เกาหลีใต้ ประเทศที่แทบทุกคนต้องอยากไปด้วยชื่อเสียงอันโด่งดัง ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติที่สวยงาม ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ของกินสุดอร่อย บรรยากาศที่โรแมนติก หรือสถานที่ท่องเที่ยวอันเป็นเอกลักษณ์มากมาย แต่ในอีกด้านหนึ่ง ประเทศเกาหลีเองก็มีชื่อเสียงเกี่ยวกับความยากในการเข้าประเทศ เนื่องจากมีผู้คนประสบปัญหาไม่ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นวิธีที่จะช่วยให้การเข้าประเทศเกาหลีสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น คือ การเลือกทำ “K-ETA” หรือ “วีซ่าเกาหลี” ซึ่ง K-ETA คืออะไร เหมือนหรือแตกต่างจากวีซ่าเกาหลียังไง รวมถึงมีวิธีการขอยังไงเพื่อให้ได้เข้าเกาหลี วันนี้ LUMA จะมาอธิบายให้ฟัง
K-ETA และ วีซ่าเกาหลีคืออะไร แตกต่างกันยังไง
K-ETA หรือ Korea Electronic Travel Authorization เป็นระบบขออนุญาตเพื่อเดินทางเข้าประเทศเกาหลีสำหรับชาวต่างชาติโดยไม่จำเป็นต้องขอวีซ่า ซึ่งระบบนี้ถูกใช้โดยกระทรวงยุติธรรมของเกาหลีใต้เพื่อแก้ปัญหาการโดนปฏิเสธของนักท่องเที่ยวที่มากขึ้นในทุกปีเนื่องจากข้อจำกัดในด้านจำนวนการเปิดรับคนเข้าประเทศ รวมถึงแก้ปัญหาการลักลอบเข้าประเทศเกาหลีมาทำงานอย่างผิดกฏหมายซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศเกาหลีอีกด้วย
ส่วน วีซ่าท่องเที่ยวเกาหลี หรือ วีซ่า C-3-9 คือ หนึ่งในประเภทของวีซ่าสำหรับคนที่ต้องการเดินทางมาเที่ยวเกาหลี สำหรับคนไทยหากยื่นขอวีซ่าเกาหลีประเภทนี้จะสามารถท่องเที่ยวและพำนักอาศัยได้ไม่เกิน 90 วัน อย่างไรก็ตามการขอวีซ่าท่องเที่ยวของเกาหลีจะถูกกำหนดไว้ว่า “หากประเทศที่สมัคร K-ETA ได้ ทางสถานทูตฯ จะรับสมัครวีซ่าเฉพาะผู้ที่ไม่ผ่านการอนุมัติ K-ETA เท่านั้น” หรือก็คือ สามารถสมัครวีซ่าได้ตั้งแต่ผลปฏิเสธ K-ETA ครั้งที่ 1
ดังนั้นแล้ว K-ETA และวีซ่าท่องเที่ยวเกาหลี ต่างก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้ในการเข้าประเทศเกาหลีเหมือนกัน แต่จะแตกต่างกันในเรื่องของลำดับความสำคัญที่ K-ETA จะถือว่ามีความสำคัญในลำดับแรก ควรที่จะขอเป็นอันดับแรก และ วีซ่าท่องเที่ยวเกาหลีมีความสำคัญรองลงมา หรือก็คือควรขอหลังจากที่ขอ K-ETA ไม่ผ่านนั่นเอง
คุณสมบัติของผู้ที่ต้องการขอ K-ETA และวีซ่าท่องเที่ยวเกาหลี
สำหรับคุณสมบัติเบื้องต้นของผู้ที่ต้องการขอ K-ETA และวีซ่าท่องเที่ยวเกาหลีนั้นเหมือนกัน นั่นคือต้องมีอาชีพหน้าที่การงานของตนเองที่ชัดเจน (มีเอกสารยืนยันการทำงานจากบริษัท หรือกรณีเป็นเจ้าของธุรกิจต้องมีหนังสือรับรองบริษัทที่มีชื่อของตนเอง) ไม่เป็นผู้ที่มีประวัติทางอาชญากรรม หรือเป็นบุคคลถูกสั่งห้ามออกนอกประเทศ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นพื้นฐานของการยื่นเข้าประเทศเกาหลีให้ผ่านง่ายขึ้นกว่าเดิม
ขั้นตอนและรายละเอียดการยื่นขอ K-ETA
เอกสารและสิ่งจำเป็นในการสมัคร K-ETA
- หนังสือเดินทาง หรือ พาสปอร์ต (passport)
- รูปถ่ายหน้าตรง แบบทางการ
- เอกสารการจองที่พักอาศัยในประเทศเกาหลี
- บัตรเครดิตสำหรับหักค่าธรรมเนียม 10,000 วอน (ประมาณ 250-280 บาท)
จะเห็นได้ว่าตั๋วเครื่องบินไม่จำเป็นในการขอ K-ETA จึงสามารถจองได้เมื่อได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศเกาหลีแล้ว แต่ก็จำเป็นต้องจองที่พักอาศัยไว้ก่อน เพื่อใช้เป็นเอกสารประกอบการขอ K-ETA ดังนั้นจึงควรเลือกที่พักที่สามารถยกเลิกการจองได้ เผื่อสำรองในกรณีที่ขอ K-ETA ไม่ผ่านนั่นเอง
ขั้นตอนการสมัคร K-ETA
- สมัครได้ที่เว็บไซต์ www.k-eta.go.kr หรือ โมบายแอพพลิเคชั่น K-ETA ซึ่งจำเป็นต้องสมัครอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ก่อนเดินทางไปประเทศเกาหลี
- กรอกอีเมลที่ต้องการรับผลการอนุญาตในการเข้าประเทศของ K-ETA
- กรอกข้อมูลรายละเอียดหนังสือเดินทาง หรือ พาสปอร์ต (passport) และถ่ายหน้าหนังสือเดินทางเข้าสู่ระบบ
- กรอกเหตุผลหรือเป้าหมายในการเดินทาง การพักอาศัยในประเทศเกาหลี และอื่นๆ พร้อมทั้งแนบรูปถ่ายหน้าตรงแบบทางการ
- ชำระค่าธรรมเนียม 10,000 วอน หรือประมาณ 280 บาท (ไม่รวมค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมอื่นๆ) เพื่อยืนยันการสมัคร K-ETA นอกจากนี้ยังสามารถสมัครให้คนอื่นได้สูงสุดถึง 30 คน และจ่ายค่าธรรมเนียมพร้อมกันได้ในครั้งเดียว
- สามารถตรวจสอบผลการอนุญาตเดินทางไปประเทศเกาหลี จากกระทรวงยุติธรรมของสาธารณรัฐเกาหลี ได้ภายใน 24 ชั่วโมงผ่านอีเมลที่กรอกเข้าไปในระบบ นอกจากนี้ K-ETA ยังมีอายุการใช้ 2 ปี มีระยะพำนักในเกาหลีครั้งละไม่เกิน 90 วัน และสามารถเข้าเกาหลีได้โดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง
ขั้นตอนและรายละเอียดการยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยวเกาหลี
เอกสารและสิ่งจำเป็นในการสมัครวีซ่าท่องเที่ยวเกาหลี
- แบบฟอร์มกรอกรายละเอียดการขอวีซ่า ติดรูปถ่ายขนาด 1.5 นิ้ว 1 รูป (รูปถ่ายจำเป็นต้องเป็นพื้นหลังสีขาว อายุไม่เกิน 6 เดือน)
- หนังสือเดินทางตัวจริง และหนังสือเดินทาง 1 ฉบับ
- ประวัติหนังสือเดินทาง (สามารถขอเอกสารได้ที่กรมการกงสุล กระทรวงต่างประเทศ)
- หลักฐานการปฏิเสธ K-ETA เฉพาะผู้ที่ไม่ได้รับอนุมัติ (จากที่ได้กล่าวไปข้างต้น วีซ่าท่องเที่ยวเกาหลีสามารถสมัครได้หลังจากได้รับการปฏิเสธจาก K-ETA)
- หนังสือรับรองการทำงานเป็นภาษาอังกฤษ ระบุทั้งตำแหน่งและเงินเดือน (กรณีเป็นเจ้าของธุรกิจให้แนบเป็นหนังสือรับรองจดทะเบียนบริษัท ฉบับภาษาอังกฤษ และได้รับการรับรองจากกรมการกงสุล) ทั้งนี้หากใครไม่มีหนังสือรับรองการทำงาน หรือไม่มีหนังสือรับรองจดทะเบียนบริษัท ต้องเขียน Explanation Letter เพื่ออธิบายลักษณะงานหรือธุรกิจของตนเอง แหล่งที่มารายได้ (ทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษ) พร้อมลงวันที่และลายมือชื่อ
- รายการเดินบัญชีออมทรัพย์ส่วนบุคคล (Statement) ย้อนหลัง 6 เดือนล่าสุด โดยนับจากวันที่สมัครไม่เกิน 2 สัปดาห์
- เอกสารหลักฐานการจองโรงแรมที่พักระหว่างอยู่ในประเทศเกาหลี
- แผนการท่องเที่ยว กำหนดการต่าง ๆ ในแต่ละวัน (ฉบับภาษาอังกฤษ)
- หลักฐานการจองตั๋วเครื่องบินเดินทางไป-กลับ หรือเดินทางต่อไปยังประเทศอื่น
- ค่าธรรมเนียม 1,020 บาท (อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามข้อกำหนดของทางสถานทูตได้)
ขั้นตอนการสมัครวีซ่าท่องเที่ยวเกาหลี
นำเอกสารทั้งหมดที่เตรียมไว้ไปยื่นกับทางสถานทูตเกาหลีระหว่างเวลา 08.30 – 11.00 น. (ไม่ต้องจองคิวล่วงหน้า)
ปล.กรณีส่งผู้แทนไปยื่นขอวีซ่าต้องมีใบมอบอำนาจตามแบบฟอร์มที่ทางสถานทูตฯ กำหนด พร้อมสำเนาบัตรประชาชนหรือสำเนาพาสปอร์ตของผู้รับมอบอำนาจ
- เมื่อไปถึงให้กดคิวเบอร์ 0 สำหรับวีซ่าท่องเที่ยว
- พอถึงคิวของตนเองให้ทำการยื่นเอกสารทุกอย่างให้ครบทั้งหมด ทางสถานทูตฯ จะตรวจสอบความเรียบร้อยของเอกสารจากนั้นจึงชำระค่าธรรมเนียม เป็นอันเสร็จวิธีขอวีซ่าเกาหลี โดยผู้สมัครต้องทำการรอผลพิจารณาต่อไป
- กรณีต้องยื่นเอกสารเพิ่มเติม (หากได้รับการติดต่อจากทางสถานทูตฯ) สามารถเข้ามายื่นได้ระหว่างเวลา 13.30 – 15.00 น. โดยไม่ต้องจองคิวล่วงหน้า เมื่อมาถึงให้กดคิวเบอร์ 1 แล้วรอเรียกได้เลย ทั้งนี้สามารถให้ผู้อื่นมายื่นเอกสารเพิ่มเติมแทนได้แต่ต้องนำใบรับผลวีซ่าตัวจริงมายืนยันด้วย
- หลังจากยื่นเอกสารทั้งหมดตามขั้นตอนต่างๆ ที่ได้กล่าวไปแล้ว ให้รอผลจากทางสถานทูตฯ 4 สัปดาห์ (เวลาทำการ) ซึ่งหากวีซ่าของคุณผ่านการอนุมัติต้องเดินทางมารับผลด้วยตนเอง ทางสถานทูตฯ จะคืนเล่มหนังสือเดินทางให้ระหว่างเวลา 13.30 – 15.00 น. (ยกเว้นวันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) แต่หากวีซ่าท่องเที่ยวเกาหลีถูกปฏิเสธจะไม่สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ และถ้าหากสมัครทำวีซ่าเกาหลีใหม่อีกครั้งจะต้องทิ้งระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 2 เดือน นับตั้งแต่วันประกาศผล
สถานที่ในการขอวีซ่าท่องเที่ยวเกาหลี
ปัจจุบัน หากต้องการทำวีซ่าท่องเที่ยวเกาหลีในประเทศไทยสามารถทำได้แค่ที่เดียวเท่านั้น นั่นคือสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย
ที่อยู่: 23 ถนน เทียมร่วมมิตร รัชดาภิเษก ห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10310
ทั้งนี้ในกรณีต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำวีซ่าเกาหลี ทางสถานทูตฯ จะมีช่องทางติดต่อวิธีเดียวนั่นคือ ส่งข้อมูลผ่านอีเมล [email protected] ไม่สามารถติดต่อสอบถามผ่านเบอร์โทรศัพท์ใด ๆ ได้ทั้งสิ้น
ข้อควรรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวีซ่าท่องเที่ยวเกาหลี
เมื่อวีซ่าท่องเที่ยวเกาหลีของคุณได้รับการอนุมัติเป็นที่เรียบร้อย ก็สามารถเดินทางไปเที่ยวเกาหลีได้ทุกพื้นที่ตามความต้องการของตนเองไม่ว่าจะเป็นเมืองท่องเที่ยวหลักๆ อย่าง กรุงโซล เมืองหลวงของประเทศโดดเด่นในด้านความทันสมัย เทคโนโลยี ความสะดวกสบาย เกาะเชจู เกาะตอนใต้ของประเทศ ได้ชื่อว่าเป็นพื้นที่ที่น้ำทะเลสวยสุดในเกาหลี เมืองปูซาน เมืองท่าทางตอนใต้ที่มักมีเทศกาลพิเศษจัดขึ้นตลอด เมืองอินชอน ประตูสู่เกาหลียุคใหม่ ศูนย์กลางด้านการคมนาคม เป็นต้น
จากข้อมูลต่างๆ ในการยื่นวีซ่าเกาหลีจริงแล้วไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก (ไม่ต่างกับการยื่นวีซ่าเข้าประเทศอื่น) ทั้งนี้หากใครยังกังวลใจอยู่ก็อยากแนะนำให้ซื้อประกันเดินทางต่างประเทศเอาไว้ด้วยเพื่อเป็นอีกข้อยืนยันการเข้าประเทศเกาหลีอีกด้วย
สรุป
นี่คือข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับวิธีขออนุญาตเพื่อเข้าประเทศเกาหลีฉบับปี 2024 ทั้ง K-ETA และวีซ่าท่องเที่ยวเกาหลี ขอย้ำว่าคนที่จะไปเที่ยวเกาหลีควรขอ K-ETA เป็นอันดับแรกก่อน และหากไม่ผ่านการอนุมัติจากระบบ K-ETA ก็ต้องทำการขอวีซ่าท่องเที่ยวเกาหลีตามขั้นตอนที่ระบุเอาไว้ และเมื่อขอวีซ่าผ่านเรียบร้อย เตรียมพร้อมสำหรับการตะลุยดินแดนกิมจิแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ห้ามลืมเด็ดขาดนั่นคือ การซื้อ ประกันเดินทางเกาหลี เพื่อความอุ่นใจทางการเงินหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน ซึ่งประกันเดินทางที่อยากแนะนำคือ ประกันเดินทางต่างประเทศ จาก LUMA แค่เลือกประเทศที่จะเดินทางก็มีแผนประกันที่เหมาะสมระบุเอาไว้ให้ครบถ้วน ซื้อง่ายผ่านออนไลน์ภายในไม่กี่นาที มีบริการช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง ทริปหาอปป้าคราวนี้ฟินยิ่งกว่าเดิม
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทางในเกาหลีใต้:
- การเตรียมตัวก่อนเดินทางไปเกาหลีใต้
สิ่งสำคัญที่ควรทราบก่อนการเดินทาง - อาหารที่ต้องลองในเกาหลีใต้
รู้จักอาหารเกาหลีที่จะทำให้การเดินทางอร่อยยิ่งขึ้น - ทริปไหว้พระเสริมโชคในเกาหลีใต้
เพิ่มโชคในการเดินทางหลังได้รับวีซ่า