มาทำความรู้จักฝีดาษลิง คืออะไร? ระบาดที่ไหน? ป้องกันได้อย่างไรบ้าง?

ฝีดาษลิง

ในปี 2022 หลายประเทศในยุโรปพบการระบาดของโรคฝีดาษลิง ซึ่งเป็นโรคประจำถิ่นของประเทศในแถบแอฟริกากลางกำลังสร้างความกังวลให้ผู้คนในขณะที่ยังมีการระบาดของโรคโควิด-19 จำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นทุกวัน ประเทศต่าง ๆ รวมถึงประเทศไทยจึงเริ่มมีการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์การระบาด เวลาผ่านไป โควิด -19 ได้จางลง แต่อยู่ๆ กลางปี 2023 โรคฝีดาษลิงกลับมาเป็นข่าว และเริ่มมีการกังวลใจเรื่องโรคนี้ อย่างไรก็ตามโรคฝีดาษลิงมีประวัติการติดเชื้อในคนมามากกว่า 50 ปี มีอาการอย่างไร สามารถป้องกันได้อย่างไร LUMA ได้รวบรวมข้อมูลของโรคฝีดาษลิงไว้ดังนี้  

ฝีดาษลิง คืออะไร? 

โรคฝีดาษลิงเป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน และสามารถแพร่จากคนสู่คนได้ มีอาการใกล้เคียงกับอาการที่เคยพบในผู้ป่วยโรคไข้ทรพิษที่เคยระบาดทั่วโลก ก่อนถูกประกาศสิ้นสุดการระบาดโดยองค์การอนามัยโลกเมื่อปี 1980  

โรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อไวรัสฝีดาษลิง (monkeypox virus) เป็นไวรัสที่อยู่ในสกุล Orthopoxvirus กลุ่มเดียวกันกับไวรัสไข้ทรพิษ (variola virus) ไวรัสฝีดาษวัว (cowpox virus) และไวรัสที่ใช้ผลิตวัคซีนไข้ทรพิษ (vaccinia virus) 

การค้นพบและการระบาดของโรคฝีดาษลิง 

เมื่อปี 1958 มีการค้นพบเชื้อไวรัสชนิดนี้ครั้งแรกในลิง เป็นที่มาของชื่อโรค Monkeypox หรือ “ฝีดาษลิง” เชื้อไวรัสนี้พบได้ในสัตว์หลายชนิด โดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิงและสัตว์ฟันแทะ เช่น กระรอก หนูป่า เป็นต้น จากนั้นในปี 1970 มีบันทึกผู้ป่วยฝีดาษลิงในมนุษย์รายแรกที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ตั้งแต่นั้นมาได้พบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงในหลายประเทศแถบแอฟริกากลางและแอฟริกาตะวันตก ได้แก่ แคเมอรูน สาธารณรัฐแอฟริกากลาง โกตดิวัวร์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก กาบอง ไลบีเรีย ไนจีเรีย สาธารณรัฐคองโก และเซียร์ราลีโอน 

การแพร่ไวรัสโรคฝีดาษลิง 

ไวรัสของโรคฝีดาษลิง แพร่จากสัตว์สู่คน และสามารถแพร่จากคนสู่คน โดยสามารถติดเชื้อได้จาก 

  • การสัมผัสรอยแตกบนผิวหนังของผู้ป่วยฝีดาษลิง 
  • การสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง ตุ่มหนองของคนหรือสัตว์ที่ติดเชื้อ รวมถึงละอองจากระบบทางเดินหายใจ 
  • การถูกสัตว์ที่มีเชื้อกัดข่วน 
  • การประกอบอาหารจากเนื้อสัตว์ป่า การกินเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกไม่เพียงพอ 
  • การติดเชื้อผ่านวัสดุที่ปนเปื้อนเช่น ผ้าปูที่นอน หรือการสัมผัสที่นอนของสัตว์ที่ติดเชื้อ 

การติดเชื้อฝีดาษลิงมีระยะฟักตัว (ระยะตั้งแต่ติดเชื้อถึงช่วงที่เริ่มมีอาการของโรค) อยู่ที่ 6-13 วัน แต่ในผู้ป่วยบางรายก็อาจยาวนานตั้งแต่ 5-21 วัน

ฝีดาษลิง

อาการและลักษณะผื่นของโรคฝีดาษลิง 

อาการในระยะที่เชื้อลุกลามก่อนร่างกายมีผื่น

  • ไข้ ปวดหัว ปวดหลัง ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย
  • ภาวะต่อมน้ำเหลืองโต เป็นอาการที่โดดเด่นของโรคฝีดาษลิงเมื่อเทียบกับโรคอื่นที่คล้ายกันเช่น อีสุกอีใส หัด และไข้ทรพิษ

ระยะที่ร่างกายเริ่มมีผื่นขึ้น เกิดขึ้นหลังจากมีไข้ได้ 1-3 วัน โดยผื่นโรคฝีดาษลิงมีลักษณะดังนี้

  • ผื่นฝีดาษลิงประกอบด้วยตุ่มบนผิวหนัง โดยตุ่มมี 4 ระยะ ได้แก่ จุดแดง ตุ่มนูน ตุ่มน้ำใส และตุ่มหนอง ตามลำดับ จากนั้นตุ่มจะแห้งแล้วหลุดหรือแตกออก
  • ผื่นจะปรากฏบนใบหน้าและแขนขาหนาแน่นกว่าบนลำตัว
  • ผื่นสามารถปรากฏบนส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้แก่ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า เยื่อในช่องปาก อวัยวะเพศ และเยื่อตา
  • ผื่นจะปรากฏอยู่ในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยแต่ละตุ่มในบริเวณนั้นจะมีขนาดเท่ากัน อยู่ในระยะเดียวกัน (เช่นผื่นบริเวณขามีตุ่มขนาดเท่ากันอยู่ระยะตุ่มน้ำใสเหมือนกัน)
  • ผู้ป่วยฝีดาษลิงมีอาการเจ็บหรือปวดบริเวณที่มีผื่น ในช่วงที่รักษาใกล้หายแผลจะตกสะเก็ดและมีอาการคัน 

ฝีดาษลิงเป็นโรคที่หายได้เองโดยผู้ป่วยจะมีอาการของโรคยาวนานประมาณ 2 ถึง 4 สัปดาห์ ความรุนแรงของอาการต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับสุขภาพเดิมของผู้ป่วย ภาวะแทรกซ้อน โดยอาการที่รุนแรงมักพบในเด็กและผู้ป่วยที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง 

องค์การอนามัยโลก ได้ระบุว่าอัตราการตายของโรคฝีดาษลิง อยู่ที่ร้อยละ 0-11 ในประชากรทั่วไป อัตราสูงขึ้นในเด็ก และในช่วงที่มีการระบาดล่าสุดนี้มีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ร้อยละ 3-6  

การป้องกันโรคฝีดาษลิง 

เนื่องจากโรคฝีดาษลิงเป็นโรคระบาดที่เป็นโรคประจำถิ่นในบางประเทศแถบแอฟริกากลาง ดังนั้นการป้องกันโรคฝีดาษลิงจึงป้องกันได้ด้วยการลดความเสี่ยงในการรับเชื้อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขประเทศไทย ได้ระบุวิธีการป้องกันโรคฝีดาษลิงไว้ดังนี้ 

  1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ที่ติดเชื้อหรือสัตว์ป่า
  2. หลีกเลี่ยงการกินเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกไม่เพียงพอ  
  3. หมั่นล้างมือด้วยสบู่และน้ำหรือเจลแอลกอฮอล์เมื่อสัมผัสกับสัตว์หรือผู้ที่ติดเชื้อ โดยเฉพาะกรณีที่เดินทางเข้าไปในป่า
  4. ไม่นำสัตว์ป่ามาเลี้ยงหรือนำเข้าสัตว์จากต่างประเทศโดยไม่มีการ คัดกรองโรค
  5. กรณีมีการเดินทางกลับจากประเทศที่เป็นเขตติดโรค ต้องทำการคัดกรองและเฝ้าระวังอาการจนครบ 21 วัน หากมีอาการเจ็บป่วยให้รีบไปพบแพทย์ทันที และทำการแยกกักตัวเพื่อไม่ให้ผู้ป่วยมีการแพร่กระจายเชื้อ 

โรคฝีดาษลิงเป็นโรคที่สามารถป้องกันด้วยวันซีนไข้ทรพิษ โดยสามารถป้องกันได้ถึงร้อยละ 85 แต่องค์การอนามัยโลกได้ยุติการฉีดวัคซีนไข้ทรพิษตั้งแต่ประกาศสิ้นสุดโรคไข้ทรพิษในปี 1980 ทำให้คนที่เกิดหลังจากปีนั้น มีความเสี่ยงโรคฝีดาษลิงมากกว่าคนกลุ่มอื่น อย่างไรก็ตามวัคซีนไข้ทรพิษยังมีการจัดเก็บไว้ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและมีการใช้งานในบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเสี่ยงต่อไวรัส

โรคฝีดาษลิงในประเทศไทย

สถานการณ์โรคฝีดาษลิงในประเทศไทยในปีนี้เกิดความกังวลในเวลาที่พบผู้ติดเชื้อโดยรวดเร็ว ณ วันที่ 20 สิงหาคม 2566 นพ. โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรคได้กล่าวว่าโรคฝีดาษลิงเป็นโรคที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากเป็นโรคที่ แพร่กระจายผ่านทางเพศสัมพันธ์และการสัมผัสโดยตรง ไม่จำเป็นต้องมีการมีเพศสัมพันธ์ก็สามารถติดเชื้อได้ เช่น การสัมผัสร่างกายและผิวหนังที่มีตุ้มหนอง จะทำให้เชื้อสามารถเข้าไปสู่ร่างกายผ่านทางผิวหนังที่อาจจะเกิดแผล 

ขณะนี้ การติดเชื้อฝีดาษลิงเพิ่มขึ้น และเป็นคนไทยเกือบ 100% ทำให้โรคนี้เป็นเรื่องน่าเป็นห่วงพอประมาณ ได้มีการระบุพื้นที่เสี่ยง โดยมีพื้นที่เสี่ยงสูง  3 จังหวัดที่อยู่ในระดับสีแดง คือ กรุงเทพมหานคร, นนทบุรี และ ชลบุรี ระดับสีส้ม ได้แก่ สมุทรปราการ ภูเก็ต ปทุมธานี และสีเหลืองอีก 13 จังหวัด

 

หมายเหตุ: เนื้อหาของบทความนี้เป็นเพียงการนำเสนอข้อมูลแก่ผู้อ่านเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและปัญหาทางการแพทย์ที่อาจเกิดขึ้น แม้ว่าเราจะพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะให้ข้อมูลที่ถูกต้อง แต่เราไม่ได้รับประกันในส่วนของความถูกต้อง ความทันสมัย และความครบถ้วนของเนื้อหา โปรดทราบว่าข้อมูลใด ๆ ในบทความนี้ไม่ใช่แหล่งข้อมูลที่เหมาะสมสำหรับการให้คำแนะนำทางการแพทย์ การให้ข้อมูลนี้แก่คุณ เราไม่ได้ให้คำแนะนำใด ๆ ที่นำไปสู่การตัดสินใจเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ไม่มีเนื้อหาใดในบทความนี้ที่สามารถนำไปพิจารณาหรือปฏิบัติแทนคำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัย หรือการรักษาได้ และไม่มีข้อมูลใดในบทความนี้ที่แสดงถึงหรือรับประกันว่าคำแนะนำเหล่านั้นปลอดภัย เหมาะสม หรือมีประสิทธิภาพสำหรับคุณ สำหรับปัญหา ความกังวลด้านสุขภาพสุขภาพ การวินิจฉัย หรือการรักษา เราแนะนำให้ผู้อ่านขอคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับสุขภาพ

 

You May Also Like

สุขภาพจิตดี
สุขภาพ

ออกกำลังกายช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้นได้จริงเหรอ

การออกกำลังกายมักเกี่ยวกับความเป็นอยู่ที่ดีทางกาย สิ่งที่คนส่วนใหญ่คาดหวังว่าจะได้รับจากการออกกำลังกายจึงเป็นรูปร่างสัดส่วนที่ดีและความแข็งแรง แต่คุณอาจจะสังเกตได้ว่า ไม่ว่าจะออกไปเดินเร็วกลางแจ้งหรือยกน้ำหนักในยิม หลังจากออกกำลังกายคุณจะรู้สึกพอใจหรือมีความสุข ความรู้สึกดีเหล่านี้อาจไม่ได้เกิดขึ้นแค่เพียงชั่วคราว ดังที่หลายงานวิจัยพบว่าการออกกำลังกายสามารถช่วยให้ปัญหาสุขภาพจิตดีขึ้นได้ การออกกำลังหายจึงมีข้อดีนอกเหนือไปจากสุขภาพร่างกายแข็งแรง แต่ยังช่วยบรรเทาความเครียดชั่วคราว คลายความวิตกกังวล และช่วยให้ปัญหาสุขภาพจิตดีขึ้น ตัวอย่างเช่น ในปี 2007 นักวิจัยจากอิสราเอลค้นพบว่าการออกกำลังกายแบบแอโรบิกเพียงหนึ่งชั่วโมงต่อสัปดาห์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง เมื่อต้นปี 2017 สถาบันการกีฬาและวิทยาศาสตร์การกีฬาแห่งเยอรมนี พบว่าการออกกำลังกายแบบแอโรบิกเป็นประจำช่วยเพิ่มความสามารถของผู้เข้าร่วมวิจัยในการจัดการกับความเครียดในชีวิตจริง การออกกำลังกาย …

ดื้อยา
สุขภาพ

การดื้อยา: ทำความรู้จักกับการดื้อยาปฏิชีวนะในประเทศไทย

ยาปฏิชีวนะหรือที่เรียกว่ายาต้านแบคทีเรียเป็นยาที่ทำลายหรือชะลอการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย นับตั้งแต่การค้นพบเพนิซิลลินโดยอเล็กซานเดอร์ เฟลมมิงในปี 1928 ยาปฏิชีวนะได้ปกป้องและช่วยชีวิตผู้คนหลายร้อยล้านคนจากโรคติดเชื้อมากมาย อย่างไรก็ตาม ยาปฏิชีวนะใช้เฉพาะกับแบคทีเรียเท่านั้น และไม่สามารถใช้รักษาโรคติดเชื้อไวรัสหรือโรคติดเชื้อปรสิตส่วนใหญ่ได้ และควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสมตามที่แพทย์ระบุเท่านั้น การใช้ยาปฏิชีวนะมากเกินไปจะทำให้แบคทีเรียที่มีประโยชน์หลายล้านล้านชนิดซึ่งมีความจำเป็นต่อร่างกายมนุษย์และทรัพยากรสิ่งมีชีวิตบนโลกมีจำนวนลดลง แต่ในขณะเดียวกันจุลินทรีย์ดื้อยาจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นและทำให้ยากต่อการรักษาขึ้นเรื่อยๆ การหยุดใช้ยาปฏิชีวนะก่อนที่แพทย์กำหนดจะทำให้การรักษาในอนาคตไม่ได้ผล เนื่องจากแบคทีเรียที่ยังมีชีวิตอยู่ได้สัมผัสกับยาปฏิชีวนะไปแล้ว และอาจเกิดการดื้อต่อยาปฏิชีวนะได้ หากมีการใช้ยาปฏิชีวนะที่ไม่ถูกวิธีและเกินจำเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ จะส่งผลให้เกิดความสูญเสียมากกว่าเกิดประโยชน์ เช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่สร้างภัยพิบัติให้กับอารยธรรมยุคใหม่ การดื้อยาปฏิชีวนะกลายเป็นความท้าทายอีกประการหนึ่งที่ประชากรโลกทั่วโลกกำลังเผชิญ ปัญหาเชื้อดื้อยาปฏิชีวนะในประเทศไทย จากการศึกษาวิจัยสำคัญที่ถูกอ้างอิงอย่างกว้างขวางและตีพิมพ์ในปี …

HPV คือ
สุขภาพ

HPV คืออะไร อาการ เป็นอย่างไร ควรทำความเข้าใจให้ดี

เรื่องสุขภาพ ยิ่งรู้ก็มากยิ่งดี และถ้ายิ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับโรค HPV (Human Papillomavirus) การรู้จักและทำความเข้าใจไวรัสชนิดนี้ที่พบได้อย่างแพร่หลาย ก็อาจเปลี่ยนชีวิตคุณได้เช่นกัน HPV เป็นไวรัสที่พบได้ทั่วไปมีมากกว่า 100 ชนิด และอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพได้หลายอย่าง ตั้งแต่หูดไปจนถึงมะเร็ง ในบทความนี้ ได้รวบรวมเนื้อหาเกี่ยวกับเชื้อ HPV ทั้งการแพร่เชื้อ ปัจจัยเสี่ยง การป้องกัน …