนอก (OPD)
- ความคุ้มครองการตรวจประจำเดือนและค่าคลอดบุตร
- ความคุ้มครองภาวะแทรกซ้อน
- ความคุ้มครองการดูแลเด็กทารกแรกเกิด
สำหรับความคุ้มครองผลประโยชน์ผู้ป่วยใน (IPD) สามารถใช้ในกรณีที่ป่วยหนักจนต้องนอนแอดมิทที่โรงพยาบาล คุณแม่ท่ตั้งครรภ์ ต้องระวังเป็นอย่างยิ่ง เวลาเริ่มมีอาการไม่สบาย
ความคุ้มครองผลประโยชน์ผู้ป่วยนอก (OPD) ก็ยังคงสำคัญ เพราะการตั้งครรภ์ต้องระวังเป็นอย่างมาก หากเริ่มมีอาการไม่สบายเล็กน้อย ควรที่จะได้รับการตรวจจากโรงพยาบาล หากต้องรับยากลับบ้าน คุณหมอจะเลือกประเภทยาที่สามารถรับประทานได้คณะตั้งครรภ์
และความคุ้มครองการตรวจประจำเดือนและค่าคลอดบุตร จะเป็นความคุ้มครองพื้นฐานที่ประกันค่าคลอดบุตรและตั้งครรภ์ส่วนใหญ่ให้ความคุ้มครอง ส่วนความคุ้มครองภาวะแทรกซ้อน และความคุ้มครองการดูแลเด็กทารกแรกเกิด จะมีแค่บางแห่งที่ให้ความคุ้มครอง
ทั้งนี้ ประกันค่าคลอดบุตรและตั้งครรภ์ มีระยะเวลารอคอย อย่างต่ำตั้งแต่ 10 เดือน จนถึงมากกว่า 1 ปี ขึ้นอยู่กับบริษัทและแผนประกันที่เลือก ดังนั้น ในการซื้อประกันค่าคลอดบุตรจึงต้องคำนึงถึงในจุดนี้ด้วย
แนะนำประกันค่าคลอดบุตรและตั้งครรภ์
ประกันค่าคลอดบุตรและการตั้งครรภ์จาก LUMA ผู้เชี่ยวชาญด้านประกันสุขภาพ นำเสนอแผนประกันค่าคลอดบุตร 2 แผน ได้แก่ แผน Hi5 และแผน PRIME ที่ให้ความคุ้มครองการตรวจประจำเดือนและค่าคลอดบุตร วงเงิน 200,000 – 300,000 บาท คุ้มครองภาวะแทรกซ้อน 1,000,000 บาท การดูแลเด็กทารกแรกเกิด 20,000 – 30,0000 บาท (สำหรับ 25 วันแรก) และมีระยะเวลารอคอย 10 เดือน
นอกจากนี้ ทั้งสองแผนมอบบริการพิเศษให้แก่เหล่าคุณแม่ ได้แก่ ความคิดเห็นทางการแพทย์ที่สอง MTB-บริการดูแลการรักษามะเร็ง ไม่ต้องสำรองจ่าย บริการส่งต่อโรงพยาบาล มีแอปพลิเคชั่นที่สามารถดูแผนและการคุ้มครอง
หากสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถดูรายละเอียดได้ที่ ประกันค่าคลอดบุตรและตั้งครรภ์ คุ้มครองสูง
เลือกซื้อประกันคลอดบุตรยังไงดี
LUMA เข้าใจดีว่าสำหรับคุณแม่นั้น การเลือกทำประกันค่าคลอดบุตรและตั้งครรภ์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะ จำเป็นต้องพิจารณาถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น ระยะเวลารอคอย ความคุ้มครองที่ได้รับ วงเงินความคุ้มครอง เป็นต้น
ทาง LUMA ขอแนะนำสิ่งที่ควรพิจารณาในการเลือกแผนประกันค่าคลอดบุตรและตั้งครรภ์ ดังนี้
- ระยะเวลารอคอย
- ความคุ้มครอง วงเงินความคุ้มครองที่ได้รับ
- เครือข่ายของบริษัทประกันภัย
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติม ว่า ประกันตั้งครรภ์และคลอดบุตรที่ไหนดี
สรุป
หลาย ๆ คนคงได้รู้กันไปแล้วว่าทำไมต้องซื้อประกันค่าคลอดบุตร หลังจากที่ได้อ่านกันไป ทาง LUMA ขอแนะนำเพิ่มอีกสักนิดว่า ก่อนที่จะซื้อประกันใด ๆ อย่าลืมที่จะศึกษารายละเอียดต่าง ๆ ในกรมธรรม์อย่างละเอียดก่อนซื้อ ดูว่าความคุ้มครองของประกันตอบโจทย์กับเราหรือไม่ รวมไปถึงเลือกทำประกันกับบริษัทประกันที่น่าเชื่อถือ มีความมั่นคง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีปัญหาตอนเคลมประกัน