ปฏิเสธไม่ได้ว่าไฮไลต์สำคัญอย่างหนึ่งของนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่มีโอกาสไปเยือนประเทศสเปนนั่นคือ การสัมผัสกับ “ปราสาทสเปน” อันแสนมีมนต์ขลัง ทั้งเรื่องสถาปัตยกรรมอันแสนงดงามตั้งแต่ยุคโบราณที่ยังคงตั้งตระหง่านแสดงถึงร่องรอยอารยธรรมไม่เปลี่ยน ความคลาสสิกอันหาสิ่งอื่นใดเปรียบ แถมทั่วประเทศยังมีปราสาทหลายแห่งให้ได้เก็บภาพที่ระลึกอีกด้วย จึงอยากพาทุกคนสัมผัสกับ 6 ปราสาทสุดขลังพร้อมยืนยันว่าห้ามพลาดจริง ๆ เมื่อเที่ยวสเปน สวยงาม น่าประทับใจจนลืมไม่ลง
Alcázar of Segovia ต้นแบบปราสาทเทพนิยายสุดอลังการ
เริ่มกันด้วยปราสาทสเปนแห่งแรกที่งดงามเกินบรรยายและยังถูกใช้เป็นต้นแบบของปราสาทเจ้าหญิงซินเดอเรลล่าในการ์ตูนดิสนีย์ หนึ่งในปราสาทที่มีความงดงามมากสุดของสเปนแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองเซโกเบีย (Segovia) ความพิเศษแรกคือถูกสร้างขึ้นบนผาหินฝั่งตะวันตกของย่านเมืองเก่าอยู่เหนือจุดบรรจบกันระหว่างแม่น้ำ Eresma และ Clamores
ปราสาทแห่งนี้ถูกบันทึกอยู่ในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ช่วงราวศตวรรษที่ 12 แต่ในความเป็นจริงคาดว่าถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ยุคโรมันโบราณเนื่องจากมีหลักฐานยืนยันการมีอยู่ของสถานที่สำคัญอย่างสะพานส่งน้ำเซโกเบีย แต่ไม่มีใครรู้ว่าชื่อเก่าคืออะไร เดิมทีถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นป้อมปราการตามแบบฉบับอาหรับ กระทั่งมีการปรับรูปแบบให้ได้กลิ่นอายความเป็นสถาปัตยกรรมแนวโกธิกโบราณจากช่างฝีมือชาวสเปนยุคของพระเจ้าจอห์นที่ 2 และพระเจ้าเฮนรีที่ 4 เพื่อใช้เป็นสถานที่ประทับของพระราชวงศ์คาสติล (Castile)
ความรู้สึกของหลายคนที่ได้เห็นกับตาตนเองมักบอกว่าปราสาทแห่งนี้มีความขลัง หนักแน่น แข็งแกร่ง ดูน่าเกรงขามเนื่องจากจุดประสงค์แรกเพื่อป้องกันข้าศึกนั่นเอง แถมภายในยังมีทางเดินลับอยู่หลายจุดมากอีกด้วย รับรองน่าประทับใจไม่ลืมแน่
เวลาเปิด-ปิด: เปิดให้เข้าชมทุกวัน 10.00 – 20.00 น.
สถานที่ตั้ง: Pl. Reina Victoria Eugenia, s/n, 40003 Segovia
การเดินทาง: เมื่อถึงเมืองเซโกเบียสามารถนั่งรถบัสท้องถิ่นสาย 11 ลงป้าย Acueducto 3 แล้วเดินต่อประมาณ 15 นาที
พิกัด: กดดูพิกัด
Palace of Charles V ปราสาทสเปนดีไซน์สุดแปลกตา
ปราสาทแห่งต่อมาตั้งอยู่ในเมืองกรานาดา (Granada) มีจุดเริ่มต้นจากพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 5 ต้องการสถานที่พักผ่อนอันแสนสะดวกสบายของทั้งตนเองและเชื้อพระวงศ์ เหตุผลสำคัญคือ พระราชวัง Alcázar ซึ่งเป็นสถานที่ประทับช่วงฤดูร้อนไม่ครอบคลุมมากพอ จึงมีพระดำรัสสั่งให้สร้างถัดจากพระราชวัง Alhambra บนจุดสูงสุดของยอดเนินเขา Sabika ปราสาทสเปนสุดงดงามจึงเริ่มก่อสร้างในปี 1527 ก่อนจะแล้วเสร็จปี 1957 ซึ่งความล่าช้ามาจากหลายปัจจัย เช่น ขาดงบประมาณ การก่อจลาจล การออกแบบหลายขั้นตอน และอื่น ๆ
ความแปลกตาของสถานที่แห่งนี้คือด้านนอกถูกออกแบบให้เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้าง 63 เมตร ยาว 17 เมตร ขณะที่ด้านในดีไซน์ออกมาเป็นลักษณะวงกลมจึงนับเป็นปราสาทที่มีความโดดเด่น แปลกตา และเฉพาะตัวมาก ๆ ในสเปน สถาปัตยกรรมยุคเรเนซองส์ที่ไม่เหมือนใคร
การตกแต่งจะเน้นทางฝั่งทิศใต้และตะวันตก ขณะที่ทิศเหนือและตะวันออกจะทำเพียงบางส่วน เนื่องจากอยู่ติดกับพระราชวัง Alhambra ตัวอาคารทำจากหิน ขณะที่อาคารตรงกลางด้านหน้าเป็นหินอ่อนสุดตระการตา บ่งบอกความเป็นศิลปะในยุคเรเนซองส์ของสเปนได้แบบไร้ที่ติดอย่างมาก
เวลาเปิด-ปิด: เปิดให้เข้าชมทุกวัน แบ่งเป็น 2 รอบ คือ 08.30 – 20.00 น. (วันอาทิตย์กับวันจันทร์มีแค่รอบนี้รอบเดียว) และ 22.00 – 23.30 น.
สถานที่ตั้ง: C. Real de la Alhambra, s/n, 18009 Granada
การเดินทาง: เมื่อถึงเมืองกรานาดาสามารถนั่งรถบัสท้องถิ่นสาย C32 ลงป้าย Puerta de la Justicia แล้วเดินต่อประมาณ 3 นาที
พิกัด: กดดูพิกัด
Aljafería Palace ปราสาทพร้อมป้อมปราการน่าเกรงขาม
เที่ยวสเปนสัมผัสกับความคลาสสิกของเรื่องราวความรุ่งเรืองในอดีตกันต่อ ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 11 ตั้งอยู่ในเมืองซาราโกซา (Zaragoza) โดดเด่นด้วยการออกแบบทางสถาปัตยกรรมแบบอิสลาม มีหอคอยทรงกลมตั้งตระหง่านมองเห็นแต่ไกล โอบล้อมด้วยป้อมปราการขนาดใหญ่เพิ่มความน่าเกรงขามกับฝ่ายศัตรูที่จะยกทัพเข้ามาโจมตีเมื่อครั้งอดีต ด้านในบริเวณลานเซนต์มาร์ตินเป็นจุดแลนด์มาร์กที่เหมาะกับการถ่ายรูปความงดงามตามแบบสถาปัตยกรรมสุดคลาสสิก มีช่องประตูแบบมัวร์ โบสถ์ขนาดเล็กแบบมูเดฆาร์ และหอคอยทรูบาดอร์ ที่เป็นหอคอยสี่เหลี่ยมสุดแปลกตา
เดิมทีปราสาทสเปนแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ประทับของกษัตริย์ซึ่งปกครองดูแลพี่น้องมุสลิม (นิยมเรียกว่า “แขกมัวร์) กระทั่งเวลาต่อมาก็ถูกเปลี่ยนเป็นสถานที่ประทับของกษัตริย์คริสต์แห่งอารากอน และกษัตริย์คาทอลิกแห่งสเปน ความพิเศษมากกว่าคือปัจจุบันบางส่วนของปราสาทยังถูกใช้งานเป็นที่ทำการใหญ่ของรัฐสภาประจำภูมิภาคอีกด้วย แวะมาได้เลยไม่ผิดหวังแน่
เวลาเปิด-ปิด: เปิดให้เข้าชมทุกวัน แบ่งเป็น 2 รอบ คือ 10.00 – 14.00 น. และ 16.30 – 20.00 น. (ยกเว้นวันที่มีการประชุมรัฐสภา)
สถานที่ตั้ง: C. de los Diputados, s/n, 50003 Zaragoza
การเดินทาง: เมื่อถึงเมืองซาราโกซาสามารถนั่งรถบัสท้องถิ่นสาย 34 ลงป้าย Diputados (Aljaferia) แล้วเดินต่อประมาณ 4 นาที
พิกัด: กดดูพิกัด
Castle of Bellver ปราสาทสไตล์โกธิกบนเนินเขา
เที่ยวสเปนกันให้เพลินกับปราสาทที่แปลจากภาษากาตาลันได้ว่า “ทิวทัศน์อันสวยงาม” ด้วยทำเลที่ตั้งบนยอดเขาสูงตระหง่านด้านทิศตะวันตกของเกาะปาลมาส (Palmas) เมืองมายอร์กา (Mallorca) โอบล้อมด้วยไม้สนกลิ่นหอม ไม่มีความพิเศษไหนจะดีไปมากกว่าการเยือนสเปนที่นี่อีกแล้ว ปราสาททรงกลมเพียงแห่งเดียวในประเทศและเป็นสถานที่สำคัญของเมือง
ตามประวัติศาสตร์ ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 14 เพื่อเป็นป้อมปราการขนาดยักษ์ มีความโอ่อ่า และในทางสถาปัตยกรรมยังถือเป็นผลงานชิ้นเอกสไตล์โกธิกคาตาลันด้วย ปราสาทนี้มักมีกษัตริย์แวะเวียนมาพักผ่อนช่วงฤดูร้อนระยะสั้น ๆ อย่างไรก็ตาม ก็เคยเป็นสถานที่คุมขังนักโทษมายาวนานกว่า 6 ศตวรรษ
ปัจจุบันปราสาทแห่งนี้ยังคงถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดี มีคูน้ำและสะพานชักเหมือนเมื่อครั้งอดีต หอคอยสูง 3 จุด และหอคอยหลัก 1 จุด ซึ่งรู้จักกันในชื่อ Torre del Homenaje เชื่อมต่อกับปราสาทหลักด้วยสะพานขนาดเล็ก ลานกลางทรงกลม มีสองชั้น ชั้นล่างประกอบด้วยซุ้มโค้งแบบคาตาลันโรมาเนสก์ส่วนชั้นบนเป็นศิลปะแบบโกธิคโค้ง ดีงามจนไม่อยากให้พลาด
เวลาเปิด-ปิด: เปิดให้เข้าชมวันอังคาร – วันเสาร์ เวลา 10.00 – 18.00 น. วันอาทิตย์ เวลา 10.00 – 14.00 น. หยุดวันจันทร์
สถานที่ตั้ง: Carrer Camilo José Cela, s/n, 07014 Palma, Illes Balears
การเดินทาง: เมื่อถึงเมืองซาราโกซาสามารถนั่งรถบัสท้องถิ่นสาย 4 หรือ 46 ลงป้าย 61-Joan Miró – s’Aigua Dolça แล้วเดินต่อประมาณ 15 นาที
พิกัด: กดดูพิกัด
Palace of the Kings of Navarre of Olite ปราสาทสุดคลาสสิก
พระราชวังแห่งนี้มีอีกชื่อว่า The Royal Palace of Olite หนึ่งในสถานที่ประทับของราชสำนักแห่งอาณาจักรนาวาร์ (Navarre) มาตั้งแต่ยุคสมัยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 กระทั่งได้รวมเป็นหนึ่งกับอาณาจักรคาสตีล (Castile) เมื่อปี 1512 และยังคงทำหน้าที่เป็นสถานที่พำนักของผู้ว่าราชการแทนกษัตริย์หากพระองค์เสด็จเยือนต่างประเทศหรือไม่ได้อยู่ในอาณาจักร
อย่างไรก็ตามในปี 1813 พระราชวังแห่งนี้ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการเกิดเพลิงไหม้ (ยกเว้นบริเวณโบสถ์) ด้วยฝีมือการรุกรานฝรั่งเศสของจักรพรรดินโปเลียน กระทั่งได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่อีกครั้งเมื่อปี 1937 ซึ่งใช้ระยะเวลายาวนานมากกว่า 30 ปี ถึงกลับสู่งานสถาปัตยกรรมแบบเดิมที่งดงามและทุกคนคุ้นเคยกันดี
ภายในปราสาทมีความโอ่อ่า ใหญ่โตกว้างขวาง แต่เป็นเรื่องน่าเสียดายหลังเหตุการณ์ไฟไหม้ การตกแต่งบางอย่างได้สูญหายไปเนื่องจากไม่มีช่างคนไหนรับรู้ได้ถึงงานดีไซน์ในยุคอดีต นับเป็นอีกความน่าประทับใจสำหรับคนที่มีโอกาสได้ไปเยือนสเปนอย่างแน่นอน
เวลาเปิด-ปิด: เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 10.00 – 19.00 น. ยกเว้นวันศุกร์และวันเสาร์เปิดถึง 20.00 น.
สถานที่ตั้ง: Pl. Carlos III El Noble, 4, 31390 Olite, Navarra
การเดินทาง: เมื่อถึงเมืองนาวาร์ราสามารถนั่งรถไฟลงสถานี Olite แล้วเดินต่อประมาณ 5 นาที
พิกัด: กดดูพิกัด
Palau Reial Major ปราสาทสุดอลังการแห่งคาตาลัน
ปราสาทสเปนแห่งสุดท้ายตั้งอยู่ที่เมืองบาร์เซโลน่า (Barcelona) เดิมทีเป็นสถานที่ประทับของเคานต์แห่งบาร์เซโลน่าก่อนจะเปลี่ยนเป็นกษัตริย์แห่งอารากอน สถาปัตยกรรมของปราสาทแห่งนี้จะเป็นอาคาร 3 หลัง บริเวณ Salón de Tinell เป็นจุดประกอบพิธีกรรมโดดเด่นด้วยดีไซน์ทรงโค้งปิดทึบแบบเดียวกับงานศิลปะแบบโรมันยุคเก่า
บริเวณโบสถ์ Palatine Santa Ágata จะมีแท่นบูชาของ Constable Peter of Portugal สร้างขึ้นโดยศิลปิน Jaime Huguet ซึ่งมีผลงานชิ้นเอกเป็นภาพวาดโกธิคคาตาลัน และจุดสุดท้ายเป็นพระราชวัง Lloctinent สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 โดย Antoni Carbonell นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าสถานที่แห่งนี้มีการนำเอาศิลปะความงดงามระหว่างโกธิกตอนปลายและเรเนซองส์ตอนต้นเข้ามาผสานกันได้อย่างลงตัว
ทุกคนที่ได้สัมผัสเมื่อมาเที่ยวสเปนที่นี่ต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันในด้านความงดงามและมีประวัติศาสตร์ยาวนาน พื้นที่อันแสนยิ่งใหญ่และความโอ่อ่าทุกอย่างบ่งบอกเรื่องราวในอดีตของชนชาติสเปนที่ยังคงชัดเจนได้แบบไม่เสื่อมคลาย
เวลาเปิด-ปิด: เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 10.00 – 19.00 น. ยกเว้นวันอาทิตย์เปิดถึง 20.00 น.
สถานที่ตั้ง: Palau Reial Major, C. dels Comtes, 2, 08002 Barcelona
การเดินทาง: เมื่อถึงเมืองบาร์เซโลน่าสามารถนั่งรถไฟลงสถานี Barcelona-Paseo De Gracia แล้วเดินต่อประมาณ 15 นาที
พิกัด: กดดูพิกัด
นี่คือปราสาทของประเทศสเปนทั้ง 6 แห่งสำหรับคนที่วางแผนเที่ยวสเปนพร้อมชมความอลังการแห่งประวัติศาสตร์ และอย่าลืมทุกครั้งที่ต้องเดินทางไปเมืองนอกก็เพิ่มความอุ่นใจให้กับตนเองได้ง่าย ๆ ด้วยการมีประกันเดินทางต่างประเทศ ซึ่งใครที่กำลังมองหาประกันดี ๆ สักฉบับต้องไม่พลาด “ประกันเดินทางต่างประเทศ” จาก Luma ซื้อง่ายผ่านช่องทางออนไลน์ สะดวกมากกว่าใคร ให้คุ้มครองสูงสุดถึง 5 ล้านบาท ครอบคลุมการรักษาหากติดเชื้อโควิด-19 ใช้ยื่นขอวีซ่าได้แบบไร้กังวล ทริปไหนก็พร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่ให้ชีวิต