สำหรับเหล่าบรรดาสายมูทั้งหลายอยากลองไปสักการะความศักดิ์สิทธิ์ที่ต่างประเทศดูบ้าง แต่ติดว่าไม่ค่อยมีเวลาเลยมองหาทริปสายมูเน้นใกล้เมืองไทยเอาไว้ก่อน “ประเทศมาเลเซีย” แม้เป็นดินแดนที่ผู้คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามแต่ก็ยังมีสถานที่หลายแห่งน่าสนใจและชวนให้ไปสัมผัสกับความงดงามพร้อมทั้งขอพรในเรื่องต่าง ๆ อยู่พอสมควร เอาเป็นว่าใครอยากรู้ต้องไม่พลาดกับทริปเด็ดสายมูมาเลเซีย เคลียร์คิวให้ว่างแล้วสุดสัปดาห์นี้ไปลุยกันเลยดีกว่า!
ถ้ำบาตู (Batu Caves) สถานที่ต้องไปสำหรับสายมู
สถานที่แห่งแรกในการเปิดทริปสายมูประเทศเพื่อนบ้านทางตอนใต้อย่างมาเลเซียจัดว่ามีชื่อเสียงและโด่งดังมาก ตั้งอยู่ไม่ห่างจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ โดดเด่นด้วยรูปปั้นขันธกุมารสีทองขนาดสูงสุดในโลก (World’s Tallest Murugan statue) ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้า ตามความเชื่อคือพระองค์มีความศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวกับความยุติธรรมมาก ใครที่กำลังต่อสู้ในเชิงกฎหมาย หรืออยากได้การตัดสินที่เป็นธรมก็ลองแวะมากราบไหว้ได้ ขณะที่ด้านหลังเป็นถ้ำหินปูนอายุมากกว่า 400 ล้านปี แบ่งเป็นถ้ำขนาดใหญ่ 3 จุด และถ้ำขนาดเล็กอีกนับไม่ถ้วน
ผู้คนที่แวะเวียนมายังที่เที่ยวมาเลเซียแห่งนี้นอกจากขอพรกับพระขันธกุมารสีทองด้านหน้าแล้ว กิจกรรมไฮไลต์คือการเดินขึ้นบันไดหลากสี 272 ขั้น เพื่อขึ้นไปกราบไหว้ขอพรเทพเจ้าองค์ต่าง ๆ ของศาสนาฮินดูซึ่งได้มีการประดิษฐานเอาไว้จำนวนมากภายในถ้ำ ยิ่งใครเดินทางไปช่วงเทศกาลไทปูซัม (Thaipusam) ช่วงปลายเดือนมกราคมของทุกปี เป็นเทศกาลที่จัดขึ้นเพื่อแสดงความเคารพกับเทพเจ้าภายในถ้ำทั้งเทพเจ้าแห่งความดี ความอ่อนวัย และการเสริมพลังอำนาจในการกำจัดสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง
การเดินทางไม่ยากสามารถนั่งรถไฟสาย KLIA Express จากสถานีหลักอย่าง KL Sentral ไปลงยังสถานี Batu Caves ได้เลย ใช้เวลาประมาณ 35 นาที จากนั้นเดินต่ออีกราว 400 เมตร เท่านั้น เปิดทริปสายมูให้น่าประทับใจกันแบบจัดเต็มได้เลย
วัดถ้ำชินสวี (Chin Swee Caves) วิวดี บรรยากาศโดนใจ
สายมูมาเลเซียมาลุยกันต่อกับวัดที่ถูกสร้างขึ้นตามแบบของลัทธิเต๋าซึ่งตั้งตระหง่านบริเวณจุดแวะพักสำหรับคนที่กำลังจะเดินทางขึ้นไปยังสวนสนุก Genting Highland จุดเด่นแรกที่สังเกตเห็นชัดเจนต้องยกให้กับรูปปั้นหินขนาดใหญ่ รวมถึงรูปปั้นของเหล่าบรรดาเซียนเทพบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับนรก สวรรค์ รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมซึ่งคนจีนเชื่อว่าขอพรสำเร็จได้ในทุกเรื่อง มองวิวสวย ๆ พร้อมสภาพอากาศเย็นสบายตลอดปี มีรูปปั้นของ ลิม โกห์ ท็อง (Lim Goh Tong) บุคคลสำคัญของชาวมาเลเซียผู้เริ่มต้นก่อสร้าง Genting Highland พร้อมดื่มกาแฟ Starbuck กับบรรยากาศไม่เหมือนใคร บอกเลยว่าสายมูคนไหนไปแล้วต้องหลงรักแน่
การเดินทางส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวมักนั่งมากับรถทัวร์ หรือรถตู้ที่จะขึ้นไปยัง Genting Highland แต่ถ้าใครตั้งใจไปขอพรที่วัดแห่งนี้ก็มีรถบัสให้นั่งไปได้เช่นกัน ใช้เวลาราว 1 ชม. เศษ แล้วเดินต่ออีกเล็กน้อยชมความงดงามระหว่างทางเพลิน ๆ กันเลย
วัดเทียนหัว (Thean Hou Temple) ขอพรสำเร็จใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์
ทริปสายมูสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาแนะนำให้แวะเวียนไปยังวัดเทียนหัวกันได้เลย (คนไทยจะคุ้นชื่อกับวัดเจ้าแม่ทับทิม) ตั้งอยู่ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ คนที่นี่มีความเชื่อว่าเทพเจ้าทับทิมผู้ศักดิ์สิทธิ์มักคอยดูแลชาวประมงให้เดินทางกันปลอดภัย แคล้วคลาดจากอันตรายในท้องทะเลทั้งปวง จึงไม่แปลกหากคนจำนวนมากมักนิยมขอพรสำเร็จในเรื่องการเดินทางโดยเฉพาะคนที่ชีพจรลงเท้าบ่อย
ตัวอาคารหลักสูง 6 ชั้น ภายในประดิษฐานเทพเจ้าสำคัญเอาไว้อย่าง รูปปั้นเจ้าแม่ทับทิม ขอพรด้านการเดินทาง และรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม ซึ่งตามความเชื่อเป็นองค์เทพแห่งความรัก ความสำเร็จ อีกทั้งยังมีจุดขายเครื่องรางของขลังและของที่ระลึกต่าง ๆ อีกเยอะมาก เป็นอีกวัดแนะนำสำหรับคนที่อยากไปสัมผัสกับทริปสายมูประเทศเพื่อนบ้าน
การเดินทางสามารถนั่งรถบัสสาย P701 ไปลงยังป้าย Wisma Belia แล้วเดินต่อเข้าไปอีกเล็กน้อย แต่ถ้าใครอยากสะดวกกว่านั้นจะเลือกนั่งแท็กซี่หรือ Grab ก็ไม่มีปัญหา อยู่ไม่ไกลจากใจกลางเมือง รับรองความงดงามและความน่าประทับใจอย่างแน่นอน
วัดเก๊กลกซี (Kek Lok Si Temple) วัดพุทธใหญ่สุดของมาเลเซีย
สายมูที่อยากเดินทางใกล้ ๆ ไม่ต้องเหนื่อยมาก มีเวลาน้อยแนะนำแวะไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์กันบนเกาะปีนังได้เลย วัดเก๊กลกซีหุบเขาแสนซับซ้อนของเขตอาเยอร์อีตัม (Ayer Itam) ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 ค.ศ. 1891 แล้วเสร็จ ค.ศ. 1905 โดยพระอาจารย์เบี่ยวเลี่ยน ภิกษุจากมณฑลฮกเกี้ยน จุดเด่นของวัดแห่งนี้ต้องยกให้กับ “เจดีย์หมื่นพุทธ” ขนาดสูง 100 ฟุต แบ่งการออกแบบถึง 3 สถาปัตยกรรม ด้านล่างสุดเป็นศิลปะจีน ตรงกลางศิลปะไทย และด้านบนศิลปะพม่า
ภายในวัดยังมีหอพระโพธิสัตว์ หอเทวะ และหอเก็บพระไตรปิฎกซึ่งเก็บพุทธศิลป์ อาทิ พระพุทธรูป งานจิตรกรรม งานแกะสลัก และอีกมากมายเอาไว้ นอกจากได้ความสบายทางใจแล้วยังชมวิวสวย ๆ และพื้นที่อันแสนเงียบสงบเพื่อสร้างแรงบันดาลใจใหม่ให้กับชีวิตได้เป็นอย่างดี การเดินทางจากย่าน George Town สามารถนั่งรถบัสหรือเดินชิล ๆ เพื่อไปจนถึงวัดได้เลย
วัดศรีมหามารีอัมมัน (Sri Mahamariamman Temple) วัดแขกแห่งจอร์จทาวน์
เชื่อว่าสายมูหลายคนคงคุ้นเคยกับชื่อของวัดแขกกันดี เพราะบ้านเราก็มีอยู่ในย่านสีลม แต่ถ้าไปเยือนปีนังแล้วต้องการมูขอพรสำเร็จแนะนำที่นี่เลย ตั้งอยู่ย่านเมืองเก่าของจอร์จทาวน์ซึ่งเป็นชุมชนชาวอินเดียที่อยู่อาศัยกันมายาวนานจนทุกคนขนานนามเป็น “ลิตเติลอินเดีย” (Little India) วัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตามความเชื่อของชาวฮินดูเพื่ออุทิศแด่พระแม่มารีอัมมัน (Mariamman) พระเจ้าเทวีองค์สำคัญตามความเชื่อของคนฮินดูเป็นเทวีแห่งฝนมีความเก่งกาจในด้านการปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย โรคภัยไข้เจ็บ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนนิยมไปกราบไหว้
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ควรรู้สำหรับผู้ที่อยากปักหมุดทริปมูมาเลเซียที่นี่นั่นคือ ทางวัดยังคงรักษาขนบดั้งเดิมของฮินดูเอาไว้นั่นคือ มีการเปิดให้ทำพิธีต่าง ๆ แค่ช่วงเช้าและเย็น ด้วยเหตุนี้ช่วงเวลาดังกล่าวจะมีชาวมาเลเซียเชื้อสายฮินดูแน่นขนัดมากโดยเฉพาะวันหยุด จากใจกลางย่านจอร์จทาวน์สามารถนั่งรถบัสหรือเดินชิล ๆ ตามเส้นทางไปได้เลย
วัดไชยมังคลาราม (Wat Chayamangkalaram) วัดไทยในมาเลเซีย
วัดไทยแห่งเดียวในมาเลเซียที่อยากเชิญชวนสายมูประเทศเพื่อนบ้านไปเยี่ยมเยียนกัน ตั้งอยู่บนเกาะปีนัง ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยปลายรัชกาลที่ 3 โดยมีหัวแรงสำคัญอย่าง “หลวงพ่อท่านกรวด” ซึ่งปัจจุบันมีรูปหล่อองค์ท่านตั้งอยู่ด้านหน้าพระอุโบสถ ความสวยงามของวัดแห่งนี้เริ่มจากพระนอนขนาดยาวสุดของประเทศมาเลเซียถึง 108 ฟุต หรือประมาณ 33 เมตร ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชได้พระราชทานนามไว้ว่า “พระพุทธชัยมังคลาราม”
ใครอยากแวะเวียนไปกราบไหว้ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลรับรองไม่ผิดหวังกับวัดแห่งนี้แน่ รวมถึงยังมีความงดงามของประติมากรรมสวย ๆ ตามแบบฉบับไทยทั้งพญานาค 7 เศียร กินนร มังกร และยักษ์เฝ้าประตู การเดินทางสามารถนั่งรถบัสสาย 304 จากย่านจอร์จทาวน์ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็ถึงที่หมายแล้ว
สรุป
สำหรับสายมูที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศไปลองเที่ยวมาเลเซียดูบ้างแนะนำให้ไปตามคำแนะนำทริปสายมูตามสถานที่เหล่านี้กันได้เลย ไม่ว่าจะเป็นในเมืองหลวงอย่างกรุงกัวลาลัมเปอร์หรือเกาะปีนังก็มีความสวยงาม และยังศักดิ์สิทธิ์ในแบบฉบับของตนเองอีกด้วย เหนือสิ่งอื่นใดทุกครั้งเมื่อต้องไปเมืองนอกแม้จะเป็นทริปสายมูประเทศเพื่อนบ้านก็ตาม การซื้อ “ประกันเดินทางต่างประเทศ” ไว้ย่อมช่วยให้อุ่นใจได้มากกว่าหากเกิดเรื่องไม่คาดฝัน “ประกันเดินทางสำหรับมาเลเซีย” จึงเป็นอีกทางเลือกน่าสนใจ กับราคาเริ่มต้นเพียง 199 บาท แต่ให้ความคุ้มครองสูงสุดถึง 5 ล้านบาท สมัครง่ายผ่านออนไลน์ คุ้มครองโควิด-19 พร้อมบริการประสานงานเคลื่อนย้ายผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน สายด่วนตลอด 24 ชม. สายมูมาเลเซียซื้อกันได้เลย