ประกันสุขภาพที่ไหนดี 2567

ปัจจุบัน แผนประกันสุขภาพมีให้เลือกซื้อมากมาย วันนี้ ทาง LUMA ได้รวบรวมข้อมูลไว้ให้แล้ว ว่าซื้อประกันสุขภาพที่ไหนดี

  • LUMA
  • LMG Insurance
  • Pacific Cross
  • Allianz Ayudhya
  • วิริยะประกันภัย
  • Falcon Insurance
  • AXA
  • MTL – เมืองไทยประกันชีวิต

 

ด้วยทางเลือกที่มีค่อนข้างเยอะในสมัยนี้ การเลือกซื้อประกันสุขภาพจึงเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้น จึงควรเลือกซื้ออย่างรอบคอบ ใส่ใจกับรายละเอียด ทำความเข้าใจกับความคุ้มครองต่าง ๆ และอ่านกรมธรรม์ให้ครบถ้วน

ประกันสุขภาพที่ไหนดี

LUMA ประกันสุขภาพ

ใครยังไม่รู้ว่าจะเลือกทำประกันสุขภาพที่ไหนดี 2567 ขอแนะนำประกันสุขภาพจาก LUMA โดดเด่นด้วยความคุ้มค่าแบบครบถ้วน

LUMA Hi5 และ PRIME

  1. 1.คุ้มครองสูง ปีละ 5 ล้าน ถึง 50 ล้าน บาท
  2. 2.ค่าห้องจ่ายตามจริงห้องมาตรฐานในเครือข่าย LUMA
  3. 3.กรณีรับการรักษา ICU จ่ายให้ตามจริง
  4. 4.คุ้มครองการเกิดอุบัติเหตุภายใน 24 ชั่วโมง จ่ายให้ตามจริง
  5. 5.คุ้มครองการทำศัลยกรรมเพื่อแก้ไขความผิดปกติจากอุบัติเหตุ รวมถึงทันตกรรม จ่ายให้ตามจริง
  6. 6.คุ้มครองการเกิดโรคมะเร็ง จ่ายให้ตามจริง
  7. 7.สามารถขอรับความเห็นที่สองทางการแพทย์ได้ฟรี
  8. 8.ไม่ต้องรอ 30 วัน สามารถสมัครและใช้ประกันได้เลย

ประกันสุขภาพ จาก LUMA สามารถเลือกค่าห้องและค่าอาหาร ตั้งแต่ 5,000 บาท ถึง 20,000 บาท และสิทธิพิเศษของแผนนี้

สามารถเข้าใช้บริการที่โรงพยาบาล BNH, สมิติเวช และ บํารุงราษฎร์ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายส่วนเกินสำหรับค่าห้อง

สามารถดูการเปรียบเทียบประกันสุขภาพได้เพิ่มเติมได้ที่ LUMA เปรียบเทียบประกันสุขภาพเหมาจ่าย 2567 รวบรวมแผนประกันสุขภาพ และเปรียบเทียบรายละเอียดผลประโยชน์ ตามความคุ้มครอง งบประมาณ

LMG Insurance ประกันสุขภาพ

 

นำเสนอแผนประกันสุขภาพที่หลายหลาก ตั้งแต่แผนประกันราคาแบบสบายกระเป๋าจนไปถึงราคาเบี้ยแบบพรีเมี่ยม มอบความคุ้มครองตั้งแต่ 4 แสนบาท – 80 ล้านบาท ทำให้คุณสามารถเลือกแผนประกันสุขภาพที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคุณได้

Pacific Cross ประกันสุขภาพ

ก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่กำลังเป็นที่น่าสนใจ นำเสนอแผนประกันสุขภาพราคาสบายกระเป๋าอย่างแผนประกันแบบ Standard ที่มอบความคุ้มครอง 270,000 บาทต่อการรักษาหนึ่งครั้ง ค่าห้องและค่าอาหาร 2,000 บาทต่อวัน เหมาะสำหรับคนที่อยากมีประกันสุขภาพติดตัวไว้ แต่ไม่อยากจ่ายค่าเบี้ยประกันแพงมาก

สามารถต่ออายุได้ตลอดชีพ และรับส่วนลดในกรณีที่ไม่มีการเคลมหรือใช้ประกัน เครือข่ายโรงพยาบาลของ แปซิฟิค ครอส์สามารถใช้ในประเทศไทยกว่า 450 แห่ง โดยไม่ต้องสำรองจ่าย เวลาไปใช้บริการ 

นอกจากนี้ จุดเด่นของบริษัทนี้ มีความคุ้มครองกรณีฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมงทั่วโลก อุ่นใจได้เลย

Allianz Ayudhya ประกันสุขภาพ

มอบคุ้มครองตั้งแต่ 3 แสนบาท ถึง 10 ล้านบาท ต่อครั้ง คุ้มครองทั้งการบาดเจ็บและการเจ็บป่วย โดยไม่จำกัดจำนวนครั้งการรักษาต่อปี

ไม่ต้องสำรองจ่าย ด้วยเครือข่ายสถานพยาบาลกว่า 490 แห่งในประเทศไทย มีระยะเวลารอคอย 30 วัน

วิริยะประกันภัย ประกันสุขภาพ

มีแผนประกันสุขภาพให้เลือกอย่างแผน Viriyah Classic ที่มอบความคุ้มครอง 4 แสนบาทต่อปี หรือแผน V Prestige Care ที่มอบความคุ้มครอง 2.5 ล้านบาท มีระยะเวลารอคอย 30 วัน และสามารถเพิ่มความคุ้มครองผู้ป่วยนอก (OPD) ได้

Falcon Insurance ประกันสุขภาพ

นำเสนอแผนประกันสุขภาพราคาเบี้ยสบายกระเป๋า ที่มอบความคุ้มครอง 3 แสนบาทต่อปีและแผนประกันราคาเบี้ยสบายใจ ที่มอบความคุ้มครอง 1 ล้านบาทต่อปี และ 3 ล้านบาทต่อปี

AXA ประกันสุขภาพ

หนึ่งในบริษัทประกันภัยที่คนไทยรู้จักกัน นำเสนอแผนประกันสุขภาพที่หลายหลาก ตั้งแต่แผนประกันราคาแบบสบายใจจนไปถึงราคาเบี้ยประกันแบบพรีเมี่ยม มอบความคุ้มครองตั้งแต่ 1 ล้าน/ครั้ง – 74 ล้านบาท/ปี ทำให้คุณสามารถเลือกแผนประกันสุขภาพที่เหมาะสมกับงบประมาณของคุณได้

ประกันสุขภาพที่ไหนดี

MTL – เมืองไทยประกันชีวิต ประกันสุขภาพ

อีกหนึ่งบริษัทประกันภัยที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี มอบความคุ้มครองตั้งแต่ 1 ล้านบาท จนถึง 100 ล้านบาทต่อปี มีระยะเวลารอคอย 30 วัน และสามารถเพิ่มความคุ้มครองผู้ป่วยนอก (OPD) ได

ติดตาม ข่าวสาร และ โปรโมชั่นต่างๆ

แนะนำแนวทางในการเลือกซื้อประกันสุขภาพ

เมื่อเข้าใจถึงความสำคัญกันไปเรียบร้อยจะเห็นว่าประกันสุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญ อย่างไรก็ตามก่อนตัดสินใจว่าจะเลือกทำประกันสุขภาพที่ไหนดี 2567 ก็ต้องมีแนวทางประเมินเบื้องต้นเพื่อให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุดทั้งในเรื่องของเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายแต่ละปี รวมถึง ยังต้องสามารถครอบคลุมอาการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นได้มากที่สุดแบบไม่ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายเพิ่ม ลองมาศึกษากันได้เลย

ประเมินสุขภาพและความเสี่ยงของโรคที่อาจเกิดขึ้น

สิ่งแรกที่ต้องรู้ก่อนเลือกซื้อประกันสุขภาพคือสุขภาพและความเสี่ยงของโรคที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเรา เพราะแต่ละคนมีสุขภาพและภูมิคุ้มกันแตกต่างกันออกไป เช่น บางคนมีโรคประจำตัวอย่างภูมิแพ้ หอบหืด ขณะที่บางคนอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ อาทิ ไข้เลือดออก การประเมินทั้ง 2 เรื่องนี้จะช่วยให้เราสามารถเลือกประกันสุขภาพที่เหมาะและครอบคลุมการรักษามากที่สุด

ตรวจสอบสวัสดิการด้านสุขภาพที่มีอยู่

การตรวจสอบสวัสดิการเกี่ยวกับสุขภาพ จะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการทำประกันสุขภาพลงไปได้ เช่น มีสวัสดิการเบิกค่ารักษาพยาบาลจากอาชีพเป็นข้าราชการ ก็อาจเลือกทำประกันสุขภาพ แค่คุ้มครองเฉพาะโรคร้ายแรงก็ได้

เปรียบเทียบข้อมูลโรงพยาบาลที่คาดว่าน่าจะเข้ารับการรักษา

เรื่องนี้ก็มีผลต่อการซื้อประกันสุขภาพเช่นกัน เพราะโรงพยาบาลแต่ละแห่งมีค่าใช้จ่ายแตกต่างกันออกไป จึงต้องเปรียบเทียบให้ชัดเจนว่าเมื่อมีการเจ็บป่วยและต้องเข้ารักษาตัวอยากใช้บริการที่โรงพยาบาลใดมากที่สุด เพื่อจะได้เลือกซื้อประกันอย่างเหมาะสม และ ไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกันแพงเกินไป (ในกรณีค่ารักษาของโรงพยาบาลที่เลือกไม่แพง) หรือไม่ต้องจ่ายเงินค่ารักษาเพิ่มเติม (กรณีค่ารักษาของโรงพยาบาลที่เลือกแพง)

ศึกษาแผนความคุ้มครองของประกันสุขภาพ

แผนประกันสุขภาพเแต่ละบริษัทมีความแตกต่างกัน จึงต้องศึกษาให้ละเอียดว่าแต่ละกรมธรรม์มีความคุ้มครองเรื่องใดบ้าง ให้วงเงินเท่าไหร่ มีเงื่อนไขพิเศษอื่นใดหรือไม่ เพื่อจะได้ไม่ต้องมาเกิดปัญหาในภายหลัง

ประเมินงบที่พร้อมจ่ายกับแผนประกันที่เลือก

ก่อนตัดสินใจว่าจะซื้อประกันสุขภาพที่ไหนดี ลองนำข้อมูลต่าง ๆ ที่วางแผนเอาไว้ทั้งเรื่องสุขภาพ ความเสี่ยงต่อการเกิดโรค สวัสดิการที่มี งบประมาณที่พร้อมจ่ายแต่ละปี มาเทียบกับแผนประกันอย่างเหมาะสม โดยดูทั้งเรื่องรายละเอียดความคุ้มครอง วงเงินคุ้มครองแต่ละกรณี รวมถึงวงเงิน Deductible (ความรับผิดส่วนแรก) ในบางเงื่อนไข

เลือกบริษัทประกันที่มีแผนเหมาะมากที่สุด

เมื่อพิจารณาเงื่อนไขทุกอย่างละเอียดครบถ้วนแล้วก็เลือกบริษัทประกันที่มีแผนเหมาะสม รวมถึงไม่หนักเกินไปสำหรับในการจ่ายชำระเบี้ยแต่ละปี

ศึกษารายละเอียดและทำสัญญากรมธรรม์

หลังตัดสินใจได้เรียบร้อยว่าจะเลือกประกันสุขภาพที่ไหนดี ต้องเข้าใจต่อถึงสัญญาประกันแต่ละบริษัท หรือแต่ละกรมธรรม์ ซึ่งมักแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับสุขภาพ โรคประจำตัว ประวัติการรักษาพยาบาล เช่น บางกรณีมีหมายเหตุไม่คุ้มครองโรคที่เคยรับรักษามาก่อนหน้า เป็นต้น ดังนั้นก่อนเซ็นสัญญาทำประกันต้องอ่านอย่างละเอียดทุกจุด

ตรวจสอบข้อมูลกรมธรรม์อีกครั้ง

เมื่อทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยเจ้าหน้าที่จะดำเนินการทำหนังสือสัญญากรมธรรม์ให้ เมื่อได้รับแล้วต้องตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งว่าตรงกับที่พูดคุยไว้หรือไม่ ตั้งแต่ชื่อ-สกุล ข้อมูลส่วนตัว เงื่อนไขเกี่ยวกับการรับประกัน และอื่น ๆ เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาภายหลัง

สรุป

ก่อนตัดสินใจเลือกว่าจะทำประกันสุขภาพที่ไหนดี อย่าลืมพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความคุ้มค่าทั้งเรื่องงบที่ต้องจ่ายแต่ละปีรวมถึงความคุ้มครองครอบคลุมกับการเจ็บป่วย การมีประกันสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญมากเพราะการเจ็บป่วยนั้นรอไม่ได้ หากรับการรักษาแบบทันท่วงทีแถมไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ยังไงย่อมดีกว่าอย่างแน่นอน

เปรียบเทียบประกันสุขภาพเหมาจ่าย 2567 อันไหนดี ต้องดู!!

อัพเดทข้อมูลล่าสุด: 

สุขภาพเป็นเรื่องที่สำคัญลำดับต้น ๆ ของคนเรา ด้วยโรคต่าง ๆ ที่สามารถเจอได้ทุกที่ การมีประกันสุขภาพจึงกลายมาเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจาก ค่ารักษาและค่าพยาบาล ในสมัยนี้ นอกจากจะสูงขึ้นในทุก ๆ ปี ยังมีบริการที่จำกัดอีกด้วย

เลือกประกันสุขภาพเหมาจ่ายแบบไหนดี

การเลือกประกันสุขภาพนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากจะมีบริษัทประกันภัยและแผนประกันต่าง ๆ ให้เลือกมากมาย ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ต้องนำมาพิจารณาในการเลือกซื้อประกันสุขภาพและการเลือกประกันสุขภาพนั้น ควรที่จะเลือกอย่างรอบคอบ เพื่อที่จะสามารถทำประกันกับบริษัทนั้นต่อยาว ๆ ได้ เพราะหากเปลี่ยนบริษัทประกันบ่อย ๆ จะทำให้มีประวัติและอาจจะทำให้หาบริษัทใหม่ที่คุ้มครองครอบคลุมได้ยากขึ้น

เปรียบเทียบประกันสุขภาพเหมาจ่าย

เปรียบเทียบแผนประกันสุขภาพเหมาจ่าย

ในปัจจุบัน การมีประกันสุขภาพถือเป็นเรื่องค่อนข้างสำคัญ เนื่องจากสภาพอากาศ มลพิษต่าง ๆ ในปัจจุบันที่เสี่ยงทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย ค่ารักษา ค่าพยาบาลก็ค่อนข้างสูง วันนี้ทาง LUMA ได้รวบรวมแผนประกันสุขภาพเหมาจ่ายสำหรับทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความคุ้มครอง ค่าเบี้ยที่ต้องชำระ ไปตามดูกันได้เลย

แผนประกันสบายกระเป๋า

หามองหาค่าเบี้ยที่สบายกระเป่า สิ่งหนึ่งที่คุณต้องทำความเข้าใจคือ วงเงินในการรักษาอาจจะไม่สูงมาก โดยเฉพาะเรื่องค่าห้องและค่าอาหาร ที่อาจจะไม่เพียงต่อสำหรับการแอดมิทที่โรงพยาบาล 1 คืนในปัจจุบัน ดังนั้น คุณอาจจะต้องพร้อมที่จะมีค่าใช้จ่ายส่วนเกิน

 

ประกันสุขภาพเหมาจ่าย ราคาเบี้ยสบายกระเป๋า ขอแนะนำ

เปรียบเทียบประกันสุขภาพเหมาจ่าย

แผนประกันสบายใจ

หากคุณมีกำลังซื้อขึ้นมาอีกสักนิด แผนประกันค่าเบี้ยแบบสบายใจก็ค่อนข้างจะเหมาะสมกับคุณ เพราะวงเงินที่คุณจะได้มักจะเพียงพอสำหรับค่าห้องและค่าอาหารในการนอนที่โรงพยาบาล 1 คืน ในปัจจุบัน

 

ประกันสุขภาพเหมาจ่าย ราคาเบี้ยแบบสบายใจ ขอแนะนำ

เปรียบเทียบประกันสุขภาพเหมาจ่าย

แผนประกันครอบคลุม

การเลือกแผนประกันที่ครอบคลุมสำหรับทุกการรักษา คุณสามารถอุ่นใจโดยไม่ต้องมามานั่งกังวลว่าเงินจะพอค่ารักษาไหม จะมีค่าใช้จ่ายส่วนเกินหรือไม่ มั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่าหากเกิดอาการเจ็บป่วย คุณจะอยู่ในความดูแลของแพทย์และสามารถรักษาโดยไม่ต้องกังวลถึงค่าใช้จ่ายใด ๆ

 

ประกันสุขภาพเหมาจ่าย ความคุ้มครองแบบครอบคลุม ขอแนะนำ

เปรียบเทียบประกันสุขภาพเหมาจ่าย

แผนประกันพรีเมี่ยม

ถ้าการเงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับคุณ การเลือกแผนประกันแบบพรีเมี่ยมที่ค่าเบี้ยสูง ซึ่งมาพร้อมกับวงเงินการรักษาที่สูง นอกจากจะเพียงพอต่อการรักษาในประเทศไทยแล้ว ยังสามารถครอบคลุมไปถึงการรักษาที่ต่างประเทศ หากคุณมีผู้เชี่ยวชาญด้านเฉพาะทางที่อยากจะรักษาด้วย การมีวงเงินที่สูง จะเปิดโอกาสให้คุณเดินทางไปรักษาที่ต่าง ๆ ได้

 

ประกันสุขภาพเหมาจ่าย ความคุ้มครองแบบพรีเมี่ยม ขอแนะนำ

เปรียบเทียบประกันสุขภาพเหมาจ่าย

ติดตาม ข่าวสาร และ โปรโมชั่นต่าง ๆ

ประกันสุขภาพเหมาจ่าย เลือกอย่างไรดี?

LUMA เราเข้าใจดีว่าการเลือกทำประกันสุขภาพนั้นไม่ง่าย แล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถตัดสินใจแบบเร่ง ๆ ได้ จำเป็นต้องพิจารณาถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น โรงพยาบาลที่เข้ารักษา ค่าใช้จ่ายโดยประมาณต่อการรักษาหนึ่งครั้ง สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ประกันสุขภาพเหมาจ่ายที่ไหนดี 2567

 

ทาง LUMA ขอแนะนำสิ่งที่ควรพิจารณาในการเลือกแผน ประกันสุขภาพเหมาจ่าย ดังนี้

แน่นอนว่า ไม่อยากมีใครเจ็บป่วย แต่เมื่อเกิดป่วยขึ้นมา การมีประกันสุขภาพติดตัวไว้ ก็สามารถช่วยให้คุณอุ่นใจ ไม่ต้องมากังวลถึงค่ารักษาพยาบาล ยังไงก็อย่าลืมซื้อประกันสุขภาพเหมาจ่ายติดตัวเอาไว้

สรุป

หลังจากอ่านกันไปแล้ว หลาย ๆ คนก็คงจะรู้แล้วว่าประกันสุขภาพจากที่ไหน และแผนอะไร ที่จะเหมาสมและตอบโจทย์ตัวเองมากที่สุด  อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะเลือกซื้อประสุขภาพใด ๆ ก็ควรที่จะเลือกซื้อประกันสุขภาพอย่างรอบคอบ อ่านรายละเอียดของกรมธรรม์ในละเอียดครบถ้วน รวมไปถึงเลือกซื้อประกันกับนายหน้าขายประกันหรือบริษัทประกันที่มีความน่าเชื่อถือ เพื่อที่จะได้มีความมั่นใจว่าจะสามารถเคลมประกันได้เมื่อเกิดการเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา 

ลดน้ำหนักด้วยการทำ IF คืออะไร? ทำแล้วเห็นผลได้จริงหรือไม่

การอดอาหาร เพื่อหวังผลลัพธ์ของการลดน้ำหนักนั้น เป็นวิธีที่หลายต่อหลายคนเลือกใช้ เนื่องจากให้ผลลัพธ์ทันใจ และไม่ต้องออกกำลังกายให้เหนื่อย โดยหนึ่งในวิธีการลดน้ำหนักที่กำลังเป็นที่นิยมกันในขณะนี้ก็คือ การลดน้ำหนักด้วย การทำ IF (Intermittent Fasting) แต่การลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้จะได้ผลจริงและดีต่อสุขภาพหรือไม่นั้น ต่อไปนี้เป็นข้อมูลเบื้องต้น รวมถึงข้อดีและข้อเสียให้คุณได้ลองเลือกดู

 

Intermittent Fasting หรือ IF คืออะไร

Intermittent Fasting หรือ IF เป็นรูปแบบการอดอาหารที่มีวงจรการอดอาหารเป็นช่วงเวลา ไม่ใช่การอดอาหารตลอดทั้งวันหรือทุกวัน และไม่มีการจำกัดว่าจะต้องรับประทานอาหารประเภทไหนหรือชนิดใดด้วย ข้อจำกัดเดียวของหลักการอดอาหารแบบ IF ก็คือ การจำกัดช่วงเวลาในการรับประทานอาหารและช่วงเวลาที่ต้องอดอาหาร

IF คือ

IF มีกี่ประเภท?

การทำ IF มีอยู่ด้วยกัน 4 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้

1. การอดอาหารแบบ 5:2 (The twice-a-week method – 5:2)

การอดอาหารแบบ 5:2 หรือก็คือการอดอาหารสองวันต่อสัปดาห์ เป็นรูปแบบการอดอาหารที่จะเลือกวันสำหรับอดอาหารไว้แค่เพียงสองวันต่อสัปดาห์ และสองวันนั้นจะต้องทานอาหารให้ได้ปริมาณแคลอรีรวมกัน 500 แคลอรี เช่น

เลือกอดอาหารวันจันทร์กับวันพุธ ดังนั้น ทั้งสองวันนี้จะต้องรับประทานอาหารรวมพลังงานให้ได้ 500 แคลอรี

กล่าวคือ วันจันทร์รับประทานได้ 200 แคลอรี และวันพุธอีก 300 แคลอรี

สำหรับการอดอาหารด้วยวิธี 5:2 นั้น ควรจะเน้นการรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์และโปรตีนสูง

2. การอดอาหารแบบวันเว้นวัน (Alternate day fasting)

การอดอาหารแบบวันเว้นวัน คือ รูปแบบการอดอาหารที่จะทำสลับกับวันที่รับประทานอาหารในรูปแบบปกติ

กล่าวคือ วันนี้ให้รับประทานอาหารตามปกติ โดยสามารถที่จะรับประทานอะไรก็ได้ แต่วันต่อมาจะต้องจำกัดปริมาณแคลอรีไว้แค่เพียง 500 แคลอรีต่อวันเท่านั้น

3. การอดอาหารแบบจำกัดช่วงเวลา (Time-restricted eating)

การอดอาหารด้วยวิธีการจำกัดช่วงเวลาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการความยืดหยุ่นของเวลาในการรับประทานอาหาร เพราะสามารถเลือกช่วงเวลาที่ต้องการอดอาหาร และวางแผนช่วงเวลาในการรับประทานได้อย่างเป็นระบบ

สำหรับ IF ในรูปแบบนี้ที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย คือ การอดอาหารสูตร 16:8 ซึ่งสามารถทำได้โดย ในหนึ่งวันนั้นจะรับประทานอาหารได้เพียง 8 ชั่วโมง และอดอาหารให้ได้ 16 ชั่วโมง

โดยช่วงเวลาที่ถูกเลือกนำไปใช้มากที่สุด คือ การอดอาหารในช่วงกลางคืนไปจนถึงช่วงเที่ยงของอีกวันและจะไม่รับประทานอาหารเช้าด้วย เช่น การรับประทานอาหารในช่วง 11 โมง ไปจนถึง 1 ทุ่ม หรือ รับประทานอาหารในช่วงเที่ยงไปจนถึง 2 ทุ่ม และช่วงเวลาหลังจากนั้นก็จะไม่มีการรับประทานอาหารอีก จนกว่าจะครบ 16 ชั่วโมง ตามที่กำหนดไว้

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่กำลังอดอาหารนั้น ยังสามารถที่จะดื่มน้ำ หรือรับประทานอาหารที่ไม่มีแคลอรีได้ เช่น กาแฟดำหรือน้ำอุ่น ซึ่งวิธีนี้สามารถทำได้สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง หรือตามต้องการ

4. การอดอาหารแบบทั้งวัน (The 24-hour fast)

การอดอาหารแบบทั้งวัน หรืออดอาหารตลอดทั้ง 24 ชั่วโมง โดยมากแล้วมักจะเลือกอดอาหารตั้งแต่มื้อเช้าของวันนี้ ไปจนถึงช่วงเวลาอาหารเช้าของอีกวัน หรือมื้อเที่ยงของวันนี้ ไปจนถึงช่วงมื้อเที่ยงของอีกวัน ซึ่งจะทำกันประมาณ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม การอดอาหารประเภทนี้เป็นวิธีที่มีผลเสียทางสุขภาพมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น ความเสี่ยงที่จะเกิดอาการปวดศีรษะ มีผลต่ออารมณ์หรือสร้างความหงุดหงิด ทำให้ร่างกายอ่อนล้า ขาดพลังงานและขาดสมาธิ และอาจรู้สึกหิวจนทนไม่ไหว

 

ลดน้ำหนักIF

ผลดีของการทำ IF ต่อสุขภาพ

การอดอาหาร แม้จะฟังดูแล้วไม่ค่อยส่งผลดีต่อสุขภาพ เนื่องจากร่างกายควรจะต้องได้รับสารอาหารที่สมบูรณ์และเพียงพอ เพื่อให้มีพลังงานอย่างเต็มที่ พร้อมที่จะปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ในแต่ละวัน

อย่างไรก็ตาม หากมีการอดอาหารด้วยวิธีที่เหมาะสม อย่างการอดอาหารแบบ Intermittent Fasting หรือการทำ IF ก็อาจให้ผลดีต่อสุขภาพได้ ดังนี้

ช่วยลดน้ำหนัก

เนื่องจากมีการอดอาหารที่จำเป็นจะต้องลดและจำกัดปริมาณของแคลอรีในแต่ละวัน จึงมีผลช่วยในเรื่องของน้ำหนักและการลดไขมันที่หน้าท้อง

ลดภาวะดื้อต่ออินซูลิน (Insulin resistance)

การอดอาหารเป็นระยะ อาจมีผลช่วยลดภาวะดื้อต่ออินซูลินและลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ ประมาณ 3-6 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงระดับอินซูลินในอาหารก็จะลดลงมากถึง 20-31 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งการที่ระดับอินซูลินลดลงนี้ มีผลช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ (Type 2 diabetes; T2D)

ดีต่อสุขภาพหัวใจ

ช่วงเวลาที่มีการอดอาหาร มีผลดีในส่วนที่ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ เช่น ระดับของคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดี หรือ LDL ลดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ลดไขมันในเลือด เป็นต้น

IF

ผลเสียของการทำ IF ต่อสุขภาพ

แม้การทำ IF จะให้ผลดีในเรื่องของการลดน้ำหนัก แต่ก็ยังมีข้อควรระวังที่อาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพตามมาในภายหลัง ได้แก่

มีผลต่ออารมณ์ 

การอดอาหารมีผลทำให้รู้สึกหิว ซึ่งความหิวสามารถที่จะส่งผลลัพธ์ทางอารมณ์ที่อาจจะก่อให้เกิดความรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น

ไม่เหมาะกับสุขภาพของทุกคน 

ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้ที่มีน้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์ และผู้ที่มีปัญหาการกินผิดปกติ เช่น โรคคลั่งผอม (Anorexia) โรคบูลิเมียหรือโรคล้วงคอ (Bulimia) ไม่ควรทำการอดอาหาร เนื่องจากจะส่งผลต่ออาการทางสุขภาพและสุขภาวะที่เป็นอยู่

นอกจากนี้ การอดอาหารยังส่งผลต่อสุขภาพโดยตรงแบบเห็นได้ชัด ดังนี้

  • พลังงานลดลง

  • อารมณ์หงุดหงิดง่าย

  • รู้สึกหิว

  • รู้สึกง่วง

  • อุณหภูมิในร่างกายผิดปกติ

  • ขาดสมาธิ

  • ศักยภาพในการทำงานลดลง

การทำ IF เป็นวิธีที่ปลอดภัยหรือไม่

การลดน้ำหนักโดยใช้หลักการ IF สามารถที่จะทำได้ทุกคน และเห็นผลลัพธ์จริง หากมีการปฏิบัติอย่างถูกต้องและเหมาะสม ยกเว้นผู้ที่ปัญหาสุขภาพบางประการ เช่น สตรีที่ตั้งครรภ์ สตรีที่อยู่ระหว่างให้นมบุตร ผู้ที่มีปัญหาการกินผิดปกติ และผู้ที่มีน้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์ ไม่ควรทำการอดอาหารอย่างยิ่งไม่ว่าจะด้วยวิธีแบบใดก็ตาม เพราะอาจเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายต่อสุขภาพได้

ยิ่งไปกว่านั้น การอดอาหารด้วยวิธี IF หรือการอดอาหารรูปแบบอื่น ๆ ควรจะต้องอยู่ในขอบข่ายคำแนะนำของแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ เพื่อที่จะได้ประเมินความเสี่ยงและข้อควรระวังที่อาจจะส่งผลต่อสุขภาพขณะที่ทำการอดอาหาร

แต่ไม่ว่าจะเลือกลดน้ำหนักด้วยวิธีการไหนและปฏิบัติอย่างระมัดระวังอย่าง แต่การเจ็บป่วยก็เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ คุณเองก็สามารถเพิ่มความอุ่นใจให้กับตนเองมากขึ้นได้ด้วย “ประกันสุขภาพ” ที่จะช่วยให้คุณไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลในยามเจ็บป่วย

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมหรือกรอกแบบฟอร์มเพื่อให้เจ้าหน้าที่เราให้คำแนะนำในการเลือกแผน “ประกันสุขภาพ” ที่เหมาะกับคุณ