พาเที่ยวทะเลสาบโคโม่ อิตาลี ทริปล่องเรือสุดโรแมนติค

ได้รับการขนานนามว่าเป็นทะเลสาบที่สวยที่สุดในอิตาลี “ทะเลสาบโคโม่” (Lake Como) เป็นทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของอิตาลี ด้วยความยาวโดยรอบถึง 160 กิโลเมตร และเป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดลำดับที่ 5 ในยุโรป ด้วยความลึกถึง 400 เมตร และมีเมืองเล็ก ๆ ตั้งอยู่รอบทะเลสาบมากมาย ที่นี่ยังเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนต์ชื่อดังอย่าง James Bond และ Star Wars อีกด้วย

ประวัติของทะเลสาบโคโม่

ลักษณะคล้ายตัวอักษร Y กลับหัวที่เป็นเอกลักษณ์ของทะเลสาบแห่งนี้ เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็งและการกัดกร่อนของแม่น้ำแอดดา (Adda River) ในยุคโบราณ ด้วยเหตุนี้เองทำให้ดินแดนถูกแบ่งเป็น 2 ฝั่งทางทิศใต้ นั่นก็คือเมืองโคโม่ (Como) และ เมืองเลคโก (Lecco) ส่วนที่อยู่ตรงกลางก็คือเมืองเบลลาจิโอ (Bellagio) ซึ่งเมืองนี้สามารถมองเห็นเทือกเขาแอลป์ได้อย่างชัดเจน

เมืองโคโม่ (Como)

มีประชากร 85,000 คนโดยประมาณ เป็นเมืองที่อยู่ระหว่างพรมแดนประเทศอิตาลีและสวิสเซอร์แลนด์ สามารถมองเห็นวิวทางตะวันตกตอนใต้ของทะเลสาบ และล้อมรอบไปด้วยหุบเขาที่เขียวขจี เกิดเป็นวิวทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่หาชมได้ยาก เมืองโคโม่นั้นนับว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในแคว้นลอมบาร์ดี (Lombardy) เป็นเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์มากมาย เช่น วิหารโรมันคาธอลิก (Como Cathedral) ที่สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 14 ตึกรามบ้านช่อง จุดชมวิว และแหล่งชอปปิ้งโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผ้าไหม ที่เปรียบเสมือนสินค้า OTOP ของจังหวัดโคโม่ ไม่ว่าจะเป็นผ้าพันคอ หรือเน็กไทในราคาย่อมเยาว์

ทะเลสาบโคโม่

เมืองเบลลาจิโอ (Bellagio)

ไข่มุกแห่งทะเลสาบโคโม่ นอกจากจะเป็นเมืองเป็นศูนย์กลางของประวัติศาสตร์ที่งดงาม เต็มไปด้วยสวนสาธารณะที่สวยงามมากมาย เมืองรอบ ๆ ที่แสนอบอุ่น ด้วยความที่ตั้งอยู่ใจกลางทะเลสาบโคโม่ ทำให้สามารถแวะเที่ยวเมืองรอบ ๆ โดยการนั่งเรือได้ เช่น เมือง Varenna, Tremzzia, หรือ Menaggio สำหรับใครที่ชื่นชอบดอกไม้หรือพันธ์ุไม้ต่าง ๆ บอกเลยว่าสวน Villa Melzi หรืออีกชื่อนึงคือ Bellagio ตอบโจทย์แน่นอน เพราะสวนแห่งนี้คือสวนสไตล์อังกฤษที่เต็มไปด้วยดอกไม้หลากชนิด โดยจะเปิดให้เข้าชมช่วงปลายเดือนมีนาคมไปจนถึงเดือนตุลาคม หรือถ้าใครที่เป็นสายชอป สายชิว แล้วพอจะเผื่อเวลาเที่ยวเมืองเบลลาจิโอซัก 3 ชั่วโมง ขอแนะนำถนนคนเดิน Salita Serbelloni ทีมีขายทั้งงานศิลปะ ของแฮนด์เมดต่าง ๆ แล้วยังเพลิดเพลินกับการเดินชมสีสันของการตกแต่งบ้านเรือนในละแวกนั้นอีกด้วย

Varenna

เมืองวาเรนนา (Varenna)

เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ เงียบสงบด้วยจำนวนประชากรเพียงแค่ประมาณ 1,000 คนเท่านั้น เมืองนี้ตั้งอยู่ทางชายฝั่งตะวันออกของทะเลสาบโคโม่ เหมาะสำหรับคนที่อยากสัมผัสธรรมชาติเพราะเมืองนี้มีสวนและพันธ์ุไม้ที่สวยงาม หลากหลายที่สุดในบรรดาเมืองต่าง ๆ รอบทะเลสาบ 

Villa Monastero หรือในปัจจุบันคือ The House Museum เป็นวิลล่าที่มีการเปลี่ยนเจ้าของมาหลายชั่วอายุคนทำให้เห็นถึงงานศิลปะและของประดับตกแต่งจากหลายยุคสมัย เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์โดยภายนอกตัวอาคารล้อมรอบด้วยพันธ์ุไม้ และสัตว์หายากหลากหลายชนิด และถ้าอยากแวะเดินชมวิวทะเลสาบ Varenna’s Walk of Lovers เป็นทางเดินเท้าสั้น ๆ ระยะทางประมาณ 50 เมตร มองเห็นวิวทิวทัศน์สุดแสนโรแมนติค ทะเลสาบ และบ้านเรือนที่มีสีสันสดใส หากใครอยากแวะเที่ยวเมืองวาเรนนา แนะนำว่าให้วางแผนไว้สักประมาณ 2 – 3 ชั่วโมงในการเดินชมเมือง

เมือง Menaggio

เมืองเมนากจิโอ (Menaggio)

ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตกของทะเลสาบโคโม่ เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีความเงียบสงบเหมาะกับการพักผ่อนอย่างแท้จริง คุณยังสามารถชมวิวทะเลสาบโคโม่หรือเดินเลียบหาดชิว ๆ ได้ที่ Menaggio’s Lakefront ส่วนแหล่งท่องเที่ยวทางศาสนา เช่น โบสถ์ Santa Marta และ โบสถ์ Santo Stefano ก็ถือว่าเป็นสองที่ที่ไม่ควรพลาดถ้ามาเมืองนี้ นอกจากนี้ยังมี Villa Mylius Vigoni ซึ่งเป็นวิลล่าที่เคยเป็นที่พักรับรองของศิลปินและนักเขียนในอดีต ภายในบริเวณมีพันธ์ุไม้ต่าง ๆ มากมาย เช่น ต้นเมเปิล ต้นสนทะเล ต้นไซเปรส ซึ่งในปัจจุบันวิลล่าแห่งนี้ได้ถูกปรับปรุงเพื่อให้เป็นพิพิธภัณฑ์ให้คนนอกเข้าชมอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับใครที่ต้องการเข้าชมอาจจะต้องจองล่วงหน้ามาก่อนเนื่องจากมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก

ทะเลสาบโคโม่

เมืองทรีเมซโซ (Tremezzo)

เป็นเมืองเล็ก ๆ อยู่ฝั่งตะวันตกของทะเลสาบ ซึ่งเป็นเมืองที่มีภูมิประเทศเป็นแนวยาวเลียบถนนริมทะเลสาบ สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่ไม่ควรพลาดคือวิหารคาร์ลอตตา (Villa Carlotta) เป็นพิพิธภัณฑ์และมีสวนสไตล์อิตาลีมีที่รวบรวมพันธุ์ไม้มากถึง 150 ชนิด และเรียกได้ว่าเป็นสวนที่สวยที่สุดในบรรดาสวนต่าง ๆ รอบ ๆ ทะเลสาบโคโม่ โดยที่วิลลาแห่งนี้หันหน้าไปทางเบลลาจิโอ (Bellagio) ที่นี่เปิดให้บริการในช่วงกลางเดือนมีนาคมจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน หากมาในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิจนถึงหน้าร้อน จะเป็นช่วงที่ดอกไม้ที่สวนแข่งขันผลิบานมากมายหลายสีสัน เช่น ดอกกุหลาบพันปี และ ดอกคามิเลีย โดยค่าเข้าชมจะอยู่ที่คนละ 12 ยูโรหรือประมาณ 440 บาท สามารถเข้าชมได้ทั้งโซนพิพิธภัณฑ์และโซนสวนดอกไม้

Lake Como

เมืองเลคโก (Lecco)

ตั้งอยู่ทางตะวันออกตอนใต้ของทะเลสาบโคโม่ ถึงแม้ว่าจะเป็นเมืองที่ไม่ค่อยนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวมากนัก เนื่องจากเมืองท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะอยู่ฝั่งตะวันตก หากแวะเที่ยวเมืองเลคโกอาจทำให้ต้องใช้เวลามากขึ้นในการเดินทาง อีกเหตุผลนึงคือเมืองเลคโกเป็นเมืองแห่งการค้ามากกว่าจะเป็นเมืองท่องเที่ยว แต่ถึงอย่างไรก็ตามเลคโกก็ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเมืองใหญ่ของทะเลสาบโคโม่ 

เที่ยวทะเลสาบโคโม่, พาเที่ยวทะเลสาบโคโม่ อิตาลี ทริปล่องเรือสุดโรแมนติค

กิจกรรมที่ไม่ควรพลาด

ขึ้นชื่อว่าทะเลสาบแล้วก็คงหนีไม่พ้นกิจกรรมทางน้ำ อย่างเช่น ล่องเรือชมเมือง หรือนั่งเรือใบ เรือยอร์ช และเรือคายัค และยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจอื่น ๆ ให้ได้ลองทำอีกมากมายไม่ว่าจะเป็น ปีนเขา หรือเล่นสกี นอกจากนั้นทะเลสาบโคโม่นั้นเต็มไปด้วยความหลากหลายทางประวัติศาสตร์และธรรมชาติที่งดงาม  เรียกได้ว่าเหมาะสำหรับสายท่องเที่ยวทุกรูปแบบเลยทีเดียว

ไปเที่ยวช่วงไหนดี ?

ช่วงเวลาที่ควรไปเที่ยวทะเลสาบโคโมคือตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนจนถึงเดือนตุลาคม เนื่องจากมีสภาพอากาศอบอุ่น สบาย ๆ แต่ถ้าใครอยากไปเที่ยวช่วงหน้าหนาว โดยปกติแล้วจะมีอุณหภูมิตั้งแต่ติดลบ 5 ไปจนถึง 5 องศาเซลเซียส ส่วนหน้าร้อนจะมีอุณหภูมิประมาณ 20 ถึง 30 องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่าเป็นสภาพอากาศที่ไม่หนาวและไม่ร้อนเกินไปสำหรับคนไทยอย่างเรา

การเดินทาง

การเดินทางมาทะเลสาบโคโม่นั้น เดินทางได้ด้วยหลายวิธี โดยหลัก ๆ แล้วนักท่องเที่ยวมักจะเดินทางด้วย รถไฟ รถบัสและรถยนต์ส่วนตัว การเดินทางโดยรถไฟจะใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงกว่า หากเดินทางมาจากมิลาน การเดินทางไปแต่ละเมืองรอบ ๆ ทะเลสาบโคโม่นั้น แนะนำว่าให้นั่งเรือบริการข้ามฟากจะรวดเร็วและสะดวกที่สุด แต่ถ้าขับรถไปจากมิลาน ขอแนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงวันเสาร์ในช่วงฤดูท่องเที่ยว เนื่องจากการจราจรที่ค่อนข้างหนาแน่น 

จะเห็นได้ว่าทะเลสาบโคโม่นั้นเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตที่อยู่ในเช็คลิสท์ของคนที่เดินทางไปยุโรป ด้วยวิวทิวทัศน์ที่สวยงามเหมือนมาจากในนิยาย บรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติค สถานที่ทางประวัติศาสตร์มากมาย นอกจากนี้สามารถแวะเที่ยวได้หลายเมืองในวันเดียวกันด้วย โดยส่วนมากหลาย ๆ ประเทศหรือหลาย ๆ เมืองในยุโรปจะสามารถนั่งรถบัสหรือรถไฟไปได้ เพราะมีระยะทางที่ไม่ไกลกันมากนัก แต่อย่าลืมว่าการที่จะต้องขึ้นรถ ลงเรืออยู่เป็นประจำนั้น อาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด หรือเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้เสมอ แล้วยิ่งเป็นสถานที่ที่เราไม่ค่อยคุ้นชินเท่าไหร่นัก อาจจะทำให้ใครหลาย ๆ คนเกิดอาการตกใจ ไม่รู้จะรับมือกับสถานการณ์เหล่านั้นอย่างไร การมีประกันเดินทางไปอิตาลีติดตัวไว้จึงเป็นเรื่องที่คุ้มค่าอย่างมาก เพราะจะมีคนคอยให้ความช่วยเหลือ ดูแลคุณอยู่ตลอดเวลา อุ่นใจทุกครั้งเมื่อเดินทางไปยุโรป

Table of Contents

You May Also Like

New Health Standard คืออะไร
บทความ

New Health Standard คืออะไร

ความหมายของ New Health Standard  New Health Standard คือมาตรฐานของประกันสุขภาพแบบใหม่ ที่มีการบังคับใช้อย่างเป็นทางการมาตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน 2564 โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ทำไมถึงต้องเปลี่ยนเป็น New Health Standard? เพื่อสร้างมาตรฐานประกันสุขภาพแบบใหม่ให้เหมาะสมกับสังคมสมัยใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากวิวัฒนาการทางการแพทย์ในปัจจุบันมีความคืบหน้าไปมากจากเมื่อก่อน …

community rating คือ
บทความ

Community Rating คืออะไร?

Community Rating เป็นหลักการที่ใช้ในการกำหนดระดับค่าเบี้ยประกันหรือค่าบริการทางด้านการแพทย์โดยไม่คำนึงถึงประวัติการเป็นโรคหรือสภาพสุขของบุคคลแต่ละคนในกลุ่มที่เข้าร่วมโปรแกรมประกันสุขภาพ เพื่อง่ายต่อการเข้าถึงการรักษาและประกันสุขภาพสำหรับทุกคนในกลุ่มนั้น โดยทั่วไปการเสนอราคาหรือการเสนอประกันในระบบ Community Rating จะไม่พิจารณาข้อมูลส่วนบุคคลเช่น อายุหรือประวัติการเป็นโรคของผู้เอาประกัน ทำให้ค่าเบี้ยหรือค่าบริการมีความเท่าเทียมกันหรือใกล้เคียงสำหรับทุกคนในกลุ่มนั้นๆ แม้ว่าบางบุคคลอาจมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมากกว่าบางคนในกลุ่มก็ตาม หรือบางคนอาจมีอาการเรื้อรังที่ต้องการการรักษาบ่อยมากกว่าคนอื่น แต่ค่าเบี้ยหรือค่าบริการยังคงเท่าเทียมกันสำหรับทุกคนในกลุ่มนั้นๆ หลักการ Community Rating มีจุดประสงค์เพื่อให้มีความยุติธรรมและเสมอภาคต่อทุกคนในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพโดยไม่สนใจสถานะสุขภาพหรือความสามารถในการจ่ายเงินของบุคคลแต่ละคนในกลุ่มนั้น ๆ โดยมักจะใช้ในระบบประกันสุขภาพของประเทศหรือระบบที่เปิดให้กับสาธารณชนทั่วไปให้เข้าถึงได้ง่าย ๆ …

สิทธิรักษาพยาบาล
บทความ

สิทธิรักษาพยาบาล 3 ระบบของไทย

สิทธิรักษาพยาบาลในประเทศไทย คือ สิทธิขั้นพื้นฐานของคนไทยทุกคน ที่รัฐบาลมอบให้ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการด้านสุขภาพได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม สิทธิรักษาพยาบาลของไทยมีอะไรบ้าง  คนไทยทุกคนมีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาลจากภาครัฐ โดยมีระบบหลัก 3 ระบบ ดังนี้ สิทธิสวัสดิการการรักษาพยาบาลของข้าราชการ สิทธิประกันสังคม สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (30 บาทรักษาทุกโรค/บัตรทอง) สิทธิสวัสดิการการรักษาพยาบาลของข้าราชการ คือ  สิทธิรักษาพยาบาลที่ข้าราชการและบุคคลในครอบครัว เช่น …