
เนื่องจากกำลังจะเข้าสู่ฤดูฝนของประเทศไทยอย่างเป็นทางการ จำเป็นต้องเฝ้าระวังโรคต่างๆที่แพร่กระจายได้ง่ายด้วยสภาพอากาศ นอกจากโรคไข้หวัดใหญ่แล้ว อีกโรคฮิตในวัยเด็กก็คือ โรค RSV ที่คุณพ่อคุณแม่ต้องเฝ้าระวังคอยดูแลลูกอย่างใกล้ชิด เพื่อสังเกตสัญญาณและอาการของไวรัส RSV
มีรายงานผู้ป่วยเด็กที่ติดเชื้อ RSV จำนวนมากที่เข้ารับการรักษาในห้องไอซียูทั่วประเทศไทย โรคไวรัสในฤดูฝนและฤดูหนาวที่พบบ่อยนี้มักไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพแข็งแรง แต่สามารถแพร่เชื้อได้ง่ายสำหรับเด็ก RSV เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของความผิดปกติของทางเดินหายใจในวัยเด็กเล็ก และติดเชื้อในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบเกือบทุกคน ปกติแล้วอาการมักจะไม่รุนแรง แต่ก็มีกรณีที่อาการรุนแรงและถึงแก่ชีวิตในเด็กที่มีปัจจัยเสี่ยง (โรคปอดหรือหัวใจพิการแต่กำเนิด ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และทารกเกิดก่อนกำหนด) หลอดลมฝอยอักเสบจากเชื้อ RSV ยังสามารถนำไปสู่ความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหอบหืดในวัยเด็ก
RSV มีอาการอย่างไร?
อาการของ RSV ที่พ่อแม่ควรระวังจะคล้ายกับอาการของไข้หวัด ได้แก่
- น้ำมูกไหล
- ไอ
- จาม
- มีไข้
- ไม่อยากอาหาร
- หายใจลำบาก
- หายใจมีเสียงหวีด หรือ หอบ
ในกรณีที่รุนแรง RSV อาจนำไปสู่หลอดลมฝอยอักเสบหรือปอดอักเสบได้ โดยเฉพาะในทารกที่อายุน้อยกว่าหนึ่งปี
RSV ติดต่อได้อย่างไร?
เช่นเดียวกับโรคหวัดและไข้หวัดใหญ่ RSV ติดต่อผ่านการสัมผัสส่วนตัว เช่น การจูบหรือการสัมผัส ละอองที่แพร่กระจายโดยการไอหรือจาม หรือผ่านการสัมผัสพื้นผิวที่ปนเปื้อน เช่น ลูกบิดประตู เส้นทางทั่วไปของการติดเชื้อคือเมื่อเด็กโตรับเชื้อที่โรงเรียนและส่งต่อไปยังพี่น้องที่บ้านโดยไม่รู้ตัว
ระยะฟักตัวคือ 4-6 วันหลังจากได้รับเชื้อ จากนั้นผู้ติดเชื้อสามารถแพร่เชื้อไวรัสได้เป็นเวลาหลายสัปดาห์
ป้องกัน RSV ได้อย่างไร?
ในการป้องกันลูกน้อยจาก RSV ให้ปฏิบัติตามกิจกรรมด้านสุขอนามัยตามเหล่านี้:
- ล้างมือด้วยสบู่อย่างสม่ำเสมอและทั่วถึง
- ไอหรือจามในข้อศอกหรือ กระดาษทิชชู่
- ทำความสะอาดพื้นผิวและของเล่น ซักเสื้อผ้าและเครื่องนอนเป็นประจำ
- รักษาระยะห่างทางสังคมกับผู้ที่มีอาการหวัด
รักษา RSV อย่างไร?
ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน RSV สำหรับกรณีที่ไม่รุนแรง ไม่จำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เพียงทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:
- อย่าส่งลูกไปโรงเรียนและให้ลูกอยู่บ้าน
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าลูกของคุณดื่มน้ำมาก ๆ (ปริมาณเล็กน้อยตลอดทั้งวันเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ)
- ทำความสะอาดหากมีอาการคัดจมูก
- ทำความสะอาดพื้นผิวตามบ้าน เช่น โต๊ะ เก้าอี้ อย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรีย
- หากคุณใช้เครื่องทำความชื้น ให้ทำความสะอาดทุกวันตามคำแนะนำของเครื่อง
- แจ้งโรงเรียนของบุตรหลานเพื่อเตือนผู้ปกครองคนอื่นๆ ถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการแพร่เชื้อ
หากคุณสังเกตเห็นว่าลูกของคุณหายใจลำบาก ให้รีบไปพบแพทย์ทันที การวินิจฉัย RSV ที่โรงพยาบาลมักจะ มักจะใช้ไม้พันสำลีก้านยาวป้ายสารคัดหลั่งในจมูกหรือช่องคอเพื่อนำไปตรวจค้นหาเชื้อโรค ในกรณี ในกรณีที่อาการของโรคมีอาการรุนแรง หรือแพทย์ผู้ทำการรักษาต้องการติดตามภาวะของไข้หรือการหายใจ การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอาจจำเป็นสำหรับการรักษาด้วยการ ให้สารน้ำและยาทางหลอดเลือดดำ ออกซิเจนเสริม และยาพ่นขยายหลอดลมเพื่อ ขยาย ทางเดินหายใจ การมีประกันสุขภาพเด็กจังเป็นเรื่องสำคัญมาก และควรทำตั้งแต่ลูกอายุยังน้อย ยังไม่เคยเป็นโรคหรือไม่สบาย โดยเฉพาะ RSV เพราะ หากมีประหวัดว่าเคยเป็น ประกันสุขภาพเด็กอาจจะติดข้อยกเว้นในการรักษาในอนาคต
ประสบการณ์ โรค RSV จากทีม LUMA
“ลูกชายคนรองของฉันเคยติดเชื้อ RSV ในประเทศไทย เมื่อตอนที่เขายังอายุไม่ถึง 3 เดือน
ลูกชายของฉันเริ่มมีอาการหายใจไม่ทั่วท้องและนอนไม่ค่อยหลับ ในขณะที่เรากำลังอยู่ในช่วงวันหยุด ฉันจึงไปที่โรงพยาบาลกรุงเทพ หัวหิน เพื่อที่จะไปปรึกษากับกุมารแพทย์ แพทย์จึงได้สั่งการรักษาโดยให้เป็นยาพ่น และสาธิตวิธีการนวดปวด หลังจากนั้นพวกเราจึงกลับโรงแรม
เมื่อกลับมาถึงกรุงเทพ ฉันก็ได้ติดตามอาการกับกุมารแพทย์ของเราที่โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ซึ่งทางโรงพยาบาลก็ได้แนะนำว่าถ้าหากลูกชายของฉันยังมีอาการนอนไม่ค่อยหลับตอนที่อยู่บ้าน ก็ควรให้ลูกชายแอดมิทที่โรงพยาบาล อย่างน้อยพยาบาลก็จะสามารถช่วยดูแลเขาได้
ฉันจึงให้ลูกชายเข้าแอดมิทที่โรงพยาบาลสมิติเวชในกรุงเทพ ในตอนแรกก็เป็นไปเพื่อความสะดวกสบายมากกว่าความจำเป็นทางด้านการแพทย์ อย่างไรก็ตาม โชคไม่ดีที่ลูกชายของฉันมีอาการแย่ลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงระดับออกซิเจนในร่างกายของเขาก็ค่อนข้างต่ำ เขาจึงถูกย้ายไปอยู่ที่ห้องผู้ป่วยไอซียู แล้วก็อยู่ในห้องไอซียูประมาณ 5 วัน ระดับออกซิเจนในร่างกายจึงกลับมาอยู่ในระดับปกติ เราถึงสามารถย้ายเขาไปอยู่ในห้องผู้ป่วยปกติเพื่อสังเกตอาการ จนกว่าทุกอย่างจะชัดเจนสำหรับเราที่จะพาเขาออกจากโรงพยาบาล
หลังจากสิ้นสุดการรักษาที่โรงพยาบาล ก็มีการเรียกเก็บค่ารักษาจำนวนมาก แต่ทาง LUMA ได้ให้ความคุ้มครองทั้งหมดภายใต้ Direct Billing ดังนั้นฉันจึงไม่ต้องจ่ายอะไรล่วงหน้าเลย ตอนที่ลูกชายฉันพักรักษาตัวอยู่ที่ห้องผู้ป่วยไอซียู ฉันก็พักอยู่ที่ห้องผู้ป่วยปกติในตึกเดียวกับห้องที่เขาพักอยู่ และส่วนนี้ก็ได้รับความคุ้มครองจากทาง LUMA ด้วยเช่นเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้น ฉันยังได้รับสายโทรศัพท์จากผู้จัดการฝ่ายบริการลุฏค้าของ LUMA เพื่อยืนยันว่าพวกเราสามารถกลับบ้านได้ และประกันก็ได้จัดการกับบิลค่ารักษาทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว “
Thuyvan, แผนกการตลาด
อ่านเพิ่มเติม:
- ค่ารักษา rsv – ค่ารักษาพยาบาลอาร์เอสวี (RSV) ตามระดับโรงพยาบาล
- ทำไมประกันไม่คุ้มครองโรค rsv – การพิจารณาความคุ้มครองของโรคและภาวะผิดปกติในระบบทางเดินหายใจ
- การดื้อยา – ทำความรู้จักกับการดื้อยาปฏิชีวนะในประเทศไทย