อัพเดทข้อมูลล่าสุด:
- September 4, 2024
ประกันสุขภาพเด็กที่ไหนดี ปี 2567 มีที่ไหนให้เลือกบ้าง?
แผนประกันสุขภาพสำหรับเด็กมีให้เลือกเยอะมาก วันนี้ ทาง LUMA ได้รวบรวมข้อมูลมาให้แล้ว ว่าซื้อประกันสุขภาพเด็กที่ไหนดี
- 1. LUMA
- 2. Allianz Ayudhya – อลิอันซ์ อยุธยา
- 3. MTL – เมืองไทยประกันชีวิต
- 4. Pacific Cross – แปซิฟิค ครอส
- 5. April
- 6. AXA
- 7. AIA
ไม่ใช่แค่ผู้ใหญ่เท่านั้นที่มีประกันสุขภาพเพื่อความสบายใจทางการเงินเมื่อเจ็บไข้ได้ป่วย แต่ปัจจุบัน ประกันสุขภาพเด็ก ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญที่พ่อแม่ผู้ปกครองต้องใส่ใจให้ดี ด้วยทางเลือกที่มีค่อนข้างเยอะในสมัยนี้ การเลือกประกันให้ลูกจึงเป็นเรื่องสำคัญ และควรใส่ใจรายละเอียด
สำหรับการเปรียบเทียบประกันสุขภาพเด็ก ทาง LUMA ได้ทำการบ้านมาให้แล้ว สามารถอ่านเพิ่มเติม ในรายละเอียดเทียบแต่ละแผนได้เลย
LUMA ประกันสุขภาพเด็ก
ใครยังไม่รู้ว่าจะเลือกทำประกันสุขภาพเด็กที่ไหนดี 2567 ขอแนะนำประกันสุขภาพเด็กจาก LUMA โดดเด่นด้วยความคุ้มค่าที่พร้อมดูแลลูกน้อยแบบครบถ้วน สามารถสมัครเด็กเดี่ยวได้ตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป โดยไม่ต้องมีความรับผิดชอบส่วนแรก
ด้วยโรงพยาบาลในเครือข่ายกว่า 250 ที่ในประเทศไทย ทำให้การเข้ารักษาเวลาเจ็บป่วยมีขั้นตอนที่ง่ายและรวดเร็ว ด้วยบริการ Direct Billing ไม่ต้องสำรองจ่าย และสามารถนำความคุ้มครองไปใช้ต่างประเทศ LUMA มีสำนักงานทั่วเอเชีย และ ยุโรป
LUMA ประกันสุขภาพเด็ก มีจุดเด่นอะไรบ้าง
- คุ้มครองสูง ปีละ 5 ล้าน ถึง 50 ล้าน บาท
- ค่าห้องจ่ายตามจริงห้องมาตรฐานในเครือข่าย LUMA
- กรณีรับการรักษา ICU จ่ายให้ตามจริง
- คุ้มครองการเกิดอุบัติเหตุภายใน 24 ชั่วโมง จ่ายให้ตามจริง
- คุ้มครองการทำศัลยกรรมเพื่อแก้ไขความผิดปกติจากอุบัติเหตุ รวมถึงทันตกรรม จ่ายให้ตามจริง
- ความคุ้มครองที่ครอบคลุม คุ้มครองโรคฮิตในวัยเด็ก เช่น โรคโควิด - 19 ไข้หวัดใหญ่ โรคมือเท้าปาก และ RSV
- คุ้มครอง ก่อน และ หลัง การเข้ารักษาแบบผู้ป่วยใน นาน 45 วัน
- คุ้มครองการเกิดโรคมะเร็ง จ่ายให้ตามจริง
- สามารถขอรับความเห็นที่สองทางการแพทย์ได้ฟรี
- ไม่ต้องรอ 30 วัน สามารถสมัครและใช้ประกันได้เลย
มากไปกว่านั้นหากทำประกันสุขภาพเด็ก แผน LUMA Hi5 และ PRIME ยังจ่ายเบี้ยแบบสบายกระเป๋า สามารถเลือกเพิ่ม Deductible ได้ หากมีประกันสุขภาพที่อื่น ที่นำมาใช้ร่วมกันได้ และจำทำให้เบี้ยประกันสุขภาพถูกลง หากเลือกเพิ่ม ความรับผิดชอบส่วนแรกกับ LUMA จะมีผลเฉพาะสำหรับการนอนแบบผู้ป่วยใน และ วงเงินความรับผิดชอบส่วนแรกเป็นต่อปี ไม่ใช่ต่อครั้ง หรือ ทุกๆ ครั้งที่มีการแอดมิท
Deductible หรือที่เรียกว่า ความรับผิดชอบส่วนแรก และรับส่วนลดค่าเบี้ย Hi5 และ PRIME สูงสุด 45%
นอกจากนี้ หากสมัครเป็นครอบครัว ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป สามารถรับส่วนลดค่าเบี้ย และหากสมัครทั้งครอบครัวพร้อมกัน 4 คนขึ้นไป รับส่วนลดค่าเบี้ยสูงสุดถึง 20%
ประกันสุขภาพเด็ก จาก LUMA สามารถเลือกค่าห้องและค่าอาหาร ตั้งแต่ 5,000 บาท ถึง 20,000 บาท และสิทธิพิเศษของแผนนี้ สามารถเข้าใช้บริการที่โรงพยาบาล BNH, สมิติเวช สุขุมวิท และ สมิติเวช ศรีนครินทร์ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายส่วนเกินสำหรับค่าห้อง
สำหรับใครที่ถือแผนประกันสุขภาพอยู่แล้ว แต่รู้สึกว่าความคุ้มครองไม่พอสำหรับค่ารักษาการแพทย์ทุกวันนี้ อาจจะมีวงเงินค่าห้องที่น้อยกว่าราคาห้องโรงพยาบาลสมัยนี้ หรือ เป็นแผนประกันสุขภาพที่ระบุวงเงินในการรักษา สามารถนำแผนแรกมาใช้เป็น
แนะนำโดย คุณ Aum Napat
Allianz Ayudhya ประกันสุขภาพเด็ก
Allianz Ayudhya อลิอันซ์ อยุธยา แผนแมกซ์ แคร์
บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา คุ้มครองตั้งแต่ 300,000 บาท ถึง 5 ล้านบาท ต่อครั้ง คุ้มครองทั้งการเจ็บและเจ็บป่วย โดยไม่จำกัดจำนวนครั้งการรักษาต่อปี เหมาะสำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 1 เดือน 1 วัน ไปจนถึงอายุ 15 มี มีความคุ้มครองให้เลือกทั้งผู้ป่วยใน และ ผู้ปวยนอก
จุดเด้นของแผน แม็กซ์ แคร์:
- มอบความคุ้มครองที่ครอบคลุม สูงสุด 5 ล้านบาทอต่อปี
- มอบความคุ้งครองโรคร้ายแรง สูงสุด 5 ล้านบาทต่อปี
- ค่าชดเชยรายได้รายวันกรณีเข้ารักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน สูงสุด 1,000 บาทต่อวัน
ไม่ต้องสำรองจ่าย ด้วยเครือข่ายสถานพยาบาลกว่า 490 แห่งในประเทศไทย แต่สำหรับบริษัทอลิอันซ์ อยุธยา แผนแมกซ์ แคร์ มีระยะเวลารอคอย 30 วัน แปลว่าไม่สามารถใช้ประกันรักษาโรคทั่วไปได้ในระยะเวลา 30 วัน หลังจากเริ่มกรมธรรม์ และหากมีการรักษา อาจจะเป็นเหตุให้ทางบริษัทยกเลิกกรมธรรม์ได้
สำหรับเด็กอายุ 0-9 ปี จำเป็นต้องมีผู้ปกครองสมัครร่วมทุกกรณี และสำหรับประกันสุขภาพเด็กอลิอันซ์ อยุธยา ต้องมีประกันชีวิตเป็นกรมธรรม์หลัก ถึงจะซื้อประกันสุขภาพได้
MTL - เมืองไทยประกันชีวิต ประกันสุขภาพเด็ก
เมืองไทยประกันชีวิต โครงการ ดี คิดส์ พลัส (D Kids Plus)
บริษัทต่อมาทุกคนคงคุ้นเคยชื่อเสียงกันไม่น้อย โดยโครงการนี้สามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่ลูกอายุ 30 วัน จนถึง 10 ขวบ
จุดเด่นของ โครงการ ดี คิดส์ พลัส:
- คุ้มครองถึงอายุ 99 ปี
- เหมาจ่ายในวงเงินเดียวสูงสุด 5 ล้านบาท / การรักษาตัว 1 ครั้ง
- เมื่อลูกโตขึ้นก็สามารถปรับเงื่อนไขใหม่ได้ตรงใจ มีความคุ้มครองเพิ่มเติม
- เข้ารับการรักษาได้ทุกโรงพยาบาล ตอบโจทย์มากหากต้องการทำประกันเด็กเพิ่มเติมจากประกันชีวิต
สำหรับเมืองไทยประกันชีวิต จำเป็นต้องทำประกันสุขภาพเด็กพร้อมกับประกันชีวิต เด็กสามารถสมัครเดี่ยวได้ แต่จะมีค่ารักผิดชอบส่วนแรกทุกครั้งที่มีการใช้ประกันในการนอนที่โรงพยาบาล เริ่มตั้งแต่ 20,000 – 30,000 บาท
Pacific Cross ประกันสุขภาพเด็ก
Pacific Cross Standard และ Standard Plus
อีกหนึ่งบริษัทที่กำลังเป็นที่น่าสนใจ คือ Pacific Cross ด้วยแผน Standard การคุ้มครองเริ่มต้นที่ 270,000 บาทต่อการรักษา และ ค่าห้องเริ่มต้นวันละ 2,000 บาท และแผน Standard Plus ที่คุ้มครอง 450,000 บาทต่อการรักษา และค่าห้องให้ 3,000 บาทต่อวัน
สามารถต่ออายุได้ตลอดชีพ และรับส่วนลดในกรณีที่ไม่มีการเคลมหรือใช้ประกัน เครือข่ายโรงพยาบาลของ แปซิฟิค ครอส์สามารถใช้ในประเทศไทยกว่า 450 แห่ง โดยไม่ต้องสำรองจ่าย เวลาไปใช้บริการ
สำหรับเด็กอายุ 1 ปี1ขึ้นไป สามารถสมัครเดี่ยวได้ โดยไม่ต้องพ่วงผู้ปกครอง
นอกจากนี้ จุดเด่นของบริษัทนี้ มีความคุ้มครองกรณีฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมงทั่วโลก อุ่นใจได้เลย
April ประกันสุขภาพเด็ก
April Essential
บริษัทดังจากต่างประเทศที่มีบริษัทจดทะเบียนที่ประเทศไทย April มอบความคุ้มครองตั้งแต่ 16 ล้านบาท ถึง 65 ล้านบาท ทำให้ประกันแผนต่างๆ พอเพียงทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
April ประกันสุขภาพเด็กเป็นผลิตภัณฑ์ประกันที่มุ่งเน้นการให้ความคุ้มครองด้านสุขภาพสำหรับเด็กทุกช่วงวัย โดยบริษัท April นำเสนอแผนประกันที่ครอบคลุมหลายด้าน เช่น การรักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยและอุบัติเหตุ ค่ารักษาในโรงพยาบาล ค่าห้องพัก ค่าผ่าตัด การตรวจสุขภาพประจำปี และการรับวัคซีนตามกำหนด
นอกจากนี้ April ประกันสุขภาพเด็กยังอาจรวมถึงบริการทันตกรรม การดูแลด้านสายตา และการป้องกันโรคต่าง ๆ ที่สำคัญต่อเด็ก โดยแผนประกันของ April มักมีความยืดหยุ่นให้เลือกตามความต้องการของครอบครัว และสามารถปรับเปลี่ยนแผนได้ตามสถานการณ์ เช่น เพิ่มหรือลดความคุ้มครองตามความจำเป็นของผู้ปกครอง
จุดเด่นของ April:
- วงเงินคุ้มครองสูง
- สามารถใช้บริการโรงพยาบาลในเครือข่าย สำหรับเคส IPD ไม่ต้องสำรองจ่าย ยื่นบัตรประกันแล้วใช้บริการได้เลย
จุดสำคัญที่ควรทำการเข้าใจก่อนตัดสินใจซื้อประกันสุขภาพเด็ก ของ April มีค่าใช้จ่ายส่วนร่วมเมื่อใช้บริการโรงพยาบาลทุกครั้ง หากเป็นแผนเด็กเดี่ยว
AXA ประกันสุขภาพเด็ก
AXA Smart Care
ประกันสุขภาพเด็ก AXA เป็นผลิตภัณฑ์ประกันที่ออกแบบมาเพื่อคุ้มครองสุขภาพของเด็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยรุ่น โดยครอบคลุมการรักษาพยาบาลในกรณีที่เกิดโรคหรืออุบัติเหตุ รวมถึงค่ารักษาพยาบาลจากการเจ็บป่วยทั่วไป การตรวจสุขภาพประจำปี การรับวัคซีน และการรักษาฉุกเฉิน นอกจากนี้ยังมีความคุ้มครองในส่วนของค่าห้องพักในโรงพยาบาล การดูแลสุขภาพช่องปาก และบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพของเด็ก ประกันสุขภาพเด็ก AXA ยังมีแผนประกันที่ยืดหยุ่นตามความต้องการของครอบครัว ทำให้ผู้ปกครองมั่นใจได้ว่าลูกของตนจะได้รับการดูแลและปกป้องอย่างเต็มที่ตลอดวัยเด็ก
บริษัท AXA มีแผนประกันสุขภาพเด็กให้เลือก อย่างเช่น AXA Smart Care Essential 1 วงเงินคุ้มครอง 1 ล้านบาท ต่อการรักษา และวงเงินค่าห้อง วันละ 3,000 บาท สำหรับห้องเดี่ยวมาตรฐาน
สำหรับอายุ 0-17 ปี จำเป็นต้องมีผู้ปกครองพ่วงด้วย และมีระยะเวลารอคอย 30 วัน ถึงจะใช้งานประกันได้
AIA ประกันสุขภาพเด็ก
AIA H&S Extra
ปิดท้ายสำหรับคนที่กำลังคิดอยู่ว่าจะซื้อประกันสุขภาพเด็กที่ไหนดี สัญญาเพิ่มเติมจาก AIA นี้ก็ถือว่าตอบโจทย์ ซื้อได้ทันทีตั้งแต่อายุ 15 วัน คุ้มครองให้อายุถึง 99 ปี จ่ายผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอกตามจริงสูงสุด 9,000 บาท หากไม่มีการเคลมจะได้รับประโยชน์เงินคืนพิเศษเพิ่มเติมสูงสุด 4,500 บาท แต่จำเป็นต้องมีประกันชีวิตกับ AIA อยู่แล้วอย่างน้อย 1 ฉบับ
สำหรับ AIA ไม่สามารถซื้อประกันสุขภาพเด็กเดี่ยวได้ จำเป็นต้องพ่วงผู้ปกครองเข้าไปในแผนด้วย
ติดตาม ข่าวสาร และ โปรโมชั่นต่างๆ
แนะนำแนวทางในการเลือกซื้อประกันสุขภาพเด็ก
เมื่อเข้าใจถึงความสำคัญกันไปเรียบร้อยจะเห็นว่าการทำประกันสุขภาพเด็กเป็นสิ่งสำคัญมาก อย่างไรก็ตามก่อนตัดสินใจว่าจะเลือกทำประกันสุขภาพเด็กที่ไหนดี 2567 พ่อแม่ก็ต้องมีแนวทางประเมินเบื้องต้นเพื่อให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุดทั้งในเรื่องของเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายแต่ละปี รวมถึงเมื่อต้องใช้ประกันกับลูกน้อย ยังสามารถครอบคลุมอาการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นได้มากที่สุดแบบไม่ต้องเสียเงินเพิ่มหรือจ่ายน้อยที่สุด ลองมาศึกษาเลย
ประเมินสุขภาพและความเสี่ยงของโรคที่อาจเกิดกับลูก
สิ่งแรกที่ต้องรู้ก่อนเลือกซื้อประกันสุขภาพเด็กคือสุขภาพและความเสี่ยงของโรคที่อาจเกิดขึ้นกับลูกได้ ด้วยเด็กแต่ละคนมีสุขภาพและภูมิคุ้มกันแตกต่างกันออกไป เช่น เด็กบางคนมีโรคประจำตัวอย่างภูมิแพ้ หอบหืด ขณะที่บางคนอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ อาทิ ไข้เลือดออก โรคชิคุนกุนย่าฯลฯ การประเมินทั้ง 2 เรื่องนี้จะช่วยให้พ่อแม่เลือกประกันเด็กที่เหมาะ และครอบคลุมการรักษามากที่สุด
ตรวจสอบสวัสดิการด้านสุขภาพของที่ลูกมีอยู่
การตรวจสอบสวัสดิการเกี่ยวกับสุขภาพของลูกจะช่วยให้พ่อแม่ประหยัดค่าใช้จ่ายในการทำประกันสุขภาพของเด็กลงไปได้เยอะมาก เพราะไม่จำเป็นต้องเลือกแผนที่ครอบคลุมในทุกหมวด ซึ่งส่งผลให้เบี้ยราคาสูงเช่น ลูกมีสวัสดิการเบิกค่ารักษาพยาบาลจากพ่อที่เป็นข้าราชการอยู่แล้ว ก็อาจเลือกทำประกันสุขภาพ แค่เฉพาะโรคร้ายแรง หรือทำประกันเงินออมสะสมทรัพย์เก็บไว้ในอนาคตก็ได้เช่นกัน
เปรียบเทียบข้อมูลโรงพยาบาลที่คาดว่าน่าจะเข้ารับการรักษา
เรื่องนี้ก็มีผลต่อการซื้อประกันสุขภาพเช่นกัน เพราะโรงพยาบาลแต่ละแห่งมีค่าใช้จ่ายแตกต่างกันออกไป พ่อแม่จึงต้องเปรียบเทียบให้ชัดเจนว่าเมื่อลูกมีการเจ็บป่วยและต้องเข้ารักษาตัวอยากใช้บริการที่โรงพยาบาลใดมากที่สุด เพื่อจะได้เลือกซื้อประกันอย่างเหมาะสม และ ไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกันแพงเกินไป (ในกรณีค่ารักษาของโรงพยาบาล ไม่สูงมาก)
ศึกษาแผนความคุ้มครองของประกันสุขภาพเด็ก
แผนประกันสุขภาพเด็กแต่ละบริษัทมีความแตกต่างกัน จึงต้องศึกษาให้ละเอียดว่าแต่ละกรมธรรม์มีความคุ้มครองเรื่องใดบ้าง ให้วงเงินเท่าไหร่ มีเงื่อนไขพิเศษอื่นใดหรือไม่ เพื่อจะได้ไม่ต้องมาถกเถียงกันภายหลังหรือรู้สึกว่าเบี้ยประกันที่จ่ายไปไม่คุ้มค่า
ประเมินงบที่พร้อมจ่ายกับแผนประกันที่เลือก
ก่อนตัดสินใจว่าจะซื้อประกันสุขภาพเด็กที่ไหนดี ลองนำข้อมูลต่าง ๆ ที่วางแผนเอาไว้ทั้งเรื่องสุขภาพของลูก ความเสี่ยงต่อการเกิดโรค สวัสดิการที่เขามี งบประมาณที่พ่อแม่พร้อมจ่ายแต่ละปี มาเทียบกับแผนประกันอย่างเหมาะสม โดยดูทั้งเรื่องรายละเอียดความคุ้มครอง วงเงินคุ้มครองแต่ละกรณี รวมถึงวงเงิน Deductible (ความรับผิดส่วนแรก) ในบางเงื่อนไข
เลือกบริษัทประกันที่มีแผนเหมาะกับลูกมากที่สุด
เมื่อพิจารณาเงื่อนไขทุกอย่างละเอียดครบถ้วนแล้วก็เลือกบริษัทประกันที่มีแผนเหมาะสมกับการดูแลลูกน้อย รวมถึงไม่หนักหนาเกินไปสำหรับพ่อแม่ในการจ่ายชำระเบี้ยแต่ละปี
ศึกษารายละเอียดและทำสัญญากรมธรรม์
หลังตัดสินใจได้เรียบร้อยว่าจะเลือกประกันสุขภาพเด็กที่ไหนดี ต้องเข้าใจต่อถึงสัญญาประกันแต่ละบริษัท หรือแต่ละกรมธรรม์ ซึ่งมักแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับสุขภาพ โรคประจำตัว ประวัติการรักษาพยาบาล เช่น บางกรณีมีหมายเหตุไม่คุ้มครองโรคที่เคยรับรักษามาก่อนหน้า เป็นต้น ดังนั้นก่อนเซ็นสัญญาทำประกันต้องอ่านอย่างละเอียดทุกจุด
ตรวจสอบข้อมูลกรมธรรม์อีกครั้ง
เมื่อทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยเจ้าหน้าที่จะดำเนินการทำหนังสือสัญญากรมธรรม์ให้กับพ่อแม่ เมื่อได้รับแล้วต้องตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งว่าตรงกับที่พูดคุยไว้หรือไม่ ตั้งแต่ชื่อ-สกุล ข้อมูลส่วนตัว เงื่อนไขเกี่ยวกับการรับประกัน และอื่น ๆ เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาภายหลัง เวลาต้องใช้ประกัน
คุณพ่อคุณแม่ ที่ LUMA เลือกประกันสุขภาพให้ลูกอย่างไร?
ฉันมีลูก 2 คนค่ะ ทำประกันสุขภาพให้ลูกตั้งแต่วันที่คลอดลูกเลยค่ะ เพิ่มเป็นสมาชิกเข้าไปในแผนครอบครัวที่ถืออยู่ สำหรับฉัน เวลาเปรียบเทียบประกันสุขภาพให้ลูก จะให้ความสำคัญกับความคุ้มครอง ทั้งปีมีวงเงินให้เท่าไร เพียงพอสำหรับการรักษาต่างๆในทุกวันนี้ไหม แล้วก็ต้องดูราคาเบี้ยประกันด้วยค่ะ
Kanniga, แผนก IT
ทำประกันสุขภาพให้ลูกสาวตั้งแต่อายุ 15 วันค่ะ เพราะตอนนั้น เขากำหนดเวลา เร็วที่สุดที่สามารถทำให้เด็กแรกเกิดได้ คือ 15 วันหลังการคลอด สำหรับครอบครัวฉัน ตอนเลือกแผนประกัน เน้นไปทางผู้ป่วยในมากกว่าค่ะ เพราะเวลาต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล โดยเฉพาะโรงพยาบาลเอกชน ค่าใช้จ่ายสูงมาก เลยเลือกแผนประกันที่คุ้มครอง IPD สูงค่ะ
Chontara, แผนก Claim
เพิ่งทำประกันให้ลูกคนที่ 2 พอครบ 15 วันหลังคลอด รีบทำเลยค่ะ พอเป็นลูกคนที่ 2 เลยเข้าใจมากขึ้นว่าความคุ้มครองที่ต้องการ ต้องครอบคลุมอะไรบ้าง ตอนที่เลือกแผนประกันสุขภาพให้ลูก ต้องมีวงเงินอย่างน้อย 3 ล้านบาทต่อปี และ ความคุ้มครองผู้ป่วยใน เน้นดูค่าห้องเป็นพิเศษ เพราะสมัยนี้ ค่าใช้จ่ายสูงมาก ชอบมีค่าใช้จ่ายส่วนเกินที่จะต้องจ่ายตอนจะกลับบ้าน เลยเลือกแผนที่มีค่าห้องสูง หรือจ่ายตามจริงทั้งหมด ส่วนความคุ้มครองผู้ป่วยนอก ก็ดู แต่ไม่มากเพราะสำหรับเด็ก ป่วยแต่ละครั้งหนักจนต้องนอนโรงพยาบาลทุกที สำหรับฉัน ความคุ้มครอง OPD จะพิจารณาหากความคุ้มครองสำหรับการฉีดวัคซีนมันน่าสนใจ ถ้ามันไม่คุ้มครองเท่าไร ก็จะเลือกเฉพาะ IPD (ผู้ป่วยใน)
Xaynaly, แผนก Client Solutions
สรุป
ก่อนตัดสินใจเลือกว่าจะทำประกันสุขภาพเด็กที่ไหนดีอย่าลืมพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความคุ้มค่าทั้งเรื่องงบที่ต้องจ่ายแต่ละปีรวมถึงความคุ้มครองครอบคลุมกับการเจ็บป่วยของลูกน้อย ย้ำว่าการมีประกันสุขภาพเด็กคือเรื่องสำคัญมากเพราะการเจ็บป่วยของลูกรอไม่ได้ หากรับการรักษาแบบทันท่วงทีแถมไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ยังไงย่อมดีกว่าต้องจ่ายเต็ม ๆ ด้วยตนเองทุกครั้งอย่างแน่นอน