ปี 2024 สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง นั่นจึงเป็นเหตุผลให้หลาย ๆ ประเทศเริ่มทยอยเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพื่อกระตุ้นพร้อมฟื้นฟูเศรษฐกิจของตนเองกันอีกครั้ง ซึ่งคนไทยถือเป็นอีกชนชาติที่เหล่าบรรดาสายเที่ยวเตรียมพร้อมกลับไปตะลุยเปิดประสบการณ์ใหม่เช่นกัน แต่ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยก่อนเที่ยวต่างประเทศทุกครั้งก็ยังคงแนะนำให้ซื้อประกันเดินทางต่างประเทศเอาไว้ หากมีเหตุฉุกเฉินทั้งบาดเจ็บ เจ็บป่วย จะได้ไม่ต้องกังวลค่ารักษาพยาบาล แล้วจะมีประเทศไหนคนไทยไปเที่ยว ไม่ต้องขอวีซ่าได้บ้าง ตามมาทางนี้เลย!!!
เช็กลิสต์ 34 ประเทศ คนไทยไปเที่ยว ไม่ต้องขอวีซ่า
หลังห่างหายจากการเดินทางออกนอกประเทศไม่ต่ำกว่า 2-3 ปี คงมีนักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวนมากเตรียมตัวเพื่อการออกไปผจญภัยกันอยู่พอสมควร ทั้งนี้เข้าใจดีว่าหลายคนยังไม่อยากยุ่งยากเรื่องการขอวีซ่า จึงได้คัดมาให้เน้น ๆ ถึง 34 ประเทศไม่ขอวีซ่า คนไทยเดินทางเข้าและพำนักอาศัยอยู่ได้ตามระยะเวลาที่กำหนด อัปเดตล่าสุดจากข้อมูลของกรมการกงสุล วันที่ 21 มีนาคม 2566 ประกอบไปด้วย
- อาร์เจนติน่า พำนักอาศัยได้ 90 วัน
- บาห์เรน พำนักอาศัยได้ 14 วัน
- บราซิล พำนักอาศัยได้ 90 วัน
- บรูไน พำนักอาศัยได้ 14 วัน
- กัมพูชา พำนักอาศัยได้ 14 วัน
- ชิลี พำนักอาศัยได้ 90 วัน
- เอกวาดอร์ พำนักอาศัยได้ 90 วัน
- จอร์เจีย พำนักอาศัยได้ 365 วัน
- มณฑลไห่หนาน พำนักอาศัยได้ 30 วัน
- ฮ่องกง พำนักอาศัยได้ 30 วัน
- อินโดนีเซีย พำนักอาศัยได้ 30 วัน
- ญี่ปุ่น พำนักอาศัยได้ 15 วัน
- คาซัคสถาน พำนักอาศัยได้ 30 วัน
- สาธารณรัฐเกาหลี พำนักอาศัยได้ 90 วัน
- คีร์กีซ พำนักอาศัยได้ 60 วัน (เฉพาะระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม 2564 – 31 กรกฎาคม 2568)
- ลาว พำนักอาศัยได้ 30 วัน
- มาเก๊า พำนักอาศัยได้ 30 วัน
- มองโกเลีย พำนักอาศัยได้ 30 วัน
- มาเลเซีย พำนักอาศัยได้ 30 วัน
- มัลดีฟส์ พำนักอาศัยได้ 30 วัน
- เมียนมาร์ พำนักอาศัยได้ 14 วัน (เฉพาะท่าอากาศยานนานาชาติ)
- ปานามา พำนักอาศัยได้ 180 วัน
- เปรู พำนักอาศัยได้ 90 วัน
- ฟิลิปปินส์ พำนักอาศัยได้ 30 วัน
- กาตาร์ พำนักอาศัยได้ 30 วัน
- รัสเซีย พำนักอาศัยได้ 30 วัน
- เซเชลล์ พำนักอาศัยได้ 30 วัน
- สิงคโปร์ พำนักอาศัยได้ 30 วัน
- แอฟริกาใต้ พำนักอาศัยได้ 30 วัน
- ไต้หวัน พำนักอาศัยได้ 14 วัน (เฉพาะระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม 2565 – 31 กรกฎาคม 2567)
- ทาจิกิสถาน พำนักอาศัยได้ 30 วัน
- ตุรกี พำนักอาศัยได้ 30 วัน
- วานูอาดู พำนักอาศัยได้ 30 วัน
- เวียดนาม พำนักอาศัยได้ 30 วัน
ลิสต์ประเทศที่คนไทยสามารถขอ Visa on Arrival (VOA) ได้
นอกจาก 34 ประเทศด้านบนที่คนไทยไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้าให้ยุ่งยากแล้วก็ยังมีอีกบางประเทศหากคนไทยอยากเดินทางไปจะสามารถขอ Visa on Arrival (VOA) ได้ คำถามคือวีซ่าประเภทนี้คืออะไร แล้วมีประเทศไหนที่คนไทยสามารถดำเนินการได้บ้าง มาเช็กข้อมูลด้วยกันเลย
Visa on Arrival (VOA) คืออะไร
สำหรับ Visa on Arrival หรือ VOA คือ ประเภทของวีซ่าสำหรับผู้ที่เดินทางเข้าประเทศนั้น ๆ สามารถทำการขอได้จากช่องทางอนุญาตด่านตรวจคนเข้าเมืองในประเทศดังกล่าว มีเงื่อนไขเพื่อการท่องเที่ยวและพำนักอาศัยไม่เกินจำนวนวันที่กำหนด อธิบายง่าย ๆ หากคุณเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศที่มีเงื่อนไขเหล่านี้กับประเทศไทยก็ไม่จำเป็นต้องทำวีซ่าที่เมืองไทยล่วงหน้าแต่สามารถดำเนินการผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองของสนามบินปลายทาง สะดวก รวดเร็วขึ้นกว่าเดิม
ประเทศที่คนไทยสามารถขอ Visa on Arrival (VOA) ได้
หลังทำความเข้าใจกับ Visa on Arrival (VOA) กันเรียบร้อย คราวนี้มาเช็กลิสต์กันดีกว่ามีประเทศไหนที่นักท่องเที่ยวชาวไทยไม่ต้องรีบร้อนขอวีซ่าจากบ้านเรา จากนั้นค่อยไปดำเนินการที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองปลายทาง โดยได้ทำการรวมข้อมูลจากกรมการกงสุล อัปเดตล่าสุดวันที่ 1 มกราคม 2565 มีทั้งหมด 9 ประเทศ ดังนี้
- โบลิเวีย พำนักอาศัยได้ 30 วัน ค่าใช้จ่าย 135 USD (เฉพาะวีซ่าประเภทท่องเที่ยว)
- ฟิจิ พำนักอาศัยได้ 4 เดือน ไม่มีค่าธรรมเนียม
- จอร์แดน พำนักอาศัยได้ 30 วัน ค่าธรรมเนียม 40 JOD (ดีนาร์จอร์แดน)
- คีร์กีซสถาน พำนักอาศัย 15 วัน ค่าธรรมเนียม 50 USD และ พำนักอาศัย 1 เดือน ค่าธรรมเนียม 60 USD
- เนปาล พำนักอาศัย 15 วัน ค่าธรรมเนียม 25 USD พำนักอาศัย 30 วัน ค่าธรรมเนียม 40 USD และพำนักอาศัย 90 วัน ค่าธรรมเนียม 100 USD
- นีอูเอ พำนักอาศัยได้ 30 วัน ไม่มีค่าธรรมเนียม
- โอมาน พำนักอาศัยได้ 30 วัน ค่าธรรมเนียม 20 OMR (เรียลโอมาน)
- หมู่เกาะโซโลมอน พำนักอาศัยได้ 3 เดือน ไม่มีค่าธรรมเนียม
- ติมอร์–เลสเต พำนักอาศัยได้ 30 วัน ค่าธรรมเนียม 30 USD
แนะนำประเทศไม่ต้องขอวีซ่า ที่คนไทยนิยมไปเที่ยว
จากลิสต์ประเทศเที่ยวไม่ต้องใช้วีซ่าของคนไทยที่ระบุมาถือว่าเยอะมาก ขณะที่บางประเทศใช้แค่ VOA ก็สามารถเดินทางได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตามขอแนะนำประเทศไม่ต้องขอวีซ่าซึ่งคนไทยจำนวนมากนิยมไปเที่ยว ชอบประเทศไหนวางแผนแล้วเตรียมลุยได้เลย แต่ย้ำกันอีกครั้งไม่ว่าเดินทางไปชาติใดยังไงก็ควรมีประกันเดินทางต่างประเทศติดไว้เสมอ
จอร์เจีย (เที่ยวได้ 365 วัน)
นี่คือประเทศที่กำลังเป็นกระแสในเมืองไทยอย่างมากจากภูมิประเทศอันแสนแตกต่างด้านหนึ่งคือภูเขาสูงอันเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาคอเคซัส ขณะที่อีกด้านภูมิอากาศแบบชายทะเล แม้ตัวประเทศจะอยู่ในเอเชียแต่สถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมที่มีประวัติยาวนานกว่า 2,500 ปี มักใกล้เคียงกับฝั่งทวีปยุโรปมากกว่า ส่วนใหญ่คนไทยนิยมเที่ยวต่างประเทศที่นี่ช่วงเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ เนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น จุดเที่ยวยอดฮิต เช่น โบสถ์เกอร์เกติ (Gergeti Trinity Church) สัมผัสวิวเทือกเขาคอเคซัสและโบสถ์ที่ถูกสร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 หรืออย่างเมืองถ้ำอุพลิสชิเค่ (Uplistsikhe) ซึ่งองค์การยูเนสโกยกให้เป็นมรดกโลกก็ดีงามมาก
ญี่ปุ่น (เที่ยวได้ 15 วัน)
ประเทศไม่ขอวีซ่าที่เชื่อว่าคนไทยอยากเดินทางไปมากที่สุด โดดเด่นทั้งเรื่องวัฒนธรรม อาหาร อัธยาศัยผู้คน สถาปัตยกรรม และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทุกอย่างมันดีงามไปหมด ซึ่งเมืองยอดนิยม เช่น กรุงโตเกียว ศูนย์รวมทุกสิ่งอย่าง สะดวกสบาย เมืองโอซาก้า เน้นเทคโนโลยี ความก้าวล้ำ แต่ยังผสานความคลาสสิกได้อย่างไม่เสื่อมคลาย เมืองเกียวโตจะเน้นวัฒนธรรม สถาปัตยกรรมโบราณ สถานที่เที่ยวตามธรรมชาติสวย ๆ ขณะที่เมืองซัปโปโรเหมาะกับช่วงฤดูหนาวแล้วไปเล่นหิมะ สกีรีสอร์ต แช่ออนเซนกลางหุบเขา ชอบแบบไหนจัดเลย
สิงคโปร์ (เที่ยวได้ 30 วัน)
อยากเที่ยวต่างประเทศใกล้ ๆ เดินทางแค่ 2 ชั่วโมง แถมไม่ต้องขอวีซ่า สิงคโปร์คือตัวเลือกชั้นยอด ไปชิมอาหารรสเลิศระดับมิชลินสตาร์หลายร้าน และสถานที่เที่ยวน่าสนใจซึ่งส่วนใหญ่สร้างด้วยฝีมือมนุษย์ รวมถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีก็ไม่เป็นสองรองใครด้วย สภาพอากาศจะคล้ายบ้านเราจึงไม่ต้องเตรียมเสื้อผ้าหนา ๆ ไปให้หนัก ไฮไลต์ที่เที่ยวยอดฮิต เช่น ถ่ายรูปกับเมอร์ไลอ้อน สิงโตพ่นน้ำสัญลักษณ์ของประเทศ สนุกกับ Universal Studio เครื่องเล่นสุดหรรษา และอื่น ๆ อีกเพียบ
มาเลเซีย (เที่ยวได้ 30 วัน)
ประเทศเพื่อนบ้านทางตอนใต้จึงนับว่าเดินทางง่าย เป็นประเทศไม่ขอวีซ่าที่คนไทยไปเที่ยวกันเยอะ จะโดยสารเครื่องบิน นั่งรถไฟ รถตู้ ก็ตามสะดวก วัฒนธรรมจะคล้ายกับพี่น้องภาคใต้ นับถือศาสนาอิสลามเป็นหลัก สภาพอากาศร้อนสลับฝน มีเวลาน้อยแค่ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ก็สามารถออกเที่ยวได้สบายมาก รวมถึงยังมีทะเลสวย ๆ ให้ได้สัมผัสกันด้วย ที่เที่ยวยอดนิยม เช่น เกาะปีนัง เกนติ้ง ตึกแฝดเปโตรนาส ย่านจอร์จทาวน์ ถ้ำบาตู เป็นต้น จะไปคนเดียว ไปกับแฟน หรือครอบครัวก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลใจ
ฮ่องกง (เที่ยวได้ 30 วัน)
ปิดท้ายด้วยจุดหมายปลายทางที่คนไทยนิยมไปเที่ยวต่างประเทศโดยเฉพาะสายช้อปปิ้ง อัดแน่นด้วยย่านเศรษฐกิจ ร้านค้า ห้างสรรพสินค้าให้ใช้เงินซื้อของแบรนด์เนมราคาถูก และสินค้าอื่น ๆ อีกเพียบ จุดเที่ยวทางธรรมชาติก็ดีงาม ที่สำคัญอาหารอร่อยมาก ร้านระดับมิชลินไกด์ตั้งอยู่เยอะ ซึ่งไฮไลต์แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม เช่น วิคตอเรีย พีค กระเช้านองปิง ย่านจิมซาจุุ่ย วัดหวังต้าเซียน ฮ่องกง ดิสนีย์แลนด์ ศาลเจ้าแม่กวนอิม รีพัลส์เบย์ และอีกเพียบ จัดกระเป๋าเตรียมลุยได้เลย
สรุป
นี่คือทั้งหมดของดินแดนที่คนไทยสามารถเที่ยวต่างประเทศได้แบบไม่ต้องขอวีซ่า แค่มีพาสปอร์ตก่อนหมดอายุ 6 เดือน และเตรียมพร้อมทั้งการเช่าโรงแรม จองตั๋วเครื่องบิน ก็สามารถไปเปิดประสบการณ์กันได้ เหนือสิ่งอื่นใดทุกครั้งที่เดินทางไปต่างประเทศอย่าลืมซื้อประกันเดินทางต่างประเทศเอาไว้เสมอ และถ้ายังไม่รู้จะเลือกซื้อกับเจ้าไหนดีขอแนะนำ ประกันเดินทาง จาก LUMA มีให้หลากหลายแผน สามารถเลือกประเทศที่จะเดินทางพร้อมแผนประกันที่เหมาะสมกับตนเองได้ผ่านช่องทางออนไลน์ ซื้อง่ายภายในไม่กี่นาที พร้อมบริการช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง เดินทางอย่างมั่นใจ เที่ยวให้เต็มที่กันเลย
การเลือกประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่าจะทำให้การเดินทางของคุณสะดวกและรวดเร็วขึ้น
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทางไปยังประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่า:
- คู่มือการขอหนังสือเดินทาง เพื่อให้คุณสามารถขอหนังสือเดินทางได้อย่างถูกต้อง