มีคำนิยามว่าหากต้องการเที่ยวยุโรปราคาแสนประหยัดแต่ได้ฟิลไม่ต่างจากประเทศยอดนิยม การมีโอกาส “เที่ยวจอร์เจีย” ถือเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทุกคนไม่ควรพลาด ความเงียบสงบของบ้านเมือง โอบล้อมด้วยธรรมชาติ สภาพอากาศแสนสบาย นี่คือเสน่ห์อันแสนเย้ายวนใจที่พร้อมท้าทายสักครั้งในชีวิต ซึ่งใครก็ตามหากได้มาเยือนประเทศจอร์เจียนอกจากเมืองหลวงอย่างกรุงทบิลิซีแล้ว อีกเมืองห้ามพลาดและขอแนะนำให้รู้จักกันนั่นคือ “เมืองบาทูมิ” (Batumi) จะดีงามแค่ไหนจัดไปเลย
เมืองบาทูมิ (Batumi) ดินแดนแสนบริสุทธิ์บนพื้นที่ 2 ทวีป
เมืองบาทูมิ (Batumi) ประเทศจอร์เจีย ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ริมฝั่งทะเลดำ ขนาดพื้นที่ราว 64.9 ตารางกิโลเมตร นับเป็นเมืองขนาดใหญ่อันดับ 2 ของประเทศรองจากกรุงทบิลิซี และยังเป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐปกครองตนเองอัดจารา (Adjara) ด้วย ตามประวัติศาสตร์คาดว่าน่าจะเริ่มมีผู้คนเข้ามาอยู่อาศัยและก่อสร้างเป็นเมืองตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 8 ปัจจุบันมีประชากรราว 170,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวชาติพันธุ์จอร์เจีย
ลักษณะภูมิอากาศจัดอยู่กลุ่มเมืองแบบกึ่งเขตร้อนใกล้ทางสันเขาคอเคซัสเนื่องจากอิทธิพลของลมทะเลในทะเลดำ และเมื่อลมเหล่านั้นพัดเข้าปะทะกับเนินเขาและเทือกเขาบริเวณใกล้เคียงจึงมักทำให้เกิดฝนตกชุกแทบตลอดปี ถือเป็นเมืองที่มีฝนหนาแน่นมากสุดของประเทศและดินแดนแถบเขาคอเคซัสก็ว่าได้
อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีอยู่ประมาณ 14 องศาเซลเซียส โดยช่วงเดือนมกราคมจะมีอากาศหนาวเย็นมากสุดเฉลี่ย 7 องศาเซลเซียส ขณะที่เดือนสิงหาคมอุณหภูมิร้อนมากสุดเฉลี่ย 22 องศาเซลเซียส อย่างไรก็ตามบางปีที่อากาศร้อนจัดอาจขึ้นไปแตะ 30-35 องศาเซลเซียสได้ ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่สนใจเดินทางมาเที่ยวจอร์เจียกับเมืองแห่งนี้ต้องคอยเช็กสภาพอากาศอยู่เสมอ
ด้านเศรษฐกิจของเมืองแห่งนี้เติบโตขึ้นจากภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจคาสิโน ถึงขนาดได้รับฉายาว่า “ลาสเวกัสแห่งทะเลดำ” ใครเป็นสายเสี่ยงโชคก็สามารถมาลุ้นรางวัลพร้อมกับความสนุกได้ มีคาสิโนถูกกฎหมายเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ส่วนสภาพแวดล้อมภายในเมืองหลังจากช่วงปี 2010 ได้เกิดการก่อสร้างอาคารสูงจำนวนมากแต่ก็ยังคงสัมผัสได้ถึงสถาปัตยกรรมยุคศตวรรษที่ 19 ซึ่งถูกบูรณะให้ยังคงความงดงามไม่เปลี่ยนแปลง
จะเดินทางไปเมืองบาทูมิอย่างไร
สำหรับการเดินทางไปเมืองบาทูมิ หลังจากนั่งเครื่องบินจากท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิมายังท่าอากาศยานนานาชาติทบิลิซี (Tbilisi International Airport) เรียบร้อยแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถเลือกเดินทางได้หลายวิธี ดังนี้
- เดินทางด้วยเครื่องบินจากสนามบินนานาชาติทบิลิซี (Tbilisi International Airport) ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติบาทูมิ (Batumi International Airport) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง
- เดินทางด้วยรถไฟสาย Georgian Railway จากกรุงทบิลิซีถึงบาทูมิ ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง 15 นาที
- เดินทางด้วยรถบัสสาย Metro Georgia จากกรุงทบิลิซีถึงบาทูมิ ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง
- เดินทางด้วยรถตู้ขนส่ง (มินิมบัส) เริ่มจากป้าย Tbilisi Didube มาลงยัง Kutaisi Bus station เมือง Kutaisi ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง จากนั้นนั่งต่อไปยังบาทูมิอีก 3 ชั่วโมง รวม 7 ชั่วโมง
ไปเที่ยวเมืองบาทูมิช่วงไหนดี
จริง ๆ แล้วต้องบอกว่าการเที่ยวเมืองบาทูมิสามารถไปได้ตลอดทั้งปีขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนในการสัมผัสกับสภาพอากาศและธรรมชาติอันแสนงดงาม ซึ่งใครที่วางแผนเที่ยวจอร์เจียในเมืองแห่งนี้จะขอแนะนำเป็นฤดูกาลเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น
ฤดูใบไม้ผลิ
อยู๋ระหว่างเดือนมีนาคม – เดือนพฤษภาคม ช่วงนี้อากาศกำลังเย็นสบายมาก อุณหภูมิเฉลี่ย 10-24 องศาเซลเซียส ต้นไม้ดอกไม้บริเวณเทือกเขาผลิบานเป็นสีเขียวขจี สามารถเดินเล่นชิล ๆ ตามชายหาดก็ไม่จัดว่าหนาวเย็นมากเกินไปนัก
ฤดูร้อน
อยู๋ระหว่างเดือนมิถุนายน – เดือนสิงหาคม เป็นเดือนที่ชาวจอร์เจียจะชื่นชอบมากเป็นพิเศษในการเที่ยวบาทูมิ อุณหภูมิเฉลี่ย 16-30 องศาเซลเซียส ทะเลดำและบ่อนคาสิโนคือเป้าหมายของการสัมผัสความพิเศษในทริปช่วงซัมเมอร์แบบไม่ต้องสงสัย
ฤดูใบไม้ร่วง
อยู๋ระหว่างเดือนกันยายน – เดือนพฤศจิกายน อากาศจะกลับมาเย็นอีกครั้งแต่ยังไม่ถึงกับหนาวมาก อุณหภูมิเฉลี่ย 10-24 องศาเซลเซียส ดอกไม้ใบไม้เปลี่ยนสี และอาจมีฝนตกชุกมากกว่าฤดูอื่นกันสักนิดแต่ก็ไม่ถึงกับทำให้ทริปเสียหาย
ฤดูหนาว
ระหว่างเดือนธันวาคม – เดือนกุมภาพันธ์ สภาพอากาศจะค่อนไปทางหนาวเย็นถึงหนาวจัด อุณหภูมิ 2-5 องศาเซลเซียส บริเวณเทือกเขาคอเคซัสจะได้รับความนิยม มีหิมะโปรยปรายให้เห็นเป็นปกติแม้อยู่ใกล้กับทะเลดำก็ตาม เป็นอีกช่วงที่น่าท่องเที่ยวมาก
กิจกรรมที่คุณไม่ควรพลาด เมื่อไปเที่ยวเมืองบาทูมิ จัดเต็มกันได้เลย
หลังทำความรู้จักกับเมืองบาทูมิกันพอสมควร เชื่อว่าคงทำเอาหลาย ๆ คนเริ่มสนใจกับการเยือนจอร์เจียกันมากขึ้นแบบไม่ต้องสงสัย ซึ่งใครที่อยากรู้ว่าบาทูมิมีกิจกรรมอะไรห้ามพลาดบ้าง นี่คือ 4 ความว้าวที่บอกได้เลยว่ายังไงก็ต้องทำ!!!
เดินเล่นที่บาทูมิยุโรปสแควร์ (Batumi Europe Square)
กิจกรรมแรกสำหรับสายชิลเมื่อเที่ยวเมืองบาทูมิ เน้นสัมผัสกับกลิ่นอายของชาวจอร์เจียและชาวอัดจารา สูดอากาศอันแสนบริสุทธิ์ ชมสถาปัตยกรรมสวย ๆ จากยุคศตวรรษที่ 19 ของเมือง แถมยังได้ช้อปปิ้งกันเพลินอีกต่างหาก นี่จึงเป็นจุดที่ต้องไปให้ได้ สำหรับคนไทยจะเรียกสั้น ๆ ว่า “จัตุรัสยุโรป” ซึ่งอย่างที่บอกว่าโดยรอบของจัตุรัสแห่งนี้มีจุดน่าสนใจเยอะมาก เช่น สวนสาธารณะ พิพิธภัณฑ์ โบสถ์ วิหาร อาคารยุคโบราณคลาสสิก ร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านขายของที่ระลึก และอีกเพียบ อยู่กันได้ทั้งวันไม่เบื่อแน่
พักผ่อนหย่อนใจที่สวนมิราเคิลพาร์ก (Miracle Park)
สวนสาธารณะประจำเมืองที่มีความเงียบสงบและยังได้สัมผัสกับบรรยากาศความแปลกใหม่ผ่านงานสถาปัตยกรรมที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ทุกคนใกล้ชิดเรื่องราวในอดีตไม่ว่าจะเป็น
- Batumi lighthouse ประภาคารแห่งแรกในเมืองบาทูมิ สร้างขึ้นเมื่อปี 1863
- Me, You and Batumi’ sculpture เป็นงานรูปปั้นสัมฤทธิ์ชาย-หญิงกำลังดื่มกาแฟอันบ่งบอกถึงวัฒนธรรมและการใช้ชีวิตของชาวเมือง เป็นจุดยอดนิยมในการถ่ายรูปด้วย
- Batumi Ferris wheel ชิงช้าสวรรค์ขนาดยักษ์สูง 55 เมตร เมื่อขึ้นไปแล้วได้สัมผัสกับวิวเมืองแบบ 360 องศา อีกประสบการณ์ชั้นยอดกับการเยือนจอร์เจียที่คุณต้องหลงรัก
- Batumi yacht club ด้วยความเป็นเมืองท่าจึงไม่แปลกที่กิจกรรมล่องเรือใบจะเป็นอีกไฮไลต์ของการพักผ่อนที่สวนแห่งนี้
เยี่ยมชมประติมากรรมอลีและนีโน (Ali and Nino Statue)
สุดยอดงานประติมากรรมที่โด่งดังมาก ๆ ของเมืองบาทูมิ ตามประวัติในงานเขียนวรรณกรรมเรื่อง Ali and Nino ผลงานของ Kurban Said คือรูปปั้น Ali เป็นหนุ่มชาวอาเซอร์ไบจาน ขณะที่รูปปั้น Nino เป็นสาวชาวจอร์เจียผู้นับถือศาสนาคริสต์ เมื่อโซเวียตเข้ามารุกรานทำให้พวกเขาทั้ง 2 ไม่อาจครองรักกันได้ ตำนานนี้ถูกเล่าขานสืบต่อกันมากระทั่ง Tamara Kvesitadze ศิลปินชื่อดังชาวจอร์เจียได้ตัดสินใจเนรมิตแผ่นเหล็กสูง 8 เมตร แกะสลักจนเป็นรูปปั้นของทั้งคู่ นอกจากนักท่องเที่ยวจะถ่ายรูปกันเพลินแล้ว ช่วงเวลา 19.00 น. ของทุกวัน ตัวรูปปั้นจะหันหน้าเข้าหากันคล้ายกำลังจุมพิตด้วย อีกความโรแมนติกที่น่าประทับใจมาก
ชมวิวมุมสูงจากหอคอยตัวอักษร (Alphabetic Tower)
ปิดท้ายกิจกรรมสุดพิเศษในเมืองบาทูมิด้วยการขึ้นไปชมวิวสวย ๆ กันได้เลย นี่คือที่เที่ยวบาทูมิและจอร์เจียที่มีชื่อเสียงมาก สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 2011 ผลงานของ Alberto Domingo Cabo และ Carlos Lazaro ตัวหอคอยสูง 130 เมตร ภายนอกมีการประดับด้วยอักษรจอร์เจียสลักบนแผ่นอะลูมิเนียมถึง 33 ตัว แต่ละตัวสูง 4 เมตร ขณะที่ภายในมีทั้งร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ฯลฯ ไฮไลท์คือการขึ้นไปบนชั้นสูงสุดเพื่อชมวิวแบบ 360 องศา ป่าไม้ ทะเล ภูเขา บ้านเรือน อาคารต่าง ๆ มองเห็นจนสุดลูกหูลูกตากันเลย
และนี่คือความพิเศษของการมีโอกาสได้เยือนเมืองบาทูมิ บอกเลยการเที่ยวจอร์เจียครั้งนี้ของคุณจะพิเศษมากขึ้นอีกหลายเท่า อย่างไรก็ตามทุกครั้งที่วางแผนเดินทางไปเมืองนอก การซื้อประกันเดินทางต่างประเทศถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด ซึ่งใครที่กำลังมองหาประกันเดินทางดี ๆ สักฉบับขอแนะนำ ประกันเดินทางจอร์เจีย จาก Luma คุ้มครองสูงสุดถึง 5 ล้านบาท ซื้อง่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ยื่นวีซ่าได้แบบสบายใจ ให้ความคุ้มครองจากการติดเชื้อโควิด-19 พร้อมบริการช่วยเหลือ 24 ชม. คุ้มค่าขนาดนี้จะทริปไหนก็หายห่วงแน่นอน