ในการเดินทางด้วยเครื่องบินนอกจากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ซึ่งต้องทำการโหลดเก็บไว้ใต้ท้องเครื่องแล้ว กระเป๋าขึ้นเครื่อง หรือ Carry-on Baggage คือ กระเป๋าสัมภาระที่ผู้โดยสารสามารถพกติดตัวขึ้นไปบนเครื่องบินได้ก็เป็นอีกสิ่งที่ต้องได้รับการตรวจอย่างเข้มงวดพร้อมปฏิบัติตามข้อกำหนดของสายการบินต่าง ๆ เพื่อความเรียบร้อยปลอดภัย ซึ่งปกติแล้วข้อกำหนดด้านน้ำหนักจะไม่เกิน 7 กิโลกรัม ส่วนขนาดจะอยู่ประมาณ 22 x 14 x 9 นิ้ว หรือประมาณ 56 x 36 x 23 เซนติเมตร อย่างไรก็ตามการเช็กข้อมูลแต่ละสายการบินให้รอบคอบย่อมช่วยให้การเตรียมพร้อมเป็นเรื่องง่ายกว่าเดิม
ข้อกำหนดสำหรับกระเป๋าขึ้นเครื่องไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้าน
ใครวางแผนเดินทางไปยังประเทศเพื่อนบ้านใกล้เมืองไทยอย่างกลุ่มประเทศอาเซียน ก็มีข้อกำหนดเกี่ยวกับกระเป๋าขึ้นเครื่องของสายการบินยอดฮิตมาฝากกันด้วย
1. ข้อกำหนด สำหรับ Air Asia
อนุญาตให้นำกระเป๋าสัมภาระพกติดตัวขึ้นไปได้ 2 ใบ โดยน้ำหนักรวมกันต้องไม่เกิน 7 กิโลกรัม ขนาดใบที่ 1 ไม่เกิน 56 x 36 x 23 เซนติเมตร สามารถเก็บภายในชั้นเก็บสัมภาระเหนือศีรษะได้ ใบที่ 2 เป็นกระเป๋าใส่โน้ตบุ๊ก แล็ปท็อป หรือกระเป๋าถือขนาดเล็ก ขนาดไม่เกิน 40 x 30 x 10 เซนติเมตร สามารถจัดเก็บใต้เบาะที่นั่งได้ด้านหน้าได้ ทั้งนี้สิ่งของที่มีการรัดห่อรวมเป็นมัดเดียวกันไม่ถือเป็น Carry-on Baggage 1 ใบ
2. ข้อกำหนด สำหรับ Nok Air
อนุญาตให้นำกระเป๋าสัมภาระพกติดตัวขึ้นไปได้ 1 ใบ น้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม มีขนาดไม่เกิน 56 x 36 x 23 เซนติเมตร และต้องสามารถใส่ใต้เบาะที่นั่งของผู้โดยสารด้านหน้าได้ หรือพอดีกับช่องเก็บสัมภาระด้านเหนือศีรษะ
3. ข้อกำหนด สำหรับ Bangkok Airways
อนุญาตให้นำกระเป๋าสัมภาระพกติดตัวขึ้นไปได้ 1 ใบ น้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม ยกเว้นเส้นทางไป-กลับ หลวงพระบาง น้ำหนักรับได้สูงสุดไม่เกิน 5 กิโลกรัม ขนาดกระเป๋าทุกเส้นทางของเครื่อง Airbus 319 และ Airbus 320 ไม่เกิน 56 x 36 x 23 เซนติเมตร ส่วนเครื่อง ATR72 ไม่เกิน 50 x 36 x 23 เซนติเมตร
4. ข้อกำหนด สำหรับ Vietjet Air
อนุญาตให้นำกระเป๋าสัมภาระพกติดตัวขึ้นไปได้ 2 ใบ โดยน้ำหนักรวมกันต้องไม่เกิน 7 กิโลกรัม ขนาดใบที่ 1 ไม่เกิน 56 x 36 x 23 เซนติเมตร สามารถเก็บภายในชั้นเก็บสัมภาระเหนือศีรษะได้ ขนาดใบที่ 2 เป็นกระเป๋าใส่โน้ตบุ๊ก แล็ปท็อป หรือกระเป๋าถือขนาดเล็ก สามารถจัดเก็บใต้เบาะที่นั่งได้ด้านหน้าได้
ข้อกำหนดสำหรับกระเป๋าขึ้นเครื่องไปเที่ยวยุโรป
สำหรับคนที่วางแผนเตรียมบินไปเที่ยวไกลถึงยุโรป ก็ต้องรู้ข้อกำหนดกระเป๋าขึ้นเครื่องของสายการบินหลัก ๆ ที่ให้บริการในเมืองไทย เพื่อการเตรียมความพร้อมอย่างดีที่สุด ซึ่งขอยกตัวอย่างสายการบินยอดนิยม ได้แก่
1. ข้อกำหนด สำหรับ Thai Airways
อนุญาตให้นำกระเป๋าสัมภาระพกติดตัวขึ้นไปได้ 1 ใบ น้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม มีขนาดไม่เกิน 56 x 45 x 25 เซนติเมตร ขนาดรวมล้อ มือจับ หรือส่วนที่ยื่นออกมาด้านข้างทั้งหมดแล้ว ส่วนกระเป๋าถือเล็ก กระเป๋าสตางค์ก็นำขึ้นพร้อมกันได้แต่ต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 1.5 กิโลกรัม ขนาดไม่เกิน 37.5 x 25 x 12.5 เซนติเมตร
2. ข้อกำหนด สำหรับ Eva Air
อนุญาตให้ผู้โดยสารชั้นประหยัดนำกระเป๋าสัมภาระพกติดตัวขึ้นไปได้ 1 ใบ โดยน้ำหนักต้องไม่เกิน 7 กิโลกรัม ขนาดไม่เกิน 56 x 36 x 23 เซนติเมตร หรือขนาดรวมไม่เกิน 115 เซนติเมตร ส่วนผู้โดยสารชั้นรอยัลลอเรล ชั้นพรีเมียมลอเรล และชั้นธุรกิจ สามารถนำขึ้นเครื่องได้ 2 ใบ แต่ละใบเป็นไปตามขนาดและน้ำหนักที่กำหนด
3. ข้อกำหนด สำหรับ Emirates
อนุญาตให้ผู้โดยสารชั้นประหยัดนำกระเป๋าสัมภาระพกติดตัวขึ้นไปได้ 1 ใบ โดยน้ำหนักต้องไม่เกิน 7 กิโลกรัม ขนาดไม่เกิน 55 x 38 x 22 เซนติเมตร ชั้นประหยัดพรีเมี่ยม มีสัมภาระติดตัวขึ้นไปได้ 1 ใบ น้ำหนักเกิน 10 กิโลกรัม ขนาดไม่เกิน 55 x 38 x 22 เซนติเมตร ส่วนชั้นธุรกิจและชั้นหนึ่ง มีสัมภาระติดตัวขึ้นไปได้ 2 ใบ ใบละไม่เกิน 7 กิโลกรัม แบ่งเป็นกระเป๋าถือขนาดไม่เกิน 55 x 38 x 22 เซนติเมตร กระเป๋าเอกสารขนาดไม่เกิน 45 x 35 x 20 เซนติเมตร หรือถ้าเป็นถุงเสื้อผ้าเมื่อพับแล้วความหนาไม่เกิน 20 เซนติเมตร
4. ข้อกำหนด สำหรับ Qatar Airways
อนุญาตให้ผู้โดยสารชั้นประหยัดนำกระเป๋าสัมภาระพกติดตัวขึ้นไปได้ 1 ใบ น้ำหนักต้องไม่เกิน 7 กิโลกรัม ขนาดไม่เกิน 50 x 37 x 25 เซนติเมตร ชั้นธุรกิจและชั้นหนึ่ง มีสัมภาระติดตัวขึ้นไปได้ 2 ใบ น้ำหนักรวมกันไม่เกิน 15 กิโลกรัม ขนาดแต่ละใบไม่เกิน 50 x 37 x 25 เซนติเมตร
5. ข้อกำหนด สำหรับ Etihad
อนุญาตให้ผู้โดยสารชั้นประหยัดนำกระเป๋าสัมภาระพกติดตัวขึ้นไปได้ 1 ใบ น้ำหนักต้องไม่เกิน 8 กิโลกรัม ขนาดไม่เกิน 55 x 40 x 23 เซนติเมตร ชั้นธุรกิจ ชั้นหนึ่ง และชั้นเดอะ เรสซิเดนท์ มีสัมภาระติดตัวขึ้นไปได้ 2 ใบ น้ำหนักรวมกันไม่เกิน 12 กิโลกรัม แต่ละใบมีขนาดไม่เกิน 56 x 36 x 23 เซนติเมตร และยังพกพาของใช้ส่วนตัว เช่น กระเป๋าแล็ปท็อปได้อีก 1 ใบ น้ำหนักไม่เกิน 5 กิโลกรัม ขนาดไม่เกิน 39 x 23 x 19 เซนติเมตร
6. ข้อกำหนด สำหรับ Lufthansa
อนุญาตให้ผู้โดยสารชั้นประหยัดและชั้นประหยัดพรีเมี่ยมนำกระเป๋าสัมภาระพกติดตัวขึ้นไปได้ 1 ใบ น้ำหนักต้องไม่เกิน 7 กิโลกรัม ขนาดไม่เกิน 56 x 36 x 23 เซนติเมตร ชั้นธุรกิจและชั้นหนึ่ง มีสัมภาระติดตัวขึ้นไปได้ 2 ใบ น้ำหนักแต่ละใบไม่เกิน 8 กิโลกรัม ขนาดไม่เกิน 56 x 36 x 23 เซนติเมตร หากเป็นถุงเก็บเสื้อผ้าเมื่อพับแล้วขนาดไม่เกิน 57 x 54 x 15 เซนติเมตร
ข้อกำหนดสำหรับกระเป๋าขึ้นเครื่องไปเที่ยวเอเชีย
หลาย ๆ คนที่ชอบการไปเที่ยวในทวีปเอเชียนอกเหนือจากกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน เช่น จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ก็ควรรู้ข้อกำหนดสำหรับกระเป๋าขึ้นเครื่องของสายการบินหลัก ๆ ที่ให้บริการด้วยเช่นกัน
1. ข้อกำหนด สำหรับ Japan Airlines
อนุญาตให้นำกระเป๋าสัมภาระพกติดตัวขึ้นไปได้ 2 ใบ ใบหนึ่งอาจเป็นกระเป๋าถือ ถุงเสื้อผ้า อีกใบเป็นกระเป๋า น้ำหนักรวมกันไม่เกิน 10 กิโลกรัม มีขนาดไม่เกิน 55 x 40 x 25 เซนติเมตร หรือขนาดรวมทั้งหมดไม่เกิน 155 เซนติเมตร
2. ข้อกำหนด สำหรับ Korean Air
อนุญาตให้นำกระเป๋าสัมภาระพกติดตัวขึ้นไปได้ 2 ใบ ใบหนึ่งอาจเป็นกระเป๋าถือ ถุงเสื้อผ้า อีกใบเป็นกระเป๋า น้ำหนักรวมกันไม่เกิน 10 กิโลกรัม มีขนาดไม่เกิน 55 x 40 x 20 เซนติเมตร หรือขนาดรวมทั้งหมดไม่เกิน 115 เซนติเมตร
3. ข้อกำหนด สำหรับ Hong Kong Airlines
อนุญาตให้ผู้โดยสารชั้นประหยัดนำกระเป๋าสัมภาระพกติดตัวขึ้นไปได้ 1 ใบ น้ำหนักต้องไม่เกิน 7 กิโลกรัม ขนาดไม่เกิน 56 x 36 x 23 เซนติเมตร ชั้นธุรกิจ มีสัมภาระติดตัวขึ้นไปได้ 2 ใบ น้ำหนักแต่ละใบไม่เกิน 7 กิโลกรัม ขนาดไม่เกิน 56 x 36 x 23 เซนติเมตร
4. ข้อกำหนด สำหรับ Scoot
อนุญาตให้ผู้โดยสารนำกระเป๋าสัมภาระพกติดตัวขึ้นไปได้ 2 ใบ ขนาดใบที่ 1 ไม่เกิน 54 x 38 x 23 เซนติเมตร ขนาดใบที่ 2 ไม่เกิน 40 x 30 x 10 เซนติเมตร ขนาดโดยรวมทั้งหมดไม่เกิน 115 เซนติเมตร ซึ่งชั้นประหยัดมีน้ำหนักรวมไม่เกิน 10 กิโลกรัม ส่วนชั้นสกู๊ตพลัส น้ำหนักรวมไม่เกิน 15 กิโลกรัม
5. ข้อกำหนด สำหรับ Jet Star Asia
อนุญาตให้ผู้โดยสารชั้นประหยัดนำกระเป๋าสัมภาระพกติดตัวขึ้นไปได้ 2 ใบ ใบหนึ่งอาจเป็นกระเป๋าถือ ถุงเสื้อผ้า อีกใบเป็นกระเป๋า น้ำหนักรวมกันไม่เกิน 7 กิโลกรัม มีขนาดไม่เกิน 56 x 36 x 23 เซนติเมตร หรือขนาดรวมทั้งหมดไม่เกิน 115 เซนติเมตร ส่วนชั้นธุรกิจ น้ำหนักรวมไม่เกิน 14 กิโลกรัม
6. ข้อกำหนด สำหรับ Singapore Airlines
อนุญาตให้ผู้โดยสารชั้นประหยัดและชั้นประหยัดพิเศษนำกระเป๋าสัมภาระพกติดตัวขึ้นไปได้ 1 ใบ น้ำหนักต้องไม่เกิน 7 กิโลกรัม ขนาดรวมไม่เกิน 115 เซนติเมตร ชั้นธุรกิจ ชั้นหนึ่ง และชั้นสวีท มีสัมภาระติดตัวขึ้นไปได้ 2 ใบ น้ำหนักแต่ละใบไม่เกิน 7 กิโลกรัม ขนาดรวมไม่เกิน 115 เซนติเมตร
สิ่งของที่ห้ามมีในกระเป๋าขึ้นเครื่องบิน
ในการเดินทางด้วยเครื่องบินจะมีกฎเกี่ยวกับการห้ามนำสิ่งของบางประเภทใส่กระเป๋าขึ้นเครื่อง เพื่อป้องกันการเกิดเหตุอันตรายแบบไม่คาดฝัน หรือเป็นการรบกวนผู้โดยสารคนอื่น ซึ่งตัวอย่างสิ่งของต้องห้าม เช่น ของเหลวทุกชนิดที่ความจุเกิน 100 มล. หรือรวมกันแล้วเกิน 1 ลิตร ของมีคมทุกชนิด อาทิ มีดพับ มีดโกน กรรไกร แบตเตอรี่สำรองความจุเกิน 32,000 mAh อาหารที่มีกลิ่นรุนแรง อาทิ ทุเรียน ปลาร้า ของแช่แข็ง วัตถุไวไฟหรืออาจก่อให้เกิดประกายไฟ เช่น ไฟแช็ค ไม้ขีดไฟ เป็นต้น (สามารถอ่านข้อมูลเต็มได้ที่นี่เลย)
ประกันเดินทางให้ความคุ้มครองกระเป๋าเดินทางอย่างไรบ้าง?
ในการซื้อประกันเดินทางต่างประเทศเมื่อต้องไปยังสถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศและโดยสารด้วยเครื่องบิน กรณีเกิดเหตุไม่คาดฝัน ได้แก่ กระเป๋าเดินทางล่าช้า เนื่องจากมีการส่งไปผิดไฟล์ท ผิดสนามบิน กระเป๋าเดินทางสูญหายระหว่างโดยสารเครื่องบิน และกระเป๋าเดินทางเสียหาย แตกหัก ร้าว ระหว่างโดยสารเครื่องบิน ประกันเดินทางจะให้ความคุ้มครองตามเงื่อนไขที่กำหนดเอาไว้ขึ้นอยู่กับกรมธรรม์ที่ซื้อ ซึ่งบางแผนอาจคุ้มครองเฉพาะสัมภาระที่โหลดใต้ท้องเครื่องเท่านั้น อย่าลืมเช็กอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อ
สรุป
สายการบินแต่ละแห่งก็มีข้อกำหนดเกี่ยวกับกระเป๋าขึ้นเครื่อง หรือ Carry-on Baggage แตกต่างกันออกไป ในฐานะของผู้โดยสารจำเป็นต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวอย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัยของทั้งตนเองและผู้โดยสารคนอื่น ๆ กรณีฝ่าฝืนหรือไม่ทำตามอาจส่งผลให้ไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางด้วยสายการบินนั้น ๆ ได้เลย ที่สำคัญแนะนำให้ซื้อประกันเดินทางติดตัวไว้เสมอโดยเฉพาะการไปต่างประเทศ หากเกิดเหตุไม่คาดฝันทั้งกับตนเองหรือสัมภาระอย่างน้อยก็ได้รับความคุ้มครองด้านการเงิน