เที่ยวญี่ปุ่นกับเด็กเล็ก: เตรียมตัวยังไงไปเที่ยวให้สนุก

เวลาท่องเที่ยวและเดินทางเป็นช่วงเวลาที่ทั้งน่าตื่นเต้นและท้าทาย เราที่ LUMA เองมีความชอบในการเดินทางและค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ อยู่เสมอ และเราต้องการแบ่งปันความรู้ ข้อแนะนำ ประสบการณ์ และขั้นตอนต่างๆ ใน LUMA Travel Series เพื่อให้ทุกคนได้รับประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ดีและน่าจดจำ

เที่ยวญี่ปุ่นกับเด็กเล็ก

สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาเล่าถึงประสบการณ์เที่ยวญี่ปุ่นกับเด็กเล็ก (ช่วงอายุ 1-3 ขวบ) จากประสบการณ์ส่วนตัวของผมในปี 2566 นี้ครับ 

อย่างที่หลายคนอาจจะทราบประเทศญี่ปุ่นสำหรับคนไทยเป็นอีกหนึ่งประเทศที่สามารถเดินทางไปเที่ยวได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า คนไทยจึงนิยมไปเที่ยวญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก ถ้าตามสถิติแล้วนักท่องเที่ยวของประเทศญี่ปุ่นที่มาจากประเทศไทยแล้ว ประเทศไทยเป็นอันดับที่ 5 เลยของปีนี้(อ้างจากข้อมูล ณ เวลาที่เขียนก็คือจากเดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายน 2566) ณ ตอนนี้ก็เฉียด 500,000 คนแล้วที่ได้เดินทางไปญี่ปุ่นในปีนี้

นักท่องเที่ยวญี่ปุ่น

ผมคิดว่าหลายๆท่านที่เดินทางไปญี่ปุ่นก็คงมีเหตุผลคล้ายๆกับผม ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่สวยงาม ปลอดภัย อาหารอร่อย ผู้คนเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยว แถมมีที่ให้ไปเที่ยวเป็นจำนวนมากและยากที่จะเบื่อเพราะความหลากหลายของการท่องเที่ยวในประเทศ ตัวผมเองก็ได้ไปประเทศญี่ปุ่น 5 ครั้งแล้วในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา 

วันนี้ผมอยากจะมาแชร์ให้ฟังถึงประสบการณ์ของการเที่ยวญี่ปุ่นกับเด็กเล็ก และวิธีวางแผนการเดินทางสำหรับการเตรียมตัวไปเที่ยวญี่ปุ่นครับ

ตัวผมเองไม่ได้เป็นผู้เชียวชาญเรื่องประเทศญี่ปุ่นแต่อย่างใด แต่หวังว่าเนื้อหาและข้อมูลในวันนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับทุกท่านครับ

ทำไมถึงต้องเตรียมตัวให้มากขึ้นเมื่อพาลูกไปเที่ยวด้วย

พ่อแม่ทุกคนคงทราบดีว่าแค่ไปเที่ยวนอกบ้านกับเด็กแล้ว ยังต้องมีการวางแผนล่วงหน้าขนาดไหน เพราะฉะนั้น ในเมื่อเราตัดสินใจเดินทางไปต่างประเทศกับเด็กเล็ก ต้องวางแผนดีๆครับถ้าอยากจะเดินทางกับเด็กเล็กแบบไม่ปวดหัวและสนุก

พ่อแม่หลายคนอาจจะมองว่าการเดินทางไปต่างประเทศนั้นเป็นสิ่งที่ยากถ้ามีลูกเล็กจึงหลายท่านจึงไม่พาลูกไปเที่ยวเลยแต่สำหรับผมแล้ว ว่าการได้พาลูกไปเที่ยวเป็นประสบการณ์ที่เราจะสร้างความทรงจำที่ดีให้กับครอบครัวของผม และเปิดโอกาสให้ลูกได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน มีผลในการพัฒนาของเขาค่อนข้างเยอะโดยที่เขาไม่รู้ตัว เรื่องที่ต้องเตรียมอย่างละเอียด วันนี้อยากจะมาแนะนำ 5 เรื่อง ที่จะทำให้การเดินทางกับเด็กเล็ก ง่าย และ สนุก ยิ่งขึ้น

  1. 1. เลือกจุดหมายให้เหมาะกับการเดินทางของเรา
  2. 2. วางแผนการเดินทางดีๆเพื่อให้ราบรื่น
  3. 3. หาที่พักยังไงให้เหมาะสม
  4. 4. ควรจะเตรียมตัวอย่างไร กับเรื่องอาหารและการกิน
  5. 5. สิ่งที่ขาดไม่ได้มีอะไรบ้าง

เลือกจุดหมายให้เหมาะสมสำหรับเที่ยวญี่ปุ่นกับเด็กเล็ก

ข้อแรกที่ผมอยากแนะนำคือให้เลือกจุดหมายหรือสถานที่เที่ยว ทั้งในเรื่องการเดินทางไป และสภาพอากาศที่ไป เพราะอย่าลืมนะครับ เรามีเด็กน้อยไปกับเราด้วยครับ 

ควรจะศึกษาว่าเดือนที่อยากจะเดินทางไปญี่ปุ่นครั้งนี้ อากาศเป็นแบบไหน อยู่ในช่วงฤดูไหน และสภาพอากาสเหมาะสำหรับเด็กเล็กไหม เพราะถ้าหนาวไปหรือร้อนไปหรือฝนเยอะก็จะทำให้เที่ยวได้ลำบากครับ

เช่นหน้าร้อนอาจจะฟังดูดีแต่หน้าร้อนจริงๆแล้วก็มีความเสี่ยงในเรื่องของไต้ฝุ่นและอากาศจะร้อนมาก  แต่ถ้าไปเที่ยวทางใต้ของประเทศญี่ปุ่นเช่น ไปเกาะโอกินาว่าหรือเกาะอิชิคากิ ก็สามารถไปเที่ยวได้และจะเจอทะเลที่สวยมาก แต่หน้าหนาวก็อาจจะมีหิมะตกซึ่งถ้าเด็กที่อายุเกิน 1.5 ขวบก็อาจจะเริ่มเล่นกับหิมะได้แล้ว แต่ต้องแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่อุ่นพอและถุงมือ ลูกเราก็อาจจะสนุกกับประสปการ์ณใหม่ครับ ได้เปิดสิ่งใหม่ๆ เนื้อสัมผัสใหม่ๆ ให้กับลูกครับ

โดยส่วนตัวผมเลือกจุดหมายที่มีธรรมชาติสวยงามครับเพราะลูกผมชอบสูดอากาศบริสุทธิ์และได้วิ่งเล่นอยู่ข้างนอก ผมเลือกที่จะเดินทางไปโตเกียวในทริปที่เพิ่งผ่านมาครับ เพราะถือว่าเป็นที่เดินทางไปง่ายสุดจากกรุงเทพฯ แล้วก็ได้ไปเมืองฮาโกเนะ กับทะเลสาบฟูจิกาวาโกะ ซึ่งทั้ง 2 ที่อยู่ใกล้ๆโตเกียวครับ เพียงขับรถไปเพียงแค่ 1 ชั่วโมงครึ่งครับ ฮาโกเนะเดินทางไปง่ายและมีธรรมชาติที่สวยงามมากครับ ลูกผมก็สนุกมากกับการได้วิ่งเล่นในธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังได้เห็นภูเขาฟูจิด้วย ถ้าถามผมตอนนี้ ผมเข้าใจครับ ว่าลูกยังเล็ก ยังไม่เข้าใจว่าภูเขาฟูจิคืออะไร น่าสนใจตรงไหน แต่อีกหนึ่งอย่างที่ผมได้มาคือความทรงจำของผมเองครับ ได้เห็นภาพที่ลูกวิ่งเล่นและมองภูเขาฟูจิ สำหรับเด็กเล็ก ผมอยากแนะนำฮาโกเน่มากๆครับ มีธรรมชาติที่สวยและอากาสที่ดีสำหรับเด็กเล็กได้วิ่งเล่นปล่อยพลัง

ทริปล่าสุดของผม ผมพาลูกไปเที่ยวญี่ปุ่นเดือน พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา เป็นชาวงเวลาที่คนยังเที่ยวไม่เยอะครับ ทำให้เดินทางกับเด็กสะดวกและปลอดภัยครับ

เที่ยวญี่ปุ่นกับเด็ก

วางแผนการเดินทางดีๆเพื่อให้ชีวิตราบรื่น

การเดินทางกับเด็กเล็กนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ง่ายนัก คุณพ่อคุณแม่คงทราบดีตรงนี้เเพราะฉะนั้นในการเลือกเที่ยวบินไปญี่ปุ่นควรจะเลือกบินตรงถ้าเป็นไปได้

ส่วนตัวผมเลือกที่จะให้ลูกบินตอนกลางวันเพราะว่าการบินมันแค่ 6 ชั่วโมงซึ่งถ้าเป็นตอนกลางคืน จะกลายเป็นว่าต้องปลุกลูกขึ้นมาแล้วมีผลต่อการนอนของเขา สำหรับผม การนอนของลูกสำคัญต่อการเติบโตมากๆ หากเป็นไปได้ ผมจะเลี่ยงทุกสถานการณ์ที่จะไปกระทบตารางนอนของเขา 

บนเครื่องบินก็ควรจะเตรียมของเล่นให้เยอะๆที่เหมาะที่จะเอาขึ้นเครื่องบิน เช่นสมุดสติ๊กเกอร์ ลูกผมชอบมากเล่นได้เกือบ 6 ชั่วโมงเลย พ่อแม่คงต้องเตรียมใจไว้เลยว่าจะต้องเล่นกับลูกตลอด อาจจะมีเพียง 30 นาที -1 ชั่วโมงที่ลูกหลับไปเท่านั้นเอง

พอไปถึงที่ญี่ปุ่นก็คือควรจะเลือกที่พักให้อยู่ใกล้ๆกับสถานที่ที่อยากจะไป ถึงแม้ว่าระบบการเดินทางของญี่ปุ่นดีไม่ว่าจะเป็นระบบรถไฟใต้ดินในโตเกียวแต่พอมีเด็กเล็ก ไม่ว่าจะเป็นการอุ้ม หรือ จูง หรือเข็นรถ ก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด

นั่งเครื่องบินกับเด็กเล็ก

หาที่พักยังไงให้เหมาะสม

ที่พักที่ญี่ปุ่นมีให้เลือกทั้งโรงแรมหรือผ่าน Airbnb เป็นอพาร์ทเม้นท์ให้เช่าก็ได้ ที่ผมได้ไปมาล่าสุดผมเลือกพักโรงแรมเพราะคิดว่าจะง่ายสุด โดยเฉพาะที่โรงแรมมีอาหารเช้าให้ ไม่ต้องกังวลไป 1 เรื่อง แต่ปรากฏว่าหลายๆโรงแรมไม่ได้รวมอาหารเช้าด้วย ตรงนี้ผมยอมรับเลยครับ ผมเช็คไม่ละเอียดเอง แต่ก็ใช่ว่าจะแย่ไปหมด เพราะถึงทานอาหารเช้าได้เนื่องจากลูกผมแพ้อาหารหลายประเภทก็เลยทานไม่ได้อยู่ดี

ข้อเสียอีกอย่างของประเทศญี่ปุ่นก็คือที่พักค่อนข้างเล็กโดยเฉพาะในเมืองหลวง แต่หากออกนอกเมืองมาหน่อย ขนาดห้องจะใหญ่ขึ้นอันนี้ก็ต้องคำนึงดูนะครับเพราะว่าลูกต้องมีพื้นที่ในการเดินไม่งั้นนอกจากความอึกอัด ยังต้องมองถึงความปลอดภัยของลูกครับ เดินชนนู้นชนนี้นะครับ

อีกอย่างที่ต้องคำนึงถึงก็คือต้องดูด้วยว่าที่พักมีที่นอนที่เหมาะสมกับสำหรับลูกหรือเปล่าไม่ว่าจะเป็นที่กั้นเตียงหรือถ้าเด็กเล็กมากๆ ก็ต้องมีเตียงเด็ก หรือที่เรียกกันว่า Baby Cot เท่าที่ผมเห็นแล้วทุกโรงแรมมี Baby Cot ให้เช่าหรืออาจจะมีแถมให้ฟรีและหลายๆที่ก็มีฉากกั้นที่เสียบกับเตียงเพื่อไม่ให้เด็กตกลงมา ประเทศญี่ปุ่นเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของเด็กเล็กครับ ผมขอชื่นชมตรงนี้ครับ

ถ้าผมย้อนเวลาไปผมอาจจะหาศึกษาทางเลือก ที่เป็นอพาร์ทเม้นท์ใน Airbnb มากขึ้นครับโดยเฉพาะอยู่นอกโตเกียวเพราะในโตเกียว Airbnb ดูแล้วไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่แต่ว่าถ้าอยู่นอกเมืองจะมี Option ให้เลือกมากขึ้นและจะดีขึ้นเนื่องจากพื้นที่จะค่อนข้างใหญ่และราคาก็ค่อนข้างดีด้วยแถมจะมีห้องครัวทำอาหารอะไรให้ลูกได้อีก

ควรจะเตรียมตัวอะไรไปบ้างเรื่องการกิน

เรื่องการกินเป็นเรื่องที่ต้องวางแผนเป็นอย่างมากเวลาไปเที่ยวญี่ปุ่น ผมแนะนำให้หาข้อมูลเรื่องร้านอาหารต่างๆที่อยากจะไปทานตั้งแต่ที่ไทยเลยครับ

สิ่งที่ต้องคำนึงคือ 1 ถ้าลูกคุณแพ้อาหารอย่างลูกผม ก็ควรจะหาร้านอาหารที่มีเมนู หรือ อาหารที่เขาจะทานได้ และต้องดูอย่างละเอียดเรื่องการปนเปื้อนด้วยครับ อันนี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการแพ้ของแต่ละคนนะครับ

โดยส่วนใหญ่แล้วที่ผมเจอในญี่ปุ่นร้านอาหารจะไม่ค่อยมีเก้าอี้เด็ก เพราะฉะนั้นก็ควรตรวจสอบก่อนไปถึงร้าน ว่ามีเก้าอี้เด็กให้หรือเปล่า การที่ร้านมีเก้าอี้เด็กทำให้ชีวิตของพ่อแม่ทั้งสองดีขึ้นเลยครับ จะได้มีความทรงจำดีๆทั้งคู่ ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนะครับ อีกอย่างที่ผมอยากจะแนะนำ ควรจองร้านอาหารล่วงหน้าครับ เพราะแต่ละที่มีพื้นที่จำกัด การที่เรามีเด็กเล็กไปด้วยบางทีอาจจะไม่สะดวกที่ต้องรอคิวนานครับ

อย่างไรก็ตาม เกือบทุกร้านที่เกี่ยวกับ การปิ้งย่าง หรือ เทปันยากิส่วนมาก จะมีเก้าอี้เด็กครับ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการเลือกร้านอาหารที่เหมาะกับครอบครัว หรือ  Family Friendly ครับ

เรื่องของกินเล่น หรือ การบำรุงลูก ไม่ต้องเป็นห่วงเลยครับ ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ทรัพยากรดีมากมีอาหารครบถ้วนไม่ว่าจะเป็นนมคุณภาพสูง หรือผลไม้ต่างๆนานา เพราะฉะนั้นในเรื่องของขนมทานเล่น ในช่วงเวลา Snack ของลูกน้อย ไม่ต้องห่วงครับ

การเดินทางกับเด็กเล็ก

สิ่งที่ขาดไม่ได้มีอะไรบ้าง

สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ Stroller หรือ รถเข็นเด็กนะครับ เพราะต่อให้ลูกคุณเดินคล่องแล้ว เมื่อไรที่เหนื่อย เบื่อ หรือง่วงแล้ว อย่าหวังเลยนะครับ ว่าการเดินทางจะราบรื่น การมีรถเข็นติดตัว จะช่วยทั้งให้ลูกได้พักผ่อนเวลาเดินทางเยอะและมีประโยชน์ตอนช่วงเวลาที่ต้องนอนกลางวันครับ

อีกอย่างที่ต้องเตรียมก็คือเสื้อผ้าของลูกต้องเตรียมให้เหมาะกับอากาศ เพราะอากาศในวันนึงอาจจะเปลี่ยนจากร้อนไปหนาวได้ ผมเลยอยากแนะนำให้ เตรียมพร้อมไว้เสมอ

เรื่องยาเป็นอีกเรื่องหนึ่งเรื่องที่ควรมีเตรียมไว้ติดตัว โดยเฉพาะกับเด็กเล็ก บางครั้งเราไปที่ประเทศอื่น ยาบางชนิดหาไม่ได้ หรือ การป้อนยาที่ขนาดเท่าไรก็เป็นภาษาอื่น อาจจะเกิดอันตรายได้ครับ

ของเล่นและหนังสือก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับเด็กเล็กเพราะจะทำให้เด็กไม่เบื่อและช่วยในการกล่อมให้นอนหลับ

หนึ่งบทเรียนที่ผมได้มา คือต้องเตรียมผ้าอ้อม ไปให้พอ นอกจากพอแล้ว ต้องเกินพอ เพราะเตรียมไปเท่าไรไม่เคยพอเลยครับ จริงๆตอนแรกเห็นยี่ห้อที่มีในเมืองไทยเป็นยี่ห้อญี่ปุ่นทั้งนั้นก็นึกว่าจะหาง่ายแต่ญี่ปุ่นไม่ได้มีขาย ผ้าอ้อม ในร้านสะดวกซื้อเหมือนในเมืองไทย ผมเลยเสียเวลาเยอะพอสมควรในการเดินหาผ้าอ้อม จนสุดท้ายต้องยอมซื้อกล่องใหญ่แล้วก็ได้ขนกลับมาเมืองไทยด้วย เพราะของมันต้องใช้

สิ่งสุดท้ายที่ผมอยากจะแนะนำในการเดินทางกับเด็กเล็ก ที่ขาดไม่ได้เลย คือประกันเดินทางไปญี่ปุ่นสำหรับประเทศญี่ปุ่นครับ การไปต่างประเทศกับเด็กเล็กมีความเสี่ยงมากมายการมีประกันเดินทางติดตัวไปด้วยก็จะช่วยเพิ่มความอุ่นใจให้กับคุณพ่อคุณแม่ ไม่ต้องกังวลถึงค่ารักษาเมื่อเจ็บป่วยในต่างแดน ของสูญหาย หรือเที่ยวบินถูกยกเลิก ราคาประกันเดินทางน้อยนิด เทียบไม่ได้เลยครับ หากเกิดเหตุอะไรที่ต่างประเทศ ค่าบริการ ค่าหมอ ค่าครองชีพต่างๆที่ญี่ปุ่นสูงกว่าไทยเยอะครับ สำหรับผมแล้ว ลืมอะไร ลืมได้ แต่ลืมประกันเดินทางญี่ปุ่นไม่ได้จริงๆครับ

Table of Contents

You May Also Like

วีซ่าออสเตรเลีย
บทความ

อัปเดตการขอวีซ่าออสเตรเลียประเภทท่องเที่ยว ฉบับปี 2024

การไปเที่ยวออสเตรเลียจัดเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายของหลายคน นอกจากความสวยงามด้านสถาปัตยกรรมแล้ว ยังมีเรื่องน่าสนใจทั้งสัตว์ป่า ชุมชนคนไทย และอีกมากมาย ซึ่งใครวางแผนอยากสัมผัสกับประสบการณ์ใหม่แบบนี้ก็จำเป็นต้องมี “วีซ่าออสเตรเลีย” ก่อนเดินทางเข้าประเทศด้วยเช่นกัน จึงขออัปเดตวิธีขอวีซ่าท่องเที่ยวออสเตรเลียและข้อมูลน่าสนใจฉบับปี 2024 ให้ทุกคนทำตามกันเลย ข้อมูลเบื้องต้นในการขอวีซ่าออสเตรเลียประเภทท่องเที่ยว สำหรับผู้ที่สนใจขอวีซ่าออสเตรเลียประเภทท่องเที่ยวจะถูกจัดอยู่ในหมวดของ Visitor Visa สามารถใช้ได้ทั้งจุดประสงค์การท่องเที่ยว ทำธุรกิจ เยี่ยมญาติ รวมถึงการเรียนคอร์สระยะสั้นไม่เกิน 3 …

New Health Standard คืออะไร
บทความ

New Health Standard คืออะไร

ความหมายของ New Health Standard  New Health Standard คือมาตรฐานของประกันสุขภาพแบบใหม่ ที่มีการบังคับใช้อย่างเป็นทางการมาตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน 2564 โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ทำไมถึงต้องเปลี่ยนเป็น New Health Standard? เพื่อสร้างมาตรฐานประกันสุขภาพแบบใหม่ให้เหมาะสมกับสังคมสมัยใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากวิวัฒนาการทางการแพทย์ในปัจจุบันมีความคืบหน้าไปมากจากเมื่อก่อน …

community rating คือ
บทความ

Community Rating คืออะไร?

Community Rating เป็นหลักการที่ใช้ในการกำหนดระดับค่าเบี้ยประกันหรือค่าบริการทางด้านการแพทย์โดยไม่คำนึงถึงประวัติการเป็นโรคหรือสภาพสุขของบุคคลแต่ละคนในกลุ่มที่เข้าร่วมโปรแกรมประกันสุขภาพ เพื่อง่ายต่อการเข้าถึงการรักษาและประกันสุขภาพสำหรับทุกคนในกลุ่มนั้น โดยทั่วไปการเสนอราคาหรือการเสนอประกันในระบบ Community Rating จะไม่พิจารณาข้อมูลส่วนบุคคลเช่น อายุหรือประวัติการเป็นโรคของผู้เอาประกัน ทำให้ค่าเบี้ยหรือค่าบริการมีความเท่าเทียมกันหรือใกล้เคียงสำหรับทุกคนในกลุ่มนั้นๆ แม้ว่าบางบุคคลอาจมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมากกว่าบางคนในกลุ่มก็ตาม หรือบางคนอาจมีอาการเรื้อรังที่ต้องการการรักษาบ่อยมากกว่าคนอื่น แต่ค่าเบี้ยหรือค่าบริการยังคงเท่าเทียมกันสำหรับทุกคนในกลุ่มนั้นๆ หลักการ Community Rating มีจุดประสงค์เพื่อให้มีความยุติธรรมและเสมอภาคต่อทุกคนในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพโดยไม่สนใจสถานะสุขภาพหรือความสามารถในการจ่ายเงินของบุคคลแต่ละคนในกลุ่มนั้น ๆ โดยมักจะใช้ในระบบประกันสุขภาพของประเทศหรือระบบที่เปิดให้กับสาธารณชนทั่วไปให้เข้าถึงได้ง่าย ๆ …