เที่ยวอังกฤษครั้งนี้ วิธีการชำระต่างๆมีแบบไหน

ในปัจจุบันคนส่วนใหญ่มักจะเลือกท่องเที่ยว หางานหรือเลือกศึกษาต่อในต่างประเทศกันมากขึ้น ซึ่งประเทศในโซนยุโรปหลาย ๆ ประเทศก็ถือเป็นโซนที่ได้รับความสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวจากคนทั่วทั้งโลก เนื่องจากมีผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประเทศไทยซึ่งถึงแม้ว่าจะมีค่าครองชีพที่สูงก็ตามแต่สุทธิแล้วก็ยังคงได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าประเทศไทยอยู่ดี โดยสกุลเงินของประเทศอังกฤษที่ใช้นั้นเป็นปอนด์ซึ่งถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการเลือกเดินทางไปเที่ยว ไปทำงานหรือศึกษาต่อซึ่งตั้งแต่เกิดวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 หลาย ๆ ประเทศก็ประสบกับปัญหาเศรษฐกิจครั้งใหญ่และเริ่มก้าวเข้าสู่ยุคของสังคมไร้เงินสดนับแต่นั้นเป็นต้นมา อีกทั้งเป็นยุคของสังคมเด็กรุ่นใหม่ Gen Z ซึ่งทำให้มีการชำระค่าใช้จ่ายผ่านทางสมาร์ทโฟนหรือช่องทางออนไลน์มากยิ่งขึ้น ในปัจจุบันประเทศต่าง ๆ ในโซนยุโรปนั้นแทบจะไม่ได้ใช้เงินสดในการชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ กันแล้วด้วยซ้ำ เช่นเดียวกันกับประเทศอังกฤษที่ถือว่าเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วก็เป็นสังคมไร้เงินสดเช่นเดียวกัน จากสถิติ 89% ของคนอังกฤษเลือกซื้อสินค้าและบริการผ่านทางออนไลน์อย่างน้อยเดือนละครั้งและ 43% เลือกซื้อสินค้าและบริการผ่านทางออนไลน์อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ซึ่งจะเห็นว่าการซื้อขายสินค้าและบริการผ่านทางออนไลน์นั้นถือเป็นช่องทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักในปัจจุบันของประเทศอังกฤษเลยทีเดียว โดยวิธีการชำระเงินทางออนไลน์ที่ได้รับความนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศอังกฤษนั้น ได้แก่

บัตรเดบิตและบัตรเครดิต

บัตรเดบิตและบัตรเครดิตถือเป็นวิธีการชำระเงินที่คนส่วนใหญ่ในอังกฤษเลือกใช้ในการชำระเงินผ่านทางออนไลน์ ซึ่งคิดเป็น 75% ของรูปแบบการชำระเงินทั้งหมดเลยทีเดียว ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วผู้ซื้อมักจะถือบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิต 2 – 3 ใบต่อคนเลยทีเดียวเพื่อให้มีสภาพคล่องทางการเงินมากยิ่งขึ้น ซึ่งบัตรส่วนใหญ่ที่คนที่นี่เลือกใช้มักจะเป็นบัตรเดบิต Visa ซึ่งก็ถือเป็นเครือข่ายของบัตรเดบิตที่ใหญ่ที่สุดในโลกและ Mastercard ซึ่งก็ถือเป็นเครือข่ายของบัตรเครดิตที่ใหญ่ที่สุดในโลกเช่นเดียวกัน

โดยทั่วไป ประเทศอังกฤษจะนิยมรับ Mastercard มากกว่า Visa เลยอยากแนะนำให้มีบัตรแบบ Mastercard ติดตัวไว้บ้าง หากบางสถานที่ไม่อยากรับ หรือมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมในการใช้บัตร Visa นอกจากนั้นแล้ว บัตรเครดิตที่เป็นแบบ Contactless สามารถใช้จ่ายในการเดินทางด้วยรถเมล์หรือรถใต้ดินที่กรุงลอนดอนได้เลย โดยไม่ต้องมีบัตรโดยสารแยก

 

Mobile Payment

ประเทศอังกฤษเป็นหนึ่งประเทศที่นิยมการชำระเงินแบบ Mobile Payment อย่างมาก เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่มีบัตร หรือบัญชีธนาคารที่อังกฤษ โดย PayZone ได้นำเสนอช่องทางในการชำระเงินที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน นั่นก็คือการเลือกจ่ายผ่าน Apple Pay สำหรับคนที่ใช้งานในระบบ ios และ Google Pay สำหรับคนที่ไม่ได้ใช้งานใช้งานในระบบ ios แต่มีบัญชีกับทาง Google อยู่แล้ว การชำระเงินด้วยวิธีนี้ จะเป็น Contactless Payment ที่กำลังเป็นนิยมทั่วโลก เนื่องจากความสะดวกสบายและคล่องตัวในการใช้จ่าย

 

จ่ายเงินออนไลน์

เงินสด

ในปี 2020 ที่ผ่านมานี้จากการสำรวจพบว่ามีผู้คนเพียง 17% เท่านั้นที่ยังคงใข้จ่ายสินค้าและบริการด้วยเงินสดและมีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างต่อเนื่องในอนาคตอีกด้วย

Oyster Card

หากเราต้องการเดินทางไปเที่ยวหรือไปศึกษาต่อในประเทศอังกฤษนั้นจะเห็นว่า เงินสด นั้นไม่ได้จำเป็นมากเท่าที่ผ่านมา ไม่ต้องคอยกังวลว่าเราจะต้องแลกเงินที่ธนาคารไหนถึงจะคุ้มค่าหรือจะต้องแลกเงินไปเท่าไหร่ถึงจะเพียงพออีกด้วย เพราะที่นี่เขาพัฒนาและปรับเปลี่ยนมาเป็นประเทศแบบไร้การสัมผัสกันแล้ว นอกจากนั้นที่นี่ยังได้ออกนโยบายมากระตุ้นให้มาเที่ยวกันแบบครอบครัวอีกด้วย โดยนโยบายที่ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจที่ว่านั้นคือ สำหรับครอบครัวไหนที่พาเด็กที่มีอายุไม่เกิน 5 ขวบมาเที่ยวด้วย เด็กจะสามารถเดินทางได้โดยไม่มีค่าใข้จ่ายใด ๆ ทุกเส้นทางในประเทศ แต่ถ้าหากเด็กมีอายุอยู่ในช่วง 5 – 11 ปียังคงเดินทางได้โดยไม่มีค่าใข้จ่ายใด ๆ ในเส้นทางของรถโดยสารประจำทาง รถราง รถไฟใต้ดิน รถไฟ DLR รถไฟ Elizabeth line และรถไฟ National ในบางสายแต่จะต้องเดินทางร่วมกับผู้ใหญ่และสามารถใช้สิทธิผู้ใหญ่ 1 คนต่อเด็กสูงสุดได้ถึง 4 คนแต่หากเด็กมีอายุมากกว่า 11 ปีขึ้นไปก็สามารถติดต่อขอรับส่วนลดในการเดินทางได้ถึง 50% เลยทีเดียว

ช้อปปิ้งที่ลอนดอน

นอกจากการใช้จ่ายในส่วนของสินค้าและบริการแล้วนั้น ในเรื่องของการเดินทางก็ถือเป็นค่าใข้จ่ายส่วนใหญ่ในชีวิตประจำวันเราที่อยู่ที่นู่นด้วยเช่นกัน โดยสามารถจ่ายผ่านบัตรเครดิตได้ด้วยเช่นเดียวกัน โดยบัตรที่ได้รับความนิยมในประเทศอังกฤษที่คนส่วนใหญ่ต่างเลือกใช้ในการเดินทางนั่นก็คือบัตร Oyster card และ Visitor Oyster card ซึ่งเป็นบัตรสมาร์ทการ์ดที่คุณสามารถทำการชำระได้ง่าย ประหยัดเวลาและมีความยืดหยุ่นเป็นอย่างมาก แต่อาจมีค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมได้หากบัตรนั้น ๆ ไม่ใช่ของประเทศอังกฤษ แต่การที่จะได้ถือบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตของที่นี่นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย จะต้องได้รับวีซ่าเล่มที่มากกว่า 6 เดือนเสียก่อนซึ่งในการไปเที่ยวหรือศึกษาต่อในระยะสั้นไม่เกิน 6 เดือนนั้นอาจจะยังไม่ได้บัตรในรูปแบบนี้ ในเรื่องของความยืดหยุ่นของบัตรใบนี้นั้นเห็นได้จาก Pay as you go (จ่ายตามที่เกิดขึ้นจริง) ซึ่งถือเป็นวิธีที่ง่ายและนิยมใช้กันมากที่สุดในการเลือกชำระค่าเดินทางในกรุงลอนดอนไม่ว่าจะเป็นการเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะหรือรถไฟฟ้า เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าการไปซื้อตั๋วรายเที่ยวที่เครื่องจำหน่ายตั๋วตามสถานีต่างๆ ไร้การสัมผัสและสามารถทำธุรกรรมผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล (mobile payments) ได้อีกด้วย นอกจากนั้นในบัตรยังมีสิทธิพิเศษอีกอย่างก็คือ มีการกำหนดขั้นสูงของค่าใช้จ่ายในการเดินทางไว้ในแต่ละวัน หากเราใช้เกินกว่านั้นต่อวันก็จะไม่มีการคิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมซึ่งถือว่าคุ้มค่าเป็นอย่างมาก และสำหรับนักท่องเที่ยวก็สามารถเลือกใช้บัตรเครดิต Visitor Oyster card ได้ โดยสามารถใช้ชำระค่าเดินทางสำหรับไปและกลับสนามบินได้อีกด้วย โดยสามารถเลือกใช้การเดินทางผ่าน รถไฟใต้ดิน, รถไฟ Elizabeth line, Heathrow Express และ Gatwick Express ซึ่งสามารถเลือกซื้อบัตรสมาร์ทการ์ดนี้ได้ตาม ช็อป TfL Visitor และ ช็อป VisitBritain ทั่วไป

โดยนอกจากบัตรสมาร์ทการ์ดอย่าง Oyster card และ Visitor Oyster card แล้วยังมี Travelcards ซึ่งจะเป็นการซื้อในราคาเหมาจ่ายในการโดยสารรถโดยสารประจำทาง รถไฟใต้ดิน รถไฟ DLR รถราง รถไฟ Elizabeth line และรถไฟ National แต่ Travelcards นี้ไม่ได้มีบัตรขายแยกเฉพาะแต่อย่างใดเป็นเพียงการซื้อเพิ่มเติมลงในบัตร Oyster card และ Visitor Oyster card เท่านั้นซึ่งก็ถือว่าคุ้มค่าเป็นอย่างมากสำหรับการเดินทางในอังกฤษ

บัตรเครติดใช้ต่างประเทศ

สำหรับใครที่ต้องการเดินทางไกลไปถึงประเทศอังกฤษหรือประเทศอื่น ๆ ในโซนยุโรป ไม่ว่าจะเป็นการไปเที่ยวระยะสั้นหรือศึกษาต่อระยะกลางถึงระยะยาวนั้น นอกจากจะต้องวางแผนการท่องเที่ยวในแต่ละวัน ศึกษาและหาข้อมูลในเรื่องของการเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ และช่องทางในการใช้จ่ายแล้วยังต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างการเดินทางด้วยเพราะถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดเลยทีเดียว เพราะหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดอาจทำให้การเดินทางไกลของเรานั้นไม่สะดวกหรือปลอดภัยได้ แล้วยังอาจทำให้สูญเสียทรัพย์สินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อีกด้วย อาทิเช่น การล่าช้าในเรื่องของเวลาขึ้น – ลงของเครื่องบิน ความเสียหายหรือสูญหายของทรัพย์สิน การเกิดอุบัติเหตุระหว่างการเดินทางหรือการเจ็บไข้ได้ป่วยระหว่างนั้น สำหรับใครที่ต้องการเดินทางไปยังประเทศต่าง ๆ ในยุโรป ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีประกันเดินทางต่างประเทศ เพราะนอกจากจะช่วยให้เรารู้สึกอุ่นใจระหว่างการเดินทางแล้วยังช่วยให้การทำวีซ่าในการเดินทางนั้นผ่านได้ง่ายยิ่งขึ้นอีกด้วย เนื่องจากในบางครั้งทางการก็มีการขอเอกสารประกันการเดินทางเพื่อประกอบกับการพิจารณายื่นขอวีซ่าอีกด้วย โดย LUMA ก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้อย่างสะดวก มีเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษาและข้อมูลต่าง ๆ ให้ความคุ้มครองที่หลากหลายและครอบคลุมในหลาย ๆ สถานการณ์ เริ่มต้นตั้งแต่ 30,000 EUR หรือราว ๆ 1,500,000 บาทเลยทีเดียวและที่สำคัญมีราคาที่สามารถจับต้องได้อีกด้วย

Last update: 

Table of Contents