เมื่อเอ่ยถึงประเทศกรีซ นี่คือดินแดนที่ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรืองพร้อมเป็นหน้าประวัติศาสตร์ของโลก อย่างไรก็ตามนอกจากการเที่ยวชมสถาปัตยกรรมยุคเก่าแล้ว อีกหนึ่งไฮไลต์และถือเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจำนวนมากต้องยกให้กับ “ซานโตรินี” เกาะกลางทะเลอีเจี้ยนอันแสนงดงามเกินบรรยาย จัดเต็มความพิเศษที่ควรค่ากับการพบเจอด้วยตนเอง ซึ่งใครที่อยากรู้ว่าซานโตรินีมีอะไร แล้วการไปเที่ยวต่างประเทศควรซื้อประกันเดินทางที่ไหนดี มีคำตอบทั้ง 6 ที่เที่ยวซานโตรินีมาบอกแบบครบครัน
Oia หมู่บ้านโบราญเอียสุดคลาสสิกและโรแมนติก
จุดแรกที่ห้ามพลาดเมื่อเที่ยวซานโตรินี ต้องยกให้กับเสน่ห์อันแสนเหลือล้นของหมู่บ้านโบราณแห่งนี้ แลนด์มาร์กชื่อดังของเกาะซานโตรินีที่ใครมาแล้วต่างก็ต้องถ่ายรูปเก็บภาพความงดงามและน่าประทับใจไว้ ตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือ ขนาดพื้นที่ราว 19.4 ตารางกิโลเมตร ปัจจุบันยังมีประชากรอาศัยอยู่จริงประมาณ 1,200 คน
ความโดดเด่นคือสถาปัตยกรรมสุดคลาสสิกตามสไตล์ไซดลาดิกซึ่งเป็นดีไซน์แบบกรีกโบราณของอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ โบสถ์ ร้านค้าถูกทำออกมาให้เป็นธีมเดียวกัน ฉาบพื้นหลังด้วยสีขาวสะอาดตาพร้อมตัดกับสีสันอื่นของหลังคา ประตู-หน้าต่าง รวมถึงดอกไม้อันแสนสดใสเบ่งบาน มองแวบแรกเหมือนกับคุณกำลังหลุดเข้าสู่โลกแห่งจินตนาการก็ไม่ปาน ยิ่งถ้าในช่วงเย็นที่พระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้าจัดเป็นวิวสุดโรแมนติกซึ่งหลายคู่รักก็มักมาขอแต่งงานกันที่หมู่บ้านแห่งนี้ด้วย จะจูงมือแฟน คนในครอบครัว หรือเพื่อนฝูงรับรองว่าต้องหลงรักจนไม่อยากกลับกันแน่ ๆ
Fira ฟีร่า เมืองหลวงแห่งซานโตรินีมีดีให้เยี่ยมชม
เมื่อเลือกเที่ยวซานโตรินีทั้งทียังไงก็ไม่ควรพลาดเมืองหลวงและเมืองขนาดใหญ่สุดของเกาะแห่งนี้เด็ดขาด ความพิเศษหนีไม่พ้นพื้นที่ของเมืองตั้งตระหง่านบนยอดเขาสูง 400 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งเดิมทีคือปากปล่องภูเขาไฟและมีการระเบิดจนกลายเป็นพื้นที่อยู่อาศัย ภาพคุ้นตากับบ้านเรือนสีขาวสะอาดตั้งเรียงรายลดหลั่นระดับกันจนชิดริมหน้าผาส่งผลให้เกิดความงดงามแบบเกินบรรยาย
เมื่อขึ้นไปบนหมู่บ้านแห่งนี้แล้ว ความพีคขั้นสุดคือการยืนชมวิวทะเลอีเจี้ยนและทะเลเมดิเตอร์เรเนียนชัดเต็มตาแบบพาโนรามา 360 องศา รวมถึงหากสังเกตดี ๆ ยังมองเห็นเกาะกราเซียอีกด้วย ตามประวัติของปล่องภูเขาไฟแห่งนี้เคยเกิดการปะทุเมื่อช่วงปี ค.ศ. 1956 ส่งผลให้สถาปัตยกรรมจากยุคศตวรรษที่ 18 บนเกาะพังเสียหายแต่ก็มีการบูรณะขึ้นมาใหม่อีกครั้ง อย่าลืมสัมผัสความงดงามกับโบสถ์สีพีชซึ่งถูกดีไซน์ตามแบบคาทอลิก รวมถึงยังมีพิพิธภัณฑ์ให้ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ร้านขายของที่ระลึก และอื่น ๆ อีกเยอะมากมาย
Santorini Caldera แอ่งภูเขาไฟแห่งซานโตรินี
มาถึงซานโตรินีทั้งทีหากไม่แวะแอ่งภูเขาไฟแห่งนี้คงเสียดายน่าดู ต้องย้อนกลับไปสักนิดว่าในอดีตช่วงราว 1,650 ปีก่อนคริสตกาล บริเวณเกาะธีรา (Thira) ซึ่งเป็นชื่อเดิมของพื้นที่บริเวณนี้ได้เกิดภูเขาไฟระเบิด จึงทำให้ดินแดนดังกล่าวแยกออกเป็น 3 เกาะ ขณะที่จุด Santorini Caldera มีการยุบตัวลงระหว่างที่ภูเขาไฟกำลังปะทุ ส่งผลให้กลายสภาพเป็นแอ่งพื้นที่ขนาดใหญ่มากกว่า 84 ตารางกิโลเมตร พร้อมด้วยหน้าผาสูงชัน 300 เมตร ทั้ง 3 ด้าน จากระดับน้ำทะเล
อย่างไรก็ตาม ก็มีพื้นที่บางส่วนที่จมลงไปในน้ำทะเลกว่า 400 เมตร ส่งผลให้เรือสำราญไม่สามารถทอดสมอจอดบริเวณดังกล่าวได้ แต่ก็ยังบ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่และเป็นร่องรอยทางอารยธรรมได้เป็นอย่างดี ตรงกลางแอ่งภูเขาไฟมีเกาะขนาดเล็ก 2 เกาะ ชื่อว่า เกาะ Nea (แปลว่าใหม่) และเกาะ Palea (แปลว่าเก่า) ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่แต่ก็จัดว่าสวยงามและดูแปลกตาเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งการจะเข้าไปเยี่ยมชมทั้ง 2 เกาะนี้ต้องใช้เรือเท่านั้น ถ้าได้สัมผัสด้วยตนเองสักครั้งจะรู้ว่าซานโตรินีมีอะไรมากกว่าที่คิดอีกเยอะมาก
Imerovigli อิเมโรวิกลี หมู่บ้านฟ้า-ขาวบนจุดสูงสุดของปล่องภูเขาไฟ
ที่เที่ยวซานโตรินีอีกแห่งที่มีความน่าสนใจไม่แพ้จุดอื่น ตั้งอยู่ใจกลางเกาะซานโตรินีเยื้องไปทางทิศตะวันตก ห่างจากเมืองหลวงเพียงแค่ 3.5 กิโลเมตร หากว่ากันตามหลักภูมิศาสตร์พื้นที่แห่งนี้ได้รับการขนานนามเป็น “ระเบียงที่สวยสุดแห่งทะเลอีเจี้ยน” ด้วยตำแหน่งตั้งอยู่บนหน้าผาทุกคนจึงมองเห็นวิวทะเลตัดกับภาพของปล่องภูเขาไฟชนิดไม่มีวิวแห่งไหนในโลกเหมือนแน่นอน
ที่ได้ชื่อ Imerovigli ที่ในภาษากรีซแปลว่า “จุดชมวิว” นั่นก็เพราะว่าในอดีตชาวบ้านจะใช้ทำเลบริเวณนี้ในการสังเกตเรือโจรสลัดที่เข้ามา ขณะเดียวกันพื้นที่โดยรอบยังมีการออกแบบอาคารบ้านเรือนในสไตล์ไซคลาดิค ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมสุดคลาสสิกระดับตำนานของชาวกรีก ใช้โทนสีฟ้า-ขาวเข้ากับท้องฟ้าและน้ำทะเล เดินตามตรอกซอกซอยแคบ ๆ เพื่อถ่ายรูปมุมสวยของริมขอบหน้าผา รวมถึงยังสามารถชมวิวพระอาทิตย์ตกในช่วงเวลาเย็นได้อย่างโรแมนติกขั้นสุด นักท่องเที่ยวทุกคนสามารถเลือกจองที่พักบริเวณนี้เพื่อสัมผัสกับบรรยากาศที่การันตีว่าหาจากไหนบนโลกใบนี้ไม่ได้แน่นอน
Pyrgos พีร์กอส หมู่บ้านบนเนินเขา เมืองหลวงเก่าของซานโตรินี
หมู่บ้านโบราณบนเนินเขาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 13 เดิมทีนี่คือเมืองเล็ก ๆ ที่มีผู้คนอาศัยอยู่กระทั่งสร้างป้อมปราการขนาดใหญ่เมื่อปี 1580 เพื่อใช้สำหรับป้องกันการรุกรานของศัตรู แถมในอดีตยังเคยเป็นเมืองหลวงของซานโตรินีจนถึงช่วงทศวรรษ 1800 เสน่ห์อันน่าประทับใจของหมู่บ้านแห่งนี้คือการเดินไปตามตรอกซอกซอยซึ่งตลอด 2 ข้างทางยังคงพบเจอกับสถาปัตยกรรมยุคเก่า รวมถึงยังมีปราสาทสไตล์เวนิสอันแสนงดงามให้ได้ถ่ายรูปกันเพลิน
ความพิเศษยังไม่หมดเท่านี้ เพราะอีกหนึ่งทีเด็ดที่สายชิลต้องหลงรักนั่นคือการได้ชิมไวน์แสนอร่อย รอบหมู่บ้านจะมีพื้นที่สวนองุ่นที่ชาวบ้านมักเก็บแล้วนำมาบ่มให้นักท่องเที่ยวได้ลองลิ้มชิมรสกัน ห้องพักหลายแห่งคุณสามารถจิบไวน์พร้อมชมวิวทะเลและปากปล่องภูเขาไฟกันได้อย่างเพลิดเพลิน จัดเป็นความน่าประทับใจที่ยังไงก็ไม่มีวันลืมเลือน
สัมผัสชายหาดและบรรยากาศแห่งท้องทะเลสุดงดงาม
เที่ยวซานโตรินีทั้งทีจะไม่เที่ยวหาดทรายและชายทะเลคงเหมือนมาไม่ถึง อย่างไรก็ตามหากพูดถึงชายหาดที่มีความแปลกตาและได้รับความนิยมมากสุดต้องยกให้กับ 2 หาดแห่งนี้เลย
Red Beach ชายหาดสีแดง
หนึ่งในหาดที่ได้รับความนิยมมากสุดบนเกาะซานโตรินี โดดเด่นด้วยผาหินสีแดงสูงตระหง่านตัดกับน้ำทะเลสีครามได้อย่างลงตัว ตั้งอยู่ทางตอนใต้ และยังเป็นหาดแห่งเดียวของเกาะที่มีสีสันสดใสตัดกันได้แบบน่าแปลกตา ตอบโจทย์กับการถ่ายรูปสร้างคอนเทนต์สวย ๆ เอาไว้ลงอวดบนโซเชียลมีเดียเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้แนะนำให้หยิบรองเท้าแตะจากห้องพักมาด้วยนะเพราะเศษหินบนหาดอาจทำให้เท้าคุณบาดเจ็บได้
Black Sand Beaches หาดทรายสีดำ
ชายหาดอีกแห่งที่มีความแปลกตาไม่เหมือนใครกับทรายสีดำ ซึ่งมีสาเหตุจากการปะทุอย่างรุนแรงของภูเขาไฟในอดีตส่งผลให้หินภูเขาไฟ เถ้าถ่านทั้งหลายถูกผสมกับทรายบริเวณนี้และเปลี่ยนสีไปในที่สุด ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ ใช้เวลาเดินทางจากเมืองฟีราราว 20 นาที รับรองว่าถ้าได้หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายภาพหาดสีดำตัดกับทะเลสีครามนี้คือภาพสุดประทับใจแบบไม่มีวันลืม แถมบางจุดยังเงียบสงบเหมาะกับการนอนพักผ่อนอย่างยิ่ง
และนี่ก็คือทั้ง 6 ที่เที่ยวซานโตรินีที่อยากให้ลองปักหมุดแล้วแวะสัมผัสกันแบบครบถ้วน รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน อย่างไรก็ตามในการเดินทางเที่ยวต่างประเทศโดยเฉพาะทวีปยุโรป อีกสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้นั่นคือ “ประกันเดินทางต่างประเทศ” ซึ่งสำหรับใครที่กำลังมองหาประกันเดินทางต่างประเทศสุดคุ้มค่าขอแนะนำ ประกันเดินทางกรีซ จาก LUMA ที่ซื้อง่ายผ่านออนไลน์ คุ้มครองสูงสุด 5 ล้านบาท ใช้ยื่นวีซ่าผ่านสบาย ติดเชื้อโควิด-19 ก็รักษาให้ การันตีจากนักเดินทางที่ไว้วางใจมากกว่า 60,000 คน ดูแลตลอดทริปแบบอุ่นใจ เที่ยวยุโรปได้แบบสุดฟิน ซื้อเลย…
อ่านเพิ่มเติม:
- วันหยุดที่เหมาะสำหรับครอบครัวในกรีซ – ตัวเลือกสำหรับครอบครัวที่ต้องการผ่อนคลาย
- เทศกาลในกรีซ – สนุกกับเทศกาลท้องถิ่นที่จัดขึ้นบนเกาะ
- 5 อาหารกรีกที่คุณต้องลอง – ชิมอาหารท้องถิ่นในบรรยากาศสบาย