แนะนำกิจกรรมสำหรับเด็ก ออกกำลังกายสร้างสุขภาพที่ดีให้ลูก

หนึ่งในวิธีสร้างสุขภาพที่ดีให้กับเด็กทุกคนนั่นคือการที่พวกเขาได้ทำกิจกรรมเคลื่อนไหวร่างกาย จะเรียกเป็นการเล่นหรือออกกำลังกายก็ไม่มีปัญหา ขอแค่อย่างน้อยในแต่ละวัน หรือสัปดาห์ละ 4-5 วัน เด็ก ๆ ได้ขยับร่างกายของตนเองเพื่อให้หัวใจได้สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงแบบครบทุกส่วนพร้อมเติบโตอย่างแข็งแรง จึงอยากแนะนำกิจกรรมสำหรับเด็กทุกคนที่พ่อแม่ ผู้ปกครอง รวมถึงคุณครูในโรงเรียน สามารถนำไปปรับใช้กันได้ตามความเหมาะสมเลย

ลูกไม่ค่อยมีกิจกรรม ทำไงดี ?

ปัญหาหนักใจของพ่อแม่ยุคใหม่จำนวนมากคงหนีไม่พ้นลูก ไม่ว่าเป็นเรื่องไม่ค่อยมีกิจกรรมทำ ไม่ชอบออกกำลังกาย ไม่อยากทำกิจกรรมที่ต้องมีเหงื่อ หรือเคลื่อนไหวเยอะ ซึ่งสาเหตุอาจจะมาจากการติดมือถือ ติดแท็บเล็ต นอนดูการ์ตูน เล่นเกมเพลินทั้งวันจนไม่ค่อยมีการขยับตัว รู้สึกว่าการออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านมันเหนื่อย ลองมาเปลี่ยนพฤติกรรมลูกตามคำแนะนำเหล่านี้กันเลย

กิจกรรมสำหรับเด็ก

พ่อแม่มีส่วนร่วมในการชวนไปทำกิจกรรม

การเล่นกีฬาเป็นพื้นฐานดี ๆ ในการทำให้ร่างกายเกิดความแข็งแรง ซึ่งพ่อแม่สามารถชวนลูกออกไปทำกิจกรรมเสริมพัฒนาการนี้ได้ รวมถึงคุณครูที่โรงเรียนในวิชาพลศึกษาก็เป็นอีกรายวิชาที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน เหมาะกับเด็กทุกเพศทุกวัยขึ้นอยู่กับศักยภาพและความเหมาะสม หากเป็นเด็กเล็กอายุ 3-6 ปี อาจเล่นกีฬาง่าย ๆ เช่น วิ่งไล่จับ วิ่งเปี้ยว หรือฝึกพื้นฐานกีฬาทั่วไปอย่างฟุตบอล เทควันโด ว่ายน้ำ เมื่อเด็กเริ่มโตตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป ก็ค่อยให้เขาเลือกในสิ่งที่ชอบ จะเล่นจริงจังจนสามารถทำเป็นอาชีพในอนาคต หรือเล่นสนุก ๆ ก็ได้สุขภาพที่ดี เสริมพัฒนาการด้านร่างกายหลายส่วนขึ้นอยู่กับชนิดกีฬาที่เล่นเลย เช่น บาสเกตบอล จะช่วยให้ข้อต่อและกระดูกยืดตัว สามารถเพิ่มความสูงได้ ว่ายน้ำช่วยให้ปอดและหัวใจแข็งแรง เป็นต้น

พาลูกเข้าคอร์สเล่นกีฬา

วิธีต่อมาลองพาลูกไปเข้าคอร์สการเล่นกีฬาประเภทต่าง ๆ หรืออาจถามกับเด็กโดยตรงว่าชอบกีฬาไหนเป็นพิเศษ เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล ยิมนาสติก ว่ายน้ำ นอกจากการได้ทำกิจกรรมอย่างน้อยทุกสัปดาห์กับครูผู้สอนแล้ว หากเด็กชอบมาก ๆ ก็อาจขอพ่อแม่เล่นกีฬานั้นด้วยตนเองที่บ้าน หรือเพื่อนแถวบ้าน ได้ออกกำลังกายแทบทุกวันโดยไม่ต้องมีการบังคับ

ทำให้การออกกำลังกายหรือการเล่นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

พ่อแม่สามารถสอดแทรกการออกกำลังให้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของลูกได้ง่าย ๆ เช่น การชวนออกไปเดินเล่นในห้างแล้วให้ลูกได้เล่นของเล่นต่าง ๆ เล่นบ้านบอล เล่นบทบาทสมมุติเรื่องอาชีพ ฯลฯ ทุกวันนี้มีสถานที่ดังกล่าวให้เด็กเยอะมาก

ปล่อยให้เด็กได้วิ่งเล่นกับเพื่อนที่โรงเรียนก่อนกลับบ้าน

วิธีง่ายสุด ๆ หากต้องการให้ลูกได้ขยับร่างกายบ้างหากรู้ว่าบ้านไม่ได้มีพื้นที่มากพอ หรือพ่อแม่ไม่ได้สะดวกทำกิจกรรมกับลูก ยังไม่จำเป็นต้องรีบรับลูกกลับบ้านแล้วปล่อยให้เขาได้วิ่งเล่นกับเพื่อนหลังเลิกเรียนบ้าง แต่ถ้าเด็กคนไหนไม่ชอบหรือไม่ได้ทำก็อาจขอร้องคุณครูให้ช่วยผลักดันสักนิดดีกว่าการนั่งเฉย ๆ รอพ่อแม่มารับ

ทำให้การออกกำลังกายเป็นเรื่องสนุก

เทคนิคสุดท้ายลองทำให้การออกกำลังกายเป็นเรื่องสนุกจนเด็กรู้สึกชอบและอยากทำเป็นประจำ เช่น การเต้นประกอบเพลง การเล่นเกมประเภทเคลื่อนไหวร่างกาย การเล่นเกมสมัยเก่า เช่น มอญซ่อนผ้า แปะแข็ง วิ่งไล่จับ การชวนลูกออกไปเล่นกีฬาที่พ่อแม่เล่นกับเขาได้อย่างพวกแบดมินตัน ปั่นจักรยาน 

กิจกรรมสำหรับเด็ก

5 กิจกรรมสำหรับเด็กทั้งสนุก และ ออกกำลังกายไปในตัว

เมื่อรู้วิธีชวนลูกไปขยับร่างกายกันแล้ว หากพ่อแม่คนไหนยังไม่รู้ว่าจะทำกิจกรรมอะไรกับลูกดี จะขอแนะนำให้รู้จักกับ 5 กิจกรรมสำหรับเด็ก การันตีความสนุก บอกลาปัญหาเด็กติดมือถือแล้วไปเคลื่อนไหวเสมือนได้ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีกันเลย

1. เกมวิ่งไล่จับ / เกมแปะแข็ง

สุดยอดเกมคลาสสิกตลอดกาลไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคสมัยก็ยังสามารถใช้เป็นกิจกรรมสำหรับเด็ก ๆ ได้ตลอด อุปกรณ์ที่ใช้ไม่จำเป็นต้องมีอะไรเลย ขอแค่มีเพื่อน ๆ ร่วมเล่นด้วยประมาณ 3-4 คนขึ้นไป พร้อมพื้นที่ลานกว้าง ไม่มีรถวิ่งผ่าน ไม่เป็นหลุมบ่อหรือพื้นที่ทำให้เกิดอันตราย จากนั้นก็ให้เด็ก ๆ โอน้อยออก ใครแตกต่างจากเพื่อนจะต้องเป็นคนวิ่งไล่จับ หากจับใครได้อีกคนก็ต้องมาเป็นแทน หรือถ้าเล่นเกมแปะแข็ง หากคนที่ไล่แปะคนอื่นได้คนอื่นก็ต้องตัวแข็งจนกว่าจะมีเพื่อนมาแปะช่วย หากเด็กฝ่ายที่ไล่จับแปะทุกคนจนแข็งถือเป็นผู้ชนะและคนโดนแปะคนแรกต้องสลับฝั่งมาเป็นผู้ไล่แทน รับรองเล่นเกมนี้เด็กได้วิ่งกันจนเหนื่อยแน่ ๆ

2. เกมไฟเขียวไฟแดง

กิจกรรมสำหรับเด็กต่อมาที่อยากแนะนำเป็นเกมเล่นง่าย ๆ อีกเช่นเคย คุณครูสามารถนำไปใช้กับเด็กนักเรียนได้ หรือพ่อแม่อยากเล่นกับลูกก็ไม่มีปัญหา อุปกรณ์ที่ใช้จะใช้ห่วงหรือป้ายก็ได้โดยแบ่งเป็นสีแดงและสีเขียว อย่างน้อยควรมีผู้เล่น 4-5 คน ขึ้นไป เมื่อเริ่มเกมพ่อแม่ยกห่วงสีเขียวหมายถึงให้เคลื่อนที่ได้ เด็ก ๆ ก็วิ่งไปมาอย่างสนุกสนานในห้องผ่านไปสักพักให้เปลี่ยนเป็นหยุดห่วงสีแดง หมายถึงสัญญาณให้เด็ก ๆ หยุดนิ่งอยู่กับที่ ใครขยับก่อนต้องออกจากเกม ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนได้ผู้ชนะคนสุดท้ายแล้วอาจมอบรางวัลให้ในแต่ละรอบ นอกจากได้ออกกำลังกายยังฝึกสมาธิ ฝึกการเรียนรู้แยกสีจราจรด้วย รับรองเด็กทุกคนอยากเล่นแน่นอน

3. เกมบอลลูนโป้ง

อีกกิจกรรมสำหรับเด็กสุดคลาสสิกที่ยุคพ่อแม่ก็เคยเล่นกันมาก่อน ลองให้ลูกชวนเพื่อน ๆ หรือคุณครูให้เด็กเล่นกันก็ได้ สิ่งที่ต้องมีคือชอล์กวาดกรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้าแล้วขีดเส้นเป็นพื้นที่ประมาณ 3-4 เส้น หรือตามจำนวนเด็กที่แบ่งข้างกัน (รวมเส้นกรอบ) จากนั้นเด็กแบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายแบบเท่ากัน ฝ่ายป้องกันต้องไปยืนบนเส้นตำแหน่งของตนเอง 1 เส้น ต่อ 1 คน ส่วนฝ่ายรุกต้องเริ่มจากการยืนในช่องกรอบแรก วิธีคือฝ่ายรุกต้องหาวิธีผ่านฝ่ายป้องกันไปทีละเส้นจนถึงเส้นสุดท้ายแล้วพูดว่า บอลลูนโป้ง หากฝ่ายรุกโดนฝ่ายป้องกันแตะตัวก่อนต้องออกจากเกม รวมถึงฝ่ายรุกที่วิ่งเลยออกนอกเส้นข้างก็ถือว่าแพ้เช่นกัน หลังจบเกมก็สลับฝั่งกันเป็นฝ่ายรุกและป้องกัน

4. เกมกระต่ายขาเดียว

กิจกรรมสุดคลาสสิกที่รับรองว่าได้ทั้งความสนุกและออกกำลังกายในเวลาเดียวกันอย่างแน่นอน หลักการก็ไม่ซับซ้อนให้ใช้ชอล์กขีดเส้นเป็นวงกลมหรือสี่เหลี่ยมเพื่อกำหนดพื้นที่ จากนั้นเด็ก ๆ ก็โอน้อยออก ใครต่างจากเพื่อนจะต้องเป็นกระต่ายโดยการยืนขาวเดียวแล้วกระโดดไปไล่แปะคนอื่น ๆ ส่วนเด็กที่ต้องหนีมีข้อแม้ว่าถ้าโดนกระตายแตะตัวหรือวิ่งหลุดออกจากนอกกรอบจะต้องเปลี่ยนมาเป็นกระต่ายทันที การละเล่นแบบง่าย ๆ แต่รับรองว่าลูกได้สนุกแบบจัดเต็ม พ่อแม่หรือคุณครูสามารถนำไปใช้ได้เลย แนะนำให้ชวนเด็กมาเล่นอย่างน้อย 4-5 คน 

5. เกมวิ่งเปี้ยว

กิจกรรมสำหรับเด็กอย่างสุดท้ายที่อยากแนะนำรับรองความสนุกและน่าตื่นเต้น อุปกรณ์ให้มีผ้าเช็ดหน้า 2 ผืน ผืนละสี จากนั้นใช้กรวยไปวางตั้งเป็นหลัก 2 ฝั่ง ห่างกันประมาณ 20-30 เมตร แบ่งเด็กออกเป็นฝ่ายเท่า ๆ กัน มีกรรมการ 1 คน ยืนถือผ้าอยู่ระหว่างกลางของกรวยทั้ง 2 ฝั่ง เด็กทุกคนยืนหลังกรวย เมื่อกรรมการให้สัญญาณเด็กคนแรกวิ่งมาหยิบผ้าตามแนวตรงแล้ววิ่งอ้อมกรวยอีกฝั่งเพื่อไล่ตีเพื่อนฝั่งตรงข้าม หากวิ่งมาถึงฝั่งตนเองก็ยื่นผ้าให้กับคนถัดไปวิ่งไล่ ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ หากฝ่ายไหนใช้ผ้าสัมผัสกับฝ่ายตรงข้ามได้ก่อนก็เป็นผู้ชนะไปเลย

กิจกรรมสำหรับเด็ก

บทสรุป

จริง ๆ แล้วกิจกรรมสำหรับเด็กเพื่อให้พวกเขาได้ออกกำลังกาย เคลื่อนไหวร่างกายมีเยอะมาก โดยเฉพาะการละเล่นในอดีตที่ยังคงได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน พ่อแม่อาจเริ่มต้นด้วยการชวนลูกพร้อมเด็ก ๆ วัยเดียวกันใกล้บ้านมาทำกิจกรรม หรือจะฝากให้คุณครูชวนเด็ก ๆ เล่นหลังเลิกเรียนระหว่างพ่อแม่กำลังไปรับกลับบ้านก็ได้เช่นกัน ส่วนวันไหนถ้าเพื่อนไม่ว่างก็ลองหากิจกรรมอื่นที่พ่อแม่สามารถทำร่วมกับลูกได้ เช่น การตีแบดมินตัน เตะบอล ปั่นจักรยาน นอกจากช่วยลดปัญหาเด็กติดมือถือ ยังทำให้พวกเขามีสุขภาพที่ดีอีกด้วย

10 ที่เที่ยวสำหรับเด็กในกรุงเทพ 2567 สายไหนก็โดนใจ ไม่มีเบื่อ

การได้พาเด็ก ๆ ออกไปท่องเที่ยวช่วงวันหยุดนอกจากเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีภายในครอบครัวแล้ว พวกเขายังได้เปิดประสบการณ์ใหม่ของชีวิตพร้อมทำกิจกรรมอย่างสนุกสนานอีกด้วย พ่อแม่คนไหนกำลังมองหาที่เที่ยวสำหรับเด็กในกรุงเทพ อัปเดตล่าสุด 2567 ไม่ต้องเหนื่อยเดินทางไกล คัดมาให้แบบเน้น ๆ ถึง 10 แห่ง แยกตามสไตล์ความชอบกันเลย 

ที่เที่ยวสำหรับเด็ก

ขอบคุณรูปภาพจาก Facebook – บ้านศิลปิน คลองบางหลวง Artist House Bangkok

ที่เที่ยวสำหรับเด็กสายอาร์ต

บ้านศิลปิน คลองบางหลวง

 

เริ่มต้นด้วยที่เที่ยวสำหรับเด็กสายอาร์ตที่จะได้เรียนรู้ความคลาสสิกของงานศิลปะตั้งแต่ยุคอดีตของไทย ที่นี่ได้รวมเอาของเก่าหายากซึ่งแม้แต่พ่อแม่บางคนยังอาจพึ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก บรรยากาศตั้งอยู่ริมน้ำสบาย ๆ มีคาเฟ่ให้นั่งเล่น ซื้องานแฮนด์เมดกลับไปเป็นที่ระลึกได้ รวมถึงเด็ก ๆ ยังสามารถทำกิจกรรมร้อยลูกปัดให้เป็นสร้อยหรือกำไลไว้สวมใส่ และการวาดรูประบายสี ซึ่งราคาเริ่มต้นแค่ 50 บาท ส่วนชั้น 2 มีจัดแสดงประวัติให้เดินชมอีกด้วย 

 

เปิดทำการ: วันธรรมดา 10.00-18.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เปิด 9.30 น. 

 

พิกัด: https://maps.app.goo.gl/7rVnibZKHUtJsyBEA 

พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานคร แห่งที่ 1 (จตุจักร) 

 

ลองพาลูก ๆ ไปสัมผัสกับประสบการณ์สุดน่าประทับใจเหมาะกับสายอาร์ต ซึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้สร้างขึ้นภายใต้คอนเซปต์ “Learning for Young Creative Mind” เพื่อการเรียนรู้และเติบโตของเด็กทุกคน แบ่งออกเป็นหลายโซนทั้งครัวไทยวัยจิ๋ว ลานสร้างสรรค์ ละครโรงเล็ก สวนหลังบ้าน โซนทำงานศิลปะ สโมสรงานประดิษฐ์ รวมถึงโซนไฮไลต์อย่างการหาฟอสซิลไดโนเสาร์ ลูกชอบแบบไหนเลือกได้เลย หรือจะให้หมุนเวียนทีละโซนก็ดีเยี่ยม ที่สำคัญเข้าฟรีด้วย 

 

เปิดทำการ: 10.00-16.00 น. หยุดวันจันทร์ 

 

พิกัด: https://maps.app.goo.gl/cDYMxoRroL7dMNXE7 

ที่เที่ยวสำหรับเด็ก

ขอบคุณรูปภาพจาก Facebook – Little ZOO cafe

ที่เที่ยวสำหรับเด็กสายรักสัตว์

SEA LIFE Bangkok Ocean World 

 

ที่เที่ยวสำหรับเด็กสายชิลล์ชมความสวยงามของปลาใต้ท้องทะเลซึ่งถูกรวมเอาไว้ในอความเรียมใจกลางกรุงเทพ นอกจากปลาหลากสายพันธุ์อย่างฉลาม ปลากระเบน ซึ่งจะได้สัมผัสผ่านอุโมงค์ขนาดยักษ์เสมือนอยู่ใต้ท้องทะเลจริง ๆ แล้วยังมีสัตว์อื่นเช่น เพนกวิน นาก และโซนป่าอะเมซอนให้เด็กทุกคนรู้สึกตื่นตาตื่นใจอีกด้วย หรือจะรอรอบการแสดงโชว์ให้อาหารปลาก็เป็นประสบการณ์ที่ดี จูงมือเด็กทุกวัยไปเที่ยวกันได้เลย ค่าเข้าผู้ใหญ่ 590 บาท เด็ก 490 บาท 

 

เปิดทำการ: 10.00-20.00 น. เปิดทุกวัน 

 

พิกัด: https://maps.app.goo.gl/rFc5uWwY8BR2NFKW7 

Little Zoo Cafe  

 

พาเด็ก ๆ ไปชิลล์กับคาเฟ่ที่มีธีมสุดน่ารักด้วยการรวมเหล่าบรรดาสัตว์แปลกให้ได้พบเจอ พร้อมกิจกรรมที่ทุกคนในครอบครัวมีโอกาสทำร่วมกัน แค่ชื่อร้านก็บ่งบอกถึงสิ่งที่ลูกต้องพบเจอได้อย่างดี ก้าวแรกที่เข้ามาจะพบกับสุนัขสายพันธุ์คอร์กี้ซึ่งจะคอยต้อนรับด้วยขนาดตัวปุ๊กปิ๊กสุดน่ารัก ส่วนสัตว์แปลกชนิดอื่นที่นี่รวมเอาไว้มากมาย เช่น หมูฮิปโป นกฮูกไวท์เฟส สุนัขพันธุ์ชิวาว่า แมวสฟิงซ์ กระต่าย เมียร์แคต เฟนเน็คฟ็อกซ์ แรคคูน กระต่าย รวมถึงตัววัลลาบี หรือจิงโจ้จิ๋ว หลังจากเล่นจนเหนื่อยแล้วก็สั่งของอร่อยมาทานร่วมกัน หรือจะถ่ายรูปมุมสวยก็ดีต่อใจแน่นอน 

 

เปิดทำการ: 11.00-20.00 น. เปิดทุกวัน 

 

พิกัด: https://maps.app.goo.gl/rFc5uWwY8BR2NFKW7 

ที่เที่ยวสำหรับเด็ก

ขอบคุณรูปภาพจาก Facebook – Pa Jeep Farm – ป้าจิ๊บฟาร์ม

ที่เที่ยวสำหรับเด็กสายลุย

ป้าจิ๊บฟาร์ม 

 

ภายใต้คอนเซปต์ “การเล่นคืองานของเด็ก ๆ” นั่นทำให้ “ป้าจิ๊บ” ตัดสินใจเปิดฟาร์มแห่งนี้ขึ้นเพื่อต้องการให้เด็กทุกคนได้ใช้จินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ ไปพร้อมกับการเรียนรู้ในแบบที่ไม่มีในห้องเรียน เป็นศูนย์การเรียนรู้ในฟาร์มซึ่งเด็กทุกคนจะได้ทำกิจกรรมสุดท้าทายมากมายไม่ว่าจะเป็นการให้อาหารควาย ส่องคอนโดกบ ทำไอติมหลอด ได้อุ้มแม่ไก่และใกล้ชิดกับลูกเจี๊ยบ เก็บไข่เป็ดเพื่อทำขนมครก เพ้นท์กระถาง เก็บผักสวนครัวด้วยตัวเอง ฝึกการร่อนปุ๋ยไส้เดือน และอีกมากมาย มั่นใจเลยว่าลูกต้องชื่นชอบแถมยังได้ละสายตาจากมือถือพร้อมเจอเพื่อนใหม่อีกด้วย ราคาเด็ก 800 บาท (รวมค่ากิจกรรมทั้งหมด) ผู้ใหญ่ 250 บาท 

 

เปิดทำการ: 9.00-18.00 น. เปิดทุกวัน 

 

พิกัด: https://maps.app.goo.gl/bQYE38L3DBmTDnHr6  

ซาฟารีเวิลด์ 

 

ที่เที่ยวสำหรับเด็กสายลุยอีกแห่งที่อยากแนะนำให้จูงมือลูกไปกันได้เลย อัดแน่นด้วยสัตว์หลากสายพันธุ์แบ่งออกเป็นโซนสวนสัตว์ธรรมดาและสวนสัตว์เปิดที่สามารถขับรถเข้าไปชมการใช้ชีวิตของสัตว์แบบเป็นธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิด เด็ก ๆ มีโอกาสเจอกับสัตว์ตัวจริงมากมาย เช่น เสือโคร่ง สิงโต แรด ฮิปโปโปเตมัน ยีราฟ กวาง นกสายพันธุ์ต่าง ๆ จระเข้ ฯลฯ ซึ่งไฮไลต์ของที่นี่ยังมีทั้งการแสดงของสัตว์แสนรู้สุดน่ารัก รวมถึงการแสดงโชว์อีกเพียบ ไม่ผิดหวังแน่นอน ค่าบัตรชุดเข้าได้ทั้งมารีนปาร์คและซาฟารีปาร์ค (สวนสัตว์เปิด) ผู้ใหญ่ 750 บาท เด็ก 650 บาท 

 

เปิดทำการ: 9.00-17.00 น. เปิดทุกวัน 

 

พิกัด: https://maps.app.goo.gl/JvLePFQ47TxsvkuRA 

ที่เที่ยวสำหรับเด็กสายหาความรู้

ท้องฟ้าจำลอง กรุงเทพฯ 

หากลูกของคุณชอบการค้นหาความรู้โดยเฉพาะเรื่องดาราศาสตร์ ดวงดาว และจักรวาล แนะนำว่านี่คือสถานที่ปักหมุดไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง มีชื่อเต็มว่า “ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา” ภายในจะมีการทำบรรยากาศให้มืดสลัวเพื่อชมความสวยงามของหมู่มวลดวงดาวบนท้องฟ้านับล้านดวงซึ่งจะฉายให้ชมตลอด 1 ชั่วโมงเต็ม ได้เรียนรู้จุดกำเนิดของระบบสุริยะ รวมถึงยังมีนิทรรศการต่าง ๆ ที่จะเปลี่ยนใหม่อยู่ตลอด รับรองว่าประทับใจไม่รู้ลืม ค่าเข้าชมรอบภาษาไทย ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 20 บาท รอบภาษาอังกฤษ ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 30 บาท 

 

เปิดทำการ: 9.00-16.00 น. หยุดวันจันทร์ 

 

พิกัด: https://maps.app.goo.gl/AaE2iEBU92JZyoUXA 

 

มิวเซียมสยาม 

ที่เที่ยวสำหรับเด็กสายเรียนรู้แนะนำให้พ่อแม่พาไปพิพิธภัณฑ์ที่ผสานกับความเป็นสถานที่เที่ยวสุดฮิตเอาไว้ได้อย่างลงตัว ด้วยการออกแบบที่แสดงถึงความเป็นไทยชัดเจน มีการจัดแสดงแบ่งออกเป็นโซนต่าง ๆ ซึ่งเด็กจะมีโอกาสเรียนรู้ขนบธรรมเนียมของไทยเมื่อครั้งอดีตจนถึงปัจจุบัน ขณะที่อีกหลายมุมก็ถูกนำเสนอด้วยความทันสมัย ไม่รู้สึกน่าเบื่อผ่านการสื่อสารหลากรูปแบบ มีกิจกรรมให้ทำกันอย่างสนุกสนาน เชื่อว่าเด็กทุกคนต้องหลงรักแน่นอน ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 30 บาท หากมา 5 คนขึ้นไป เหลือคนละ 15 บาท เด็กและผู้สูงอายุเกิน 60 ปี เข้าชมฟรี 

 

เปิดทำการ: 9.00-17.00 น. เปิดทุกวัน 

 

พิกัด: https://maps.app.goo.gl/TJDrm8xKpu4Y3Nfi7 

ที่เที่ยวสำหรับเด็ก

ขอบคุณรูปภาพจาก Facebook – ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง โดยสถานบันปลูกป่าและระบบนิเวศ ปตท.

ที่เที่ยวสำหรับเด็กสายธรรมชาติ

ศูนย์เรียนรู้ ป่าในกรุง ปตท. สุขาภิบาล 2 

หากเด็ก ๆ หลงใหลความเป็นธรรมชาติ ชอบอยู่กับต้นไม้ใบหญ้า แนะนำให้ลองพาลูกมาเที่ยวที่นี่กันเลย มีชื่อเต็มว่า “ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง โดยสถาบันปลูกป่าและระบบนิเวศ ปตท.” พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่สามารถสูดอากาศบริสุทธิ์ได้แบบเต็มปอด สร้างขึ้นโดย ปตท. เพื่อต้องการให้เด็ก ๆ และเยาวชน รวมถึงบุคคลทั่วไปได้มีศูนย์การเรียนรู้ธรรมชาติพร้อมแสดงนิทรรศการให้ตระหนักถึงความสำคัญของต้นไม้ มีมุมถ่ายรูปสวยเยอะมาก กิจกรรมก็เพียบ รับรองว่าลูกต้องชอบแน่นอน ที่สำคัญค่าเข้าฟรีด้วยนะ 

เปิดทำการ: 9.00-18.00 น. หยุดวันจันทร์ 

พิกัด: https://maps.app.goo.gl/Q3cnKjxxxyn15YQR9 

สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) 

ปิดท้ายกันด้วยที่เที่ยวสำหรับเด็กที่ชอบความเป็นธรรมชาติและได้ทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัว พ่อแม่สามารถพาลูกไปเดิน วิ่ง ปั่นจักรยานออกกำลังกายกันได้ เสร็จแล้วก็นั่งปิกนิกทำขนม หรืออาหารแบบง่าย ๆ ให้ลูกใช้ฝีมือเองก็สนุกและมีความสุขแบบไม่ต้องเสียเงินแพง ๆ ยิ่งช่วงเย็นพระอาทิตย์ใกล้ตกดินถือเป็นบรรยากาศที่น่าประทับใจ สูดอากาศบริสุทธิ์ของต้นไม้ใบหญ้ากันแบบเต็มปอด ไม่ต้องเสียค่าเข้าอีกต่างหาก รับรองว่าเด็กต้องชอบแน่นอน 

 

เปิดทำการ: 05.00-19.00 น. หยุดวันจันทร์ 

 

พิกัด: https://maps.app.goo.gl/YEQn1vTsEZxN8FB58 

สรุป

ทั้งหมดนี้คือ 10 ที่เที่ยวสำหรับเด็กที่พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถพาบุตรหลานของตนเองไปทำกิจกรรมกันได้ตามความชอบของพวกเขากันเลย แต่ละแห่งมีเสน่ห์ ความน่าประทับใจแตกต่างกันออกไป เหนือสิ่งอื่นใดการใช้เวลาร่วมกันภายในครอบครัวคือหัวใจสำคัญที่จะทำให้เด็กเติบโตไปอย่างมีคุณภาพ ไม่รู้สึกขาดหาย วันหยุดเสาร์-อาทิตย์นี้ หรือวันว่าง จูงมือลูกออกไปสัมผัสกับประสบการณ์อันแสนพิเศษกันเลย 

10 กิจกรรมเสริมพัฒนาการนอกห้องเรียน

การเรียนรู้ของเด็ก ๆ สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่ใช่แค่เฉพาะในห้องเรียนเท่านั้น เพื่อสร้างทักษะ ความรู้ พร้อมประสบการณ์แบบรอบด้านให้พวกเขาได้เรียนรู้และเติบโตอย่างสมบูรณ์แบบ พ่อแม่ผู้ปกครอง หรือคุณครูที่กำลังมองหาไอเดียสร้างกิจกรรมนอกห้องเรียนชั้นยอดสำหรับเด็กในแต่ละวัย ลองนำเอา 10 กิจกรรมเสริมพัฒนาการเหล่านี้ไปลองปรับใช้ตามความเหมาะสมกันได้เลย เชื่อว่าจะช่วยให้เด็กทุกคนได้รับสิ่งดี ๆ อย่างแน่นอน

กิจกรรมเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย

การเล่นกีฬาในแบบที่ลูกชอบ

การเล่นกีฬาเป็นพื้นฐานดี ๆ ในการทำให้ร่างกายเกิดความแข็งแรง ซึ่งพ่อแม่สามารถชวนลูกออกไปทำกิจกรรมเสริมพัฒนาการนี้ได้ รวมถึงคุณครูที่โรงเรียนในวิชาพลศึกษาก็เป็นอีกรายวิชาที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน เหมาะกับเด็กทุกเพศทุกวัยขึ้นอยู่กับศักยภาพและความเหมาะสม หากเป็นเด็กเล็กอายุ 3-6 ปี อาจเล่นกีฬาง่าย ๆ เช่น วิ่งไล่จับ วิ่งเปี้ยว หรือฝึกพื้นฐานกีฬาทั่วไปอย่างฟุตบอล เทควันโด ว่ายน้ำ เมื่อเด็กเริ่มโตตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป ก็ค่อยให้เขาเลือกในสิ่งที่ชอบ จะเล่นจริงจังจนสามารถทำเป็นอาชีพในอนาคต หรือเล่นสนุก ๆ ก็ได้สุขภาพที่ดี เสริมพัฒนาการด้านร่างกายหลายส่วนขึ้นอยู่กับชนิดกีฬาที่เล่นเลย เช่น บาสเกตบอล จะช่วยให้ข้อต่อและกระดูกยืดตัว สามารถเพิ่มความสูงได้ ว่ายน้ำช่วยให้ปอดและหัวใจแข็งแรง เป็นต้น

การทำกิจกรรมแนวปีนป่าย

สนามเด็กเล่นหลายแห่ง หรือแม้แต่สวนสนุกในห้างสำหรับเด็กจะมีเครื่องเล่นให้เด็ก ๆ สามารถปีนป่ายกันได้อย่างสนุกสนาน เพิ่มเติมความกล้าทางจิตใจ การได้รู้จักกับเพื่อนใหม่ การแบ่งปัน ความมีน้ำใจ ซึ่งเป็นพื้นฐานดี ๆ ของการพัฒนาด้านจิตใจ แต่อีกด้านหนึ่งกิจกรรมนี้ยังช่วยฝึกฝนในเรื่องกล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น แขน ขา และกล้ามเนื้อมัดเล็กอย่างข้อมือ ปลายนิ้วมือ ระหว่างที่ต้องดึง ต้องยกขาปีน พร้อมทั้งได้รู้จักการสร้างสมดุลให้ร่างกาย เรียกว่าพัฒนากล้ามเนื้อแทบทุกส่วนอย่างแท้จริงแถมเด็กยังสนุก ไม่รู้สึกเบื่ออีกต่างหาก เหมาะสำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 2 ปีไปจนถึงเกิน 10 ปี ได้สบาย ๆ

กิจกรรมปีนป่ายส่งเสริมพัฒนาการเด็ก

การเล่นตั้งเต

หากย้อนกลับไปในยุคคุณพ่อคุณแม่เป็นวัยเด็กนี่คือกิจกรรมสุดสนุกที่เด็กทุกคนต่างชื่นชอบ แม้ปัจจุบันการหาพื้นที่ทำกิจกรรมดังกล่าวอาจมีไม่มากนัก แต่จริง ๆ แล้วก็ยังพบเจอได้ เช่น ในโรงเรียน หรือตามสวนหย่อม สวนเด็กเล่น หรือพ่อแม่จะทำเองด้วยการขีดเขียนลงบนพื้นหลังบ้านก็ไม่ว่ากัน รูปแบบการเล่นไม่ซับซ้อนให้ลูกยืนอยู่ที่เส้นเริ่มต้นแล้วทอยเหรียญไล่ไปทีละตัวเลขเริ่มจาก 1 แล้วกระโดดกระต่ายขาเดียวไปเก็บเหรียญ จากนั้นกระโดดกลับ ทำแบบนี้จนครบเลข 10 เหมาะกับเด็กตั้งแต่ 2-3 ขวบ ก็สามารถเล่นได้แล้ว เป็นกิจกรรมเสริมพัฒนาการที่ช่วยฝึกทักษะด้านการทรงตัว การสร้างสมดุลของร่างกาย และเสริมกล้ามเนื้อขาอีกด้วย

กิจกรรมเสริมพัฒนาการด้านอารมณ์ จิตใจ

การต่อจิ๊กซอว์

กิจกรรมเสริมพัฒนาการด้านอารมณ์และจิตใจอย่างแรกที่อยากแนะนำให้พ่อแม่ คุณครู ได้ลองให้เด็ก ๆ ได้ทำนั่นคือ การต่อจิ๊กซอว์ หรือจะเป็นการต่อตัวต่อตามตัวอย่างก็ได้เช่นกัน เหมาะกับเด็กตั้งแต่อายุ 1 ขวบขึ้นไปก็สามารถสนุกกับกิจกรรมนี้ได้เลย สิ่งสำคัญคือจะช่วยพัฒนาทักษะทางอารมณ์ การมีสมาธิ ความมุ่งมั่นแน่วแน่ในการทำสิ่งเหล่านั้นจนสำเร็จ จิตใจจดจ่อ ไม่วอกแวก ไม่เป็นเด็กสมาธิสั้น เป็นการฝึกให้เขารู้จักทำตามเป้าหมายจนกว่าจะสำเร็จ ไม่ใจร้อน หรือล้มเลิกกลางทาง

การร้องเพลง หรือ เล่นดนตรี

กิจกรรมต่อมาเพื่อพัฒนาทักษะด้าน EQ อยากแนะนำให้พาเด็ก ๆ ร้องเพลง หรือเล่นดนตรี เพราะเสียงดนตรีเป็นพื้นฐานของการสร้างอารมณ์แห่งสุนทรียภาพ ความสงบเยือกเย็นภายในจิตใจ นอกจากเด็กจะสนุกกับการได้ทำในสิ่งที่ตนเองชอบแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมการจับจังหวะและสร้างทักษะพิเศษสำหรับตัวเขาอีกด้วย เพราะถ้าเด็กชื่นชอบ มีพรสวรรค์ สามารถร้องเพลงได้ไพเราะ หรือเล่นดนตรีเก่ง ก็สามารถต่อยอดทำเป็นอาชีพหรือเป็นความสามารถเฉพาะของตนเองในอนาคตได้เลย เหมาะกับเด็กทุกวัยตั้งแต่ 1 ขวบ พ่อแม่ก็พาลูกทำกิจกรรมนี้ได้เลย

กิจกรรมเล่นดนตรีส่งเสริมพัฒนาการ

การพาเด็กออกไปท่องเที่ยว

นอกจากเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีภายในครอบครัวแล้ว เด็ก ๆ ทุกคนยังได้เรียนรู้ถึงความแตกต่างที่เกิดขึ้นบนพื้นฐานของความเป็นจริงบนโลกใบนี้ ตัวอย่างสุดง่ายดายที่สุด เช่น การไปเที่ยวภูเขา น้ำตก กับการไปเที่ยวทะเล จะมีลักษณะพื้นที่คนละรูปแบบ การพบเจอกับสิ่งรอบตัวใหม่ทำให้เขารู้จักแบ่งปัน ความเห็นอกเห็นใจ หรือไม่เกิดความอิจฉาริษยา แต่ทั้งนี้ก็ตัวพ่อแม่เองก็ต้องคอยสอนและอธิบายลูกอยู่เสมอหากพวกเขามีคำถามหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องที่พบเจอ เป็นการสร้างทักษะทางอารมณ์และจิตใจที่ดีมากทีเดียว เหมาะกับเด็กทุกช่วงวัย

กิจกรรมเสริมพัฒนาการด้านสติปัญญาและจินตนาการ

การเล่นบทบาทสมมุติ

นี่คือกิจกรรมเสริมพัฒนาการนอกห้องเรียนที่เด็ก ๆ ทุกคนจะมีโอกาสได้ใช้ทั้งความคิดและจินตนาการของตนเองไปพร้อมกันผ่านบทบาทสมมุติที่เกิดขึ้น เช่น การเล่นอาชีพแพทย์ พยาบาล ตำรวจ ทหาร นักดับเพลิง คุณครู พ่อครัว ฯลฯ พ่อแม่สามารถสอนได้ว่าแต่ละอาชีพมีหน้าที่อะไร ต้องทำแบบไหนบ้าง ถ้าอยากเป็นต้องเรียนหนังสือให้ดีที่สุด มากไปกว่านั้นเด็กยังได้ใช้จินตนาการของตนเองจากสิ่งที่พวกเขาจดจำเมื่อครั้งเคยเห็นคนทำอาชีพเหล่านี้พร้อมสร้างแรงบันดาลใจได้จริง เหมาะกับเด็กตั้งแต่อายุ 2 ปีขึ้นไป

การวาดรูป ระบายสี

การใช้กิจกรรมนอกห้องเรียนเพื่อส่งเสริมพัฒนาการของเด็กสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยการให้ลูกได้วาดรูป ระบายสี นี่เป็นการฝึกทักษะด้านจินตนาการอย่างแท้จริง ไม่จำเป็นต้องกำหนดชัดเจนว่าจะให้วาดอะไร หรือระบายสีแบบไหนสำหรับเด็กเล็ก แต่ให้เขาได้ลองเอาความคิดมาใส่บนหน้ากระดาษตามสไตล์ของตนเอง เช่น รูปการ์ตูน สถานที่เที่ยว รูปครอบครัว ความคิดเล็ก ๆ แบบนี้อาจจุดประกายจินตนาการอันแสนยิ่งใหญ่ของเขาได้ ส่วนถ้าเป็นเด็กโตแล้วเริ่มเห็นแววในด้านดังกล่าวก็สามารถต่อยอดจนถึงขั้นทำเป็นอาชีพ หรืออย่างน้อยใช้เวลาว่างสร้างประโยชน์ให้กับตนเองได้ดีเยี่ยม กิจกรรมนี้ไม่จำกัดอายุ สามารถให้ลูกทำตั้งแต่เขาเริ่มเข้าใจคำพูดกันได้เลย

การให้ลูกเลือกข้าวของเครื่องใช้ด้วยตนเอง

กิจกรรมเสริมพัฒนาการนอกห้องเรียนอย่างแท้จริง นั่นคือการพาเด็กออกไปซื้อของแล้วให้เขาลองเลือกข้าวของด้วยตนเอง อาจเริ่มจากเสื้อผ้า เครื่องใช้ส่วนตัว อุปกรณ์การเรียน ของเล่น ฯลฯ วิธีนี้เป็นการฝึกให้เด็กใช้ความคิดในการเลือกสิ่งต่าง ๆ ให้เหมาะกับตนเอง กล้าคิดกล้าตัดสินใจ เขาจะได้เรียนรู้อย่างรวดเร็วถึงความชอบและไม่ชอบ อีกทั้งยังได้ใช้จินตนาการจากที่เคยพบเห็นสิ่งรอบตัวเพื่อประกอบการตัดสินใจ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นการฝึกสร้างความรับผิดชอบ เพราะเมื่อซื้อมาแล้วก็ต้องใช้ เหมาะกับเด็กตั้งแต่อายุ 3-4 ปีขึ้นไป

การเล่านิทาน หรือชวนกันอ่านหนังสือ

กิจกรรมสุดท้ายแม้อยู่นอกห้องเรียนก็ยังสามารถชวนลูกเรียนรู้ทักษะการอ่าน การเขียน และจินตนาการได้ เพราะไม่จำเป็นต้องให้เขาอ่านแต่หนังสือเรียนเสมอไป หากเป็นเด็กเล็กมากอายุหลักเดือนจนถึง 2-3 ขวบ ที่ยังอ่านหนังสือไม่เก่ง พ่อแม่สามารถชวนลูกทำกิจกรรมเล่านิทาน ฟังนิทานก่อนนอน เด็กจะได้ใช้จินตนาการระหว่างการฟังอย่างเต็มที่ พอลูกโตจนอ่านหนังสือได้แล้วก็ลองหาหนังสือเรื่องราวที่น่าสนใจมาให้อ่าน หรืออาจเริ่มจากการฝึกอ่านหนังสือที่มีตัวสะกดง่าย ๆ ก็เป็นการฝึกสติปัญญาได้อย่างดีที่สุดเลยทีเดียว

บทสรุป

การชวนลูกทำกิจกรรมเสริมพัฒนาการนอกห้องเรียนมีวิธีหลากหลายให้พ่อแม่ผู้ปกครองและคุณครูได้เลือกสรรเพื่อสร้างความเหมาะสมให้กับเด็กแต่ละคน ซึ่งจุดประสงค์สำคัญเพื่อต้องการให้เด็กได้พัฒนาตนเองแบบรอบด้านทุกเรื่อง จึงควรมีการปรับเปลี่ยนกิจกรรมหรือหมุนเวียนทำอย่างหลากหลาย ภายใต้การไม่บังคับจิตใจและเลือกทำในสิ่งที่ลูกชอบ รวมถึงผู้ใหญ่ยังต้องคอยสอน บอกกล่าวอยู่เสมอ รับรองว่าเด็กทุกคนจะเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน