อัพเดทข้อมูลล่าสุด:
- September 30, 2024
ปัจจุบันการเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองนั้นไม่ได้เป็นเรื่องยากอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นประเทศในแถบเอเชียรวมถึงกลุ่มประเทศในยุโรป เพราะสามารถหาข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่มีพาสปอร์ตกับวีซ่าเชงเก้นสำหรับการไปยุโรปและประกันเดินทางต่างประเทศซึ่งเป็นข้อบังคับสำหรับทุกประเทศในกลุ่มเชงเก้นอยู่ในมือเท่านั้น ทุกอย่างก็สามารถเป็นไปได้อย่างราบรื่น
สำหรับคนที่กำลังมีแพลนไปเที่ยวยุโรป วันนี้ LUMA มีขั้นตอนง่าย ๆ สำหรับการสมัครวีซ่าเชงเก้นที่คุณสามารถเตรียมเอกสารเพื่อยื่นขอวีซ่าได้ด้วยตัวเองมาฝากกัน
วีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa) คืออะไร ใช้ประโยชน์อย่างไร
วีซ่าเชงเก้น คือ ใบอนุญาตเข้าเมืองที่ทำให้เราสามารถเดินทางเข้าสู่ประเทศต่าง ๆ ในโซนทวีปยุโรป ได้สะดวกรวดเร็ว เพราะการเดินทางไปเที่ยวยุโรปในแต่ละครั้ง เราอาจจะเดินทางไปหลายประเทศ หากต้องขอวีซ่าทุก ๆ ประเทศเหมือนในอดีต ก็เป็นเรื่องยุ่งยากมาก สำหรับการทำวีซ่าเชงเก้นสามารถทำเพียงครั้งเดียว ก็ใช้เดินทางไปยังกลุ่มประเทศยุโรปได้มากมาย โดยวีซ่าชนิดนี้จะมีอายุใช้งานไม่เกิน 90 วัน ในการเดินทางเข้าประเทศในกลุ่มเชงเก้นทั้งหมด หากเดินทางไปหลายประเทศ ให้ยื่นขอวีซ่ากับประเทศที่จะเดินทางไปเป็นประเทศแรก
กลุ่มประเทศวีซ่าเชงเก้น มีประเทศอะไรบ้าง
- ฝรั่งเศส (France)
- เยอรมนี (Germany)
- เดนมาร์ก (Denmark)
- อิตาลี (Italy)
- ฮังการี (Hungary)
- กรีซ (Greece)
- สวีเดน (Sweden)
- สเปน (Spain)
- ออสเตรีย (Austria)
- แลตเวีย (Latvia)
- สาธารณรัฐเชก (Czechia)
- มอลตา (Malta)
- เบลเยี่ยม (Belgium)
- บัลแกเรีย (Bulgaria)
- เอสโทเนีย (Estonia)
- สโลวาเกีย (Slovakia)
- สโลวีเนีย (Slovenia)
- โปรตุเกส (Portugal)
- โปแลนด์ (Poland)
- เนเธอร์แลนด์ (Netherlands)
- ฟินแลนด์ (Finland)
- ลิธัวเนีย (Lithuania)
- ลักเซมเบิร์ก (Luxembourg)
- โครเอเชีย (Croatia)
- โรมาเนีย (Romania)
และยังมีประเทศที่ไม่ได้รวมอยู่ในกลุ่มประเทศ EU แต่เป็นสมาชิกกลุ่มสมาคมการค้าเสรียุโรป (EFTA) ที่เข้าร่วมด้วยอีก 4 ประเทศ ด้วยกัน คือ
- สวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland)
- นอร์เวย์ (Norway)
- ไอซ์แลนด์ (Iceland)
- ลิกเตนสไตน์ (Liechtenstein)
และยังครอบคลุมไปถึงรัฐในยุโรปอีก 3 รัฐ ที่ไม่ได้เป็นประเทศกลุ่มสมาชิก EU แต่ถูกล้อมรอบด้วยประเทศยุโรป จึงเป็นส่วนหนึ่งของเขตเชงเก้นไปด้วยเช่นเดียวกัน คือ รัฐโมนาโก ซานมาริโน และนครวาติกัน
ขั้นตอนการขอวีซ่าเชงเก้น
ระบุประเภทวีซ่า
จริง ๆ แล้ววีซ่าเชงเก้นไม่ได้มีประเภทเดียว ยังแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามลักษณะการใช้งาน สำหรับการขอวีซ่าเพื่อเดินทางไปท่องเที่ยว ควรเลือกวีซ่าประเภท C หรือวีซ่าระยะสั้น ที่เรียกกันว่าวีซ่าท่องเที่ยวนั่นเอง โดยมีรายละเอียดดังนี้
วีซ่าเชงเก้นประเภท A (สำหรับเปลี่ยนเครื่อง)
เป็นประเภทของวีซ่าสำหรับเปลี่ยนเครื่อง (Transit) ในกรณีที่นักท่องเที่ยวเดินทางโดยเครื่องบิน จากประเทศหนึ่งไปอีกประเทศหนึ่ง และต้องแวะพักเปลี่ยนเครื่องในกลุ่มประเทศเชงเก้น หากต้องการเดินทางออกนอกเขตสนามบิ ก็ให้ทำวีซ่าประเภท A แต่ถ้าไม่ต้องการออกจากสนามบินก็ไม่จำเป็นต้องขอวีซ่า
วีซ่าเชงเก้นประเภท B (สำหรับทางผ่าน)
วีซ่าประเภท B ค่อนข้างคล้ายกับวีซ่าประเภท A สำหรับกรณีแวะเปลี่ยนเครื่องเช่นกัน เพียงแต่วีซ่าเชงเก้นประเภท B จะมีอายุ 5 วัน ออกให้กับผู้เดินทางจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่งโดยจุดหมายปลายทางไม่ใช่กลุ่มประเทศเชงเก้น หากแวะผ่านประเทศดังกล่าวสามารถขอวีซ่าประเภทนี้ได้
วีซ่าเชงเก้นประเภท C (สำหรับการเดินทางระยะสั้น)
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยวหลาย ๆ ประเทศ ในกลุ่มประเทศยุโรปช่วงเวลาสั้น ๆ มีให้เลือกทั้งแบบ Single Entry เดินทางเข้าออกครั้งเดียวแบบ Double Entry เดินทางเข้าออกได้ 1-2 ครั้ง และแบบ Multiple Entry เดินทางเข้าออกหลายครั้ง มีระยะเวลาอนุญาตให้พักแตกต่างกันไปแล้วแต่กรณี แต่ไม่ว่าเลือกแบบใดก็ตาม นักท่องเที่ยวจะสามารถพักในกลุ่มประเทศเชงเก้นทั้งหมดได้ไม่เกิน 90 วัน ในช่วงระยะเวลา 6 เดือน
วีซ่าเชงเก้นประเภท D (สำหรับพักระยะยาวเกิน 90 วัน)
เป็นการขอวีซ่าเข้าประเทศ และขอพักอยู่เกินกว่า 90 วัน แต่วีซ่าประเภท D จะใช้เข้าประเทศอื่นไม่ได้ หากต้องการเดินทางไปเที่ยวชั่วคราวระหว่างประเทศกลุ่มเชงเก้นด้วยกัน ขึ้นอยู่กับกฎระเบียบและเงื่อนไขของสถานทูตประเทศนั้น ๆ เป็นกรณี ๆ ด้วย หรือสามารถเดินทางไปเที่ยวได้ แต่ต้องกลับมาพักที่ประเทศที่ขอวีซ่าประเภทนี้ไว้
เริ่มต้นยื่นคำร้องและทำการนัดหมาย
สามารถยื่นวีซ่าได้ล่วงหน้าสูงสุด 90 วันก่อนเดินทางและต้องยื่นเอกสารสมัครวีซ่าอย่างน้อย 15 วันตามปฏิทินก่อนวันที่ประสงค์จะเดินทาง โดยผู้เดินทางสามารถกรอกรายละเอียดความประสงค์ในการยื่นวีซ่าและทำการนัดหมายได้ผ่านช่องทางออนไลน์ของหน่วยงานซึ่งเป็นตัวแทนซึ่งได้รับการรับรองจากสถานทูต ได้แก่ ศูนย์ VSF ซึ่งเป็นตัวแทนในการยื่นวีซ่าสำหรับหลายประเทศ อาทิ สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี ออสเตรีย อิตาลี นอร์เวย์ สวีเดน เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ ไอซ์แลนด์ เบลเยี่ยม ฟินแลนด์ หรือ ศูนย์ TLS สำหรับการยื่นขอวีซ่าสำหรับประเทศฝรั่งเศส เป็นต้น
เตรียมเอกสาร ยื่น Schengen Visa
- ใบสมัครวีซ่า โดยทำการดาวน์โหลดเอกสารจากเว็บไซต์ที่เป็นตัวแทนในการยื่นวีซ่าของสถานทูตแล้วกรอกรายละเอียดให้ครบถ้วน โดยเฉพาะข้อมูลสำคัญ ได้แก่ ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์
- รูปถ่ายขนาด 3.5 ซม x 4 ซม พื้นหลังสีขาว เป็นรูปถ่ายปัจจุบันที่ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน รูปถ่ายต้องเห็นใบหูและคิ้ว (รูปถ่ายเปิดหน้าผาก) หน้าตรงไม่มีสิ่งกีดขวาง เห็นใบหน้าชัดเจน
- หนังสือเดินทางฉบับจริง ที่เหลืออายุการใช้งานไม่ต่ำกว่า 3 เดือนและต้องมีหน้าว่างเหลืออย่างน้อย 2 หน้า และหนังสือเดินทางเล่มเก่า (ถ้ามี) และสำเนาหนังสือเดินทางหน้าที่มีข้อมูลส่วนบุคคล 2 ชุด และสำเนาวีซ่าเชงเก้นที่เคยได้รับ 1 ชุด
- หนังสือรับรองการเปลี่ยนชื่อสกุล (ถ้ามี) ฉบับจริงและสำเนา
- เอกสารการจองตั๋วเครื่องบินทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับที่ระบุชื่อผู้สมัครตรงตามหนังสือเดินทาง ทั้งนี้ผู้เดินทางไม่จำเป็นต้องซื้อตั๋วจริงจนกว่าจะได้วีซ่า
- ประกันเดินทาง สำหรับประกันเดินทางเชงเก้นนั้นจะต้องครอบคลุมตลอดระยะเวลาในการเดินทางในกลุ่มประเทศเชงเก้น โดยมีความคุ้มครองขั้นต่ำ30,000ยูโรสำหรับค่ารักษาพยาบาลแบบฉุกเฉินในโรงพยาบาลหรือการส่งกลับประเทศ โดยต้องแสดงทั้งเอกสารฉบับจริงและสำเนาที่มีตราประทับของบริษัทประกันภัยและลายเซ็นผู้มีอำนาจลงนามของบริษัทประกันภัยแสดงในเอกสาร
- หลักฐานการจองโรงแรมและที่พักตลอดระยะเวลาเดินทางและแผนการเดินทางโดยละเอียด
- หลักฐานการจ้างงานและหลักฐานทางการเงิน ได้แก่ หนังสือรับรองการทางานระบุวันลาพักร้อน ตำแหน่งในบริษัท และเงินเดือนที่ได้รับในแต่ละเดือนสำหรับลูกจ้าง ใบอนุญาตประกอบธุรกิจ/ใบทะเบียนพาณิชย์สำหรับเจ้าของกิจการ รวมถึงหลักฐานทางการเงินที่เพียงพอในการเดินทาง โดยแสดงเอกสาร Bank Statement ที่มีรายการเดินบัญชีอย่างน้อย 3 เดือนพร้อมตราประทับจากธนาคาร
- สำหรับวีซ่าเยี่ยมเยียนจะต้องมีจดหมายเชิญพร้อมระบุความสัมพันธ์จากเจ้าบ้าน
- สำหรับวีซ่าทางธุรกิจจะต้องมีหนังสือเชิญจากบริษัท บัตรเข้างาน พร้อมวัตถุประสงค์ในการเข้าร่วม
ทั้งนี้หากเอกสารเป็นภาษาไทยจะต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาประจำชาติของประเทศปลายทางด้วย
ยื่นเอกสารด้วยตัวเอง
เมื่อเตรียมเอกสารครบถ้วนและได้ทำการนัดหมายเรียบร้อยแล้ว ผู้ที่ไม่เคยสแกนลายนิ้วมือเพื่อขอวีซ่าเชงเก้นมาก่อนต้องทำการยื่นเอกสารและสแกนลายนิ้วมือด้วยตัวเอง แต่หากผู้สมัครเคยได้รับวีซ่าเชงเก้นภายใน 59 เดือนล่าสุดก็สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นมายื่นเอกสารแทนหรือสามารถส่งเอกสารเพื่อยื่นขอวีซ่าทางไปรษณีย์ได้
ค่าธรรมเนียมกาขอวีซ่าเชงเก้น
วีซ่าเชงเก้นสำหรับผู้ใหญ่มีค่าธรรมเนียม 80 ยูโรหรือ 2,900 บาท วีซ่าเชงเก้นสำหรับเด็กอายุระหว่าง 6 – 11 ปี มีค่าธรรมเนียม 40 ยูโรหรือ 1,450 บาท ส่วนเด็กอายุตั้งแต่ 0 – 5 ปีนั้นไม่มีค่าธรรมเนียมวีซ่า โดยสามารถชำระเป็นเงินบาทเท่านั้น
เมื่อยื่นเอกสารและชำระค่าธรรมเนียมเรียบร้อยแล้วก็รอรับแจ้งผลการพิจารณาวีซ่าได้ทางอีเมล์ SMS หรือสามารถติดตามผลได้ทางเว็บไซต์ของศูนย์รับยื่นวีซ่าได้เลย
Rejected Visa คืออะไร
เมื่อทำการยื่นเอกสารต่าง ๆ ผ่านตัวแทนรับยื่นวีซ่า หรือสถานทูตฯ จะต้องรอผลพิจารณาวีซ่าเชงเก้นตามระยะเวลาที่กำหนดตั้งแต่ 7 วันขึ้นไป จากนั้นสถานทูตฯ จะทำการส่งเอกสารตอบรับกลับมาว่าวีซ่าเขงเก้นของคุณผ่านหรือไม่ ในกรณีที่วีซ่าเชงเก้นไม่ผ่านตัวจดหมายจะระบุเอาไว้ชัดเจนว่า “Rejected Visa” หรือการปฏิเสธรับทำวีซ่า หมายถึง สถานทูตฯ มีการประเมินทั้งจากเอกสารและปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ แล้ว บุคคลดังกล่าวยังไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมเพียงพอกับการเดินทางไปยังประเทศกลุ่มเชงเก้น จึงยังไม่อนุมัติในการทำวีซ่านั่นเอง
เหตุผลที่วีซ่าเชงเก้นไม่ผ่าน เกิดจากอะไรได้บ้าง
สำหรับเหตุผลที่วีซ่าเชงเก้นไม่ผ่าน สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยซึ่งขอสรุปให้เห็นภาพชัดเจนเพื่อจะได้จัดเตรียมทุกอย่างแบบครบถ้วน ลดความเสี่ยงการขอวีซ่าเชงเก้นแล้วเกิดปัญหาตามมาภายหลัง
- 1. เอกสารที่ยื่นไปทั้งหมดยังมีความไม่น่าเชื่อถือในบางจุด เช่น Statement รายการเดินบัญชีย้อนหลังมีเงินเก็บอยู่น้อยเกินไป มีเงินเข้าเป็นรายได้ไม่ชัดเจน มีรายจ่ายบางเดือนมากกว่ารายได้ มีเงินเข้ามายังบัญชีก้อนใหญ่ก่อนขอวีซ่าไม่กี่วัน มีรายได้ไม่สมเหตุสมผลกับเงินเก็บ ฯลฯ
- 2. ไม่มีหลักฐานการทำงานที่ชัดเจนในเมืองไทย อายุการทำงานน้อยเกินไป หนังสือรับรองการทำงานระบุข้อมูลไม่ครบถ้วน เช่น วันลางาน ระยะเวลาที่ลางาน ชื่อบริษัท ตำแหน่งภายในบริษัท รายได้ ฯลฯ รวมถึงหลักฐานการศึกษา (กรณีเป็นนักศึกษา) สถานทูตฯ อาจประเมินถึงความเสี่ยงที่จะลักลอบไปเป็นแรงงานผิดกฎหมาย และไม่สามารถเดินทางกลับได้ตามวัน-เวลาที่ระบุ จึงไม่อนุมัติวีซ่าเชงเก้น
- 3. หลักฐานด้านความสัมพันธ์ระหว่างผู้ยื่นขอวีซ่ากับสปอนเซอร์ไม่สอดคล้องกัน หรือยังขาดความน่าเชื่อถือ
- 4. การกรอกแบบฟอร์มขอวีซ่าไม่ถูกต้อง หรือมีจุดที่ระบุรายละเอียดไม่ชัดเจน เช่น ไม่ระบุวันเดินทางกลับ ลืมใส่ข้อมูลส่วนตัวบางจุด ไม่ระบุวัตถุประสงค์การเดินทางชัดเจน เป็นต้น
- 5. ไม่สามารถตอบคำถามกับเจ้าหน้าที่สถานทูตฯ ได้ในกรณีมีการเรียกสัมภาษณ์พูดคุยเพิ่มเติม หรือตอบไม่ตรงคำถาม ตอบคนละข้อมูลกับที่ระบุเอาไว้ในเอกสารการยื่นขอวีซ่าเชงเก้น เป็นต้น
- 6. มีการปกปิดข้อมูล หรือพยายามตั้งใจไม่บอกว่าเคยถูกปฏิเสธวีซ่าประเทศอื่น ๆ มาก่อนหน้า แม้บางคนมองว่ามันทำให้ความน่าเชื่อถือลดลง แต่ก็เป็นเรื่องอดีตและเจ้าหน้าที่สถานทูตยังมองถึงความจริงใจ ไม่ปกปิด อีกมุมหนึ่งหากคุณนิ่งเฉย หรือเจ้าหน้าที่สอบถามแล้วบอกว่าไม่เคย ปรากฏมีการค้นข้อมูลแล้วพบว่าเคยถูกปฏิเสธก็มีสิทธิ์ไม่ผ่านได้เช่นกัน
การยื่นอุทธรณ์วีซ่าเชงเก้น
เมื่อผู้ขอวีซ่าเชงเก้นถูกปฏิเสธวีซ่า โดนยกเลิก เพิกถอนวีซ่าใด ๆ ก็ตาม ทางสถานทูตฯ จะเปิดโอกาสให้ได้ยื่นอุทธรณ์เพื่อโต้แย้งกับเหตุผลที่ระบุเอาไว้โดยกระทรวงการต่างประเทศจะเข้ามาตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดอีกครั้ง ทั้งนี้มีข้อกำหนดว่าต้องทำการยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่ผลการพิจารณาวีซ่าเชงเก้นออกมา
ซึ่งขั้นตอนหลัก ๆ ต้องทำการเขียนจดหมายยื่นอุทธรณ์วีซ่า (Appeal Letter for Visa Refusal) ชี้แจงเหตุผลจากข้อมูลที่สถานทูตระบุไว้ถึงการไม่อนุมัติวีซ่า เมื่อเขียนเรียบร้อยให้แนบพร้อมเอกสารการถูกปฏิเสธวีซ่าส่งไปยังที่อยู่ของสถานทูตฯ หรือใช้การส่งผ่านอีเมลก็ได้เช่นกัน สุดท้ายรอผลการตัดสินประมาณ 30 วัน
โดยรายละเอียดที่ควรมีอยู่ในจดหมายการยื่นอุทธรณ์วีซ่าเชงเก้น ประกอบด้วย
- ชื่อ – สกุล ของผู้ยื่นวีซ่า
- หมายเลขพาสปอร์ต
- ที่อยู่ปัจจุบัน
- อีเมล
- เบอร์โทรศัพท์ติดต่อได้
- เชื้อชาติ, สัญชาติ, ประเทศ
- วัตถุประสงค์หลักของการเดินทางในครั้งนี้ (กรณีเดินทางเพื่อการท่องเที่ยวแนะนำให้ระบุสถานที่ท่องเที่ยว ระยะเวลาพำนัก และ เหตุผลที่ต้องการเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศต่าง ๆ ให้ชัดเจน)
- เหตุผลในการร้องขอเพื่อให้ทางสถานทูตพิจารณาเอกสารการยื่นวีซ่าใหม่อีกครั้ง
วีซ่าเชงเก้นไม่ผ่านเลือกอุทธรณ์หรือขอใหม่ดีกว่ากัน
จากวิธีแก้ปัญหากรณีผลพิจารณาวีซ่าเชงเก้นไม่ผ่านอาจยังทำให้เกิดข้อสงสัยขึ้นมาอีกเล็กน้อย ควรเลือกวิธีไหนที่เหมาะกับสถานการณ์ของตนเองมากที่สุด ก็ต้องขอแบ่งจุดเด่นและจุดควรพิจารณาของแต่ละทางเลือกเพื่อการตัดสินใจที่ง่ายขึ้นกว่าเดิม
หากคุณเลือกอุทธรณ์วีซ่าเชงเก้นจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เพิ่มเติม แค่ส่งจดหมายชี้แจง ระบุรายละเอียดต่าง ๆ พร้อมเขียนเหตุผลร้องขอให้สถานทูตพิจารณาใหม่ แต่ก็ต้องใช้เวลารอไม่ต่ำกว่า 30 วัน ซึ่งไม่เหมาะกับคนที่เร่งรีบเดินทาง หรือมีเวลาเหลือไม่เพียงพอในการรอพิจารณาวีซ่าเชงเก้น
ส่วนใครที่เลือกวิธียื่นขอวีซ่าใหม่จะง่ายกว่าตรงที่คุณทำตามขั้นตอนเดิมได้เลย แต่ต้องพิจารณาเหตุผลว่าสถานทูตฯ ไม่อนุมัติวีซ่าเชงเก้นเพราะอะไร แล้วก็เตรียมเอกสารใหม่ให้ครบถ้วน ใช้เวลารอคอยผลไม่เกิน 15 วัน แต่ก็จะแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายใหม่ทั้งหมดของการทำวีซ่าเชงเก้นนั่นเอง