สิทธิรักษาพยาบาล 3 ระบบของไทย

สิทธิรักษาพยาบาลในประเทศไทย คือ สิทธิขั้นพื้นฐานของคนไทยทุกคน ที่รัฐบาลมอบให้ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการด้านสุขภาพได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม

สิทธิรักษาพยาบาลของไทยมีอะไรบ้าง 

คนไทยทุกคนมีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาลจากภาครัฐ โดยมีระบบหลัก 3 ระบบ ดังนี้

 

  1. สิทธิสวัสดิการการรักษาพยาบาลของข้าราชการ
  2. สิทธิประกันสังคม
  3. สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (30 บาทรักษาทุกโรค/บัตรทอง)

สิทธิสวัสดิการการรักษาพยาบาลของข้าราชการ คือ 

สิทธิรักษาพยาบาลที่ข้าราชการและบุคคลในครอบครัว เช่น บิดา มารดา คู่สมรส และบุตรที่ถูกต้องตามกฎหมาย ได้รับจากรัฐบาล 

 

สิทธิประโยชน์ของสิทธิ มีดังนี้

 

  1. ผู้ป่วยนอก ไม่ต้องออกค่าใช้จ่ายไปก่อนแล้วนำมาเบิกทีหลัง
  2. ผู้ป่วยใน ไม่ต้องมีหนังสือรับรองไปยื่นก่อนเข้ารับการรักษา

 

ผู้มีสิทธิใช้บริการ ได้แก่

 

  • ข้าราชการ
  • พนักงานรัฐวิสาหกิจ
  • ลูกจ้างประจำของหน่วยงานภาครัฐที่ไม่ใช่ข้าราชการ
  • ผู้รับบำนาญ
  • ลูกจ้างต่างประเทศที่ได้รับค่าจ้างแบบเงินงบประมาณรายจ่าย
  • บุคคลในครอบครัว
สิทธิรักษาพยาบาล

สิทธิประกันสังคม คือ 

 

ประกันสังคม เป็นระบบเพื่อดูแลผู้ใช้แรงงานในประเทศไทย โดยผู้ใช้แรงงานที่ส่งเงินสมทบจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ หากผู้ประกันตนออกจากงานหรือหยุดส่งเงินสมทบเป็นเวลา 6 เดือน สิทธิประกันสังคมของบุคคลนั้นจะถูกเปลี่ยนเป็นบัตรทองแทน

 

สิทธิของประกันสังคม กรณีประสบอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย ได้แก่

 

  • รักษาพยาบาลฟรีที่โรงพยาบาลรัฐและเอกชนที่เข้าร่วมโครงการโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
  • เบิกค่าจ้างที่ขาดหายไป 50% ของค่าจ้างเฉลี่ยตามที่หยุดงาน ครั้งละไม่เกิน 90 วัน และไม่เกิน 180 วันภายใน 1 ปี ยกเว้นโรคเรื้อรัง จะได้ไม่เกิน 365 วัน

 

สิทธิของประกันสังคมกรณีพิการทุพพลภาพ ได้แก่

 

  • ได้รับเงินทดแทนกรณีพิการทุพพลภาพ 50% ของค่าจ้างเฉลี่ยตลอดชีวิต สามารถเข้ารักษาในฐานะผู้ป่วยในหรือผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลรัฐ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมด้วยความสนับสนุนในค่ารถพยาบาลและค่าฟื้นฟูสมรรถภาพ

 

สิทธิของประกันสังคมกรณีเสียชีวิต ได้แก่

 

  • กรณีเสียชีวิตจะได้ค่าทำศพ 50,000 บาท รวมถึงเงินสงเคราะห์กรณีจ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 36 เดือนขึ้นไป

 

ผู้มีสิทธิใช้บริการ ได้แก่

 

  1. ผู้ประกันตนตามภาคบังคับ หรือ มาตรา 33 

 

คือ บุคคลที่เป็นลูกจ้างตามสัญญาจ้างประจำ และมีอายุระหว่าง 15 – 60 ปี

 

  1. ผู้ประกันตนตามสมัครใจ

 

คือ บุคคลทั่วไปที่ไม่เข้าเงื่อนไขบังคับของ พ.ร.บ. ประกันสังคม เพราะมีสิทธิอื่นอยู่แล้ว เช่น

 

  • ผู้ประกันตนมาตรา 39 ที่ออกจากงานแล้ว และต้องการแจ้งความต้องการเพื่อประกันตนต่อภายใน 6 เดือน รวมถึงเคยจ่ายเงินเข้ากองทุนสมทบมาก่อนตามมาตรา 33 ไม่น้อยกว่า 12 เดือน
  • ผู้ประกันตนมาตรา 40 ที่ประกอบอาชีพอิสระ เจ้าของกิจการ หรือเป็นฟรีแลนซ์ ซึ่งจะต้องมีอายุระหว่าง 15-65 ปี และได้แจ้งความต้องการขอประกันตน
  • ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ รายวัน รายชั่วโมงของหน่วยงานราชการ แต่ไม่รวมลูกจ้างรายเดือน  
  • นักเรียน นิสิต นักศึกษา
  • ครูโรงเรียนเอกชน 

ติดตาม ข่าวสาร และ โปรโมชั่นต่างๆ

สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ คือ 

 

สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า ‘บัตรทอง 30 บาท’ เป็นระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่รัฐบาลไทยจัดให้แก่ประชาชนคนไทยทุกคน โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเบื้องต้น

 

สิทธิประโยชน์การรักษาพยาบาลของสิทธิ มีดังนี้

 

  • เข้ารับการตรวจวินิจฉัย
  • เข้ารับการรักษาโรคทั่วไป
  • เข้ารับการรักษาโรคเรื้อรัง หรือโรคเฉพาะทาง เช่น มะเร็ง เบาหวาน ไตวาย เป็นต้น
  • เข้ารับบริการคลอดบุตรได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง
  • การส่งต่อระหว่างหน่วยบริการ
  • ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่ายา ตามที่ระบุไว้ในบัญชียาหลักแห่งชาติ แต่จะต้องจ่ายค่ารักษาและค่ายา 30 บาททุกครั้งหากเข้ารักษาในโรงพยาบาลตั้งแต่ระดับชุมชนขึ้นไป (10 เตียงขึ้นไป)

 

ผู้มีสิทธิใช้บริการ ได้แก่

 

ครอบคลุมคนไทยทุกคนที่มีเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก และไม่มีสิทธิของข้าราชการ ประกันสังคม รัฐวิสาหกิจ ครูเอกชน หรือสิทธิอื่น ๆ ที่ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณรัฐ

 

ข้อยกเว้นของความคุ้มครอง ได้แก่

 

  1. 1. เข้ารับบริการทางการแพทย์เพื่อความสวยงาม โดยไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์
  2. 2. การปลูกถ่ายอวัยวะที่อยู่นอกบัญชีหมายเลข 3
  3. 3. การตรวจวินิจฉัยหรือรักษาเกินจำเป็น
  4. 4. การรักษาที่ยังอยู่ในระหว่างการค้นคว้าหรือทดลอง
  5. 5. การบริการทางการแพทย์อื่น ๆ ตามที่ สปสช. กำหนด

บุคคลหนึ่งมีสิทธิรักษาพยาบาลมากกว่าสิทธิเดียวได้หรือไม่

 

คนไทยสามารถมีสิทธิรักษาพยาบาลมากกว่า 1 สิทธิได้ โดยจะถูกแบ่งออกเป็น ‘สิทธิหลัก’ และ ‘สิทธิรอง’ โดยในบุคคลหนึ่งสามารถมีได้ทั้งสิทธิหลักและรอง หรือสิทธิหลักในบุคคลเดียวทั้ง 2 สิทธิ หรือสิทธิรองในบุคคลเดียวทั้ง 2 สิทธิก็ได้เช่นกัน

 

สิทธิหลัก หมายถึง สิทธิการรักษาพยาบาลที่บุคคลได้รับโดยตรงจากการทำงาน เมื่อสังกัดองค์กรใดองค์กรหนึ่ง ทั้งภายใต้รัฐและเอกชน 

 

ส่วน สิทธิรอง หมายถึง สิทธิการรักษาพยาบาลที่บุคคลได้รับโดยอาศัยสิทธิหลักของบุคคลอื่น เช่น บุตรหรือคู่สมรสของข้าราชการจะมีสิทธิรองจากบิดามารดาหรือคู่สมรส

กรณีบุคคลที่มี สิทธิหลักสองสิทธิ หมายถึง บุคคลคนเดียวกันมีสิทธิการรักษาพยาบาลสิทธิหลักสองสิทธิ์ ในเวลาเดียวกัน เช่น ผู้ที่เป็นข้าราชการหรือข้าราชการบำนาญ แล้วได้มีการไปสมัครงานหรือเคยทำงานเป็นพนักงานบริษัท และได้ส่งเงินสมทบในกองทุนประกันสังคม จะทำให้มีสิทธิทั้งสองสิทธิในคน ๆ เดียว และการเลือกใช้สิทธิใดจะขึ้นอยู่กับบุคคลนั้นเอง

กรณีที่มี สิทธิหลักและสิทธิรองในบุคคลเดียวกัน หมายถึง บุคคลคนเดียวกันมีสิทธิการรักษาพยาบาลทั้ง สิทธิหลักและสิทธิรองในเวลาเดียวกัน เช่น บุคคลที่เป็นข้าราชการและมีคู่สมรสที่มีสิทธิของรัฐวิสาหกิจหรือประกันสังคม ทั้งนี้ทั้นนั้น การใช้สิทธิการรักษาจะต้องใช้สิทธิหลักของตนเองก่อน แล้วถ้าหากว่าสิทธิรองครอบคลุมค่าใช้จ่ายมากกว่า สามารถนำใบเสร็จไปเบิกส่วนต่างที่จ่ายไปก่อนหน้ากับสิทธิรองทีหลังได้

กรณีบุคคลที่มี สิทธิรองในคนเดียวกันสองสิทธิ หมายถึง บุคคลคนเดียวกันมีสิทธิรองจากสิทธิหลักของบุคคลอื่นสองสิทธิ์ในเวลาเดียวกัน กรณีนี้คือบุตรที่ได้รับสิทธิรองจากบิดามารดาเป็นสองสิทธิในคนเดียว แต่เมื่อบุตรอายุครบ 20 ปีและยังไม่ได้มีการทำงาน สิทธิหลักจะถูกเปลี่ยนเป็นบัตรทองแทน ตามที่ระบุไว้ในระเบียบ พ.ร.บ. ของหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี พ.ศ. 2545

สรุป 

 

สิทธิรักษาพยาบาลหลัก 3 ระบบของไทยมีเงื่อนไขเฉพาะเจาะจงสำหรับกลุ่มบุคคลที่มีรายได้และอาชีพแตกต่างกัน รวมถึงยังมีความคุ้มครองครอบคลุมไปยังบุคคลในครอบครัวด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่าลืมเช็คสิทธิหลักและสิทธิรองของตัวเองก่อนใช้สิทธิรักษาพยาบาล เพื่อที่จะได้ไม่เสียเวลาหรือเสียสิทธิความคุ้มครองที่มี 

ประกันมะเร็งที่ไหนดี 2567

โรคมะเร็งใกล้ตัวกว่าที่คิด และ หนึ่ง ใน หก คน ทั่วโลก เสียชีวิตด้วยสาเหตุโรคมะเร็ง ไม่ว่าเรื่องกรรมพันธุ์ หรือ สาเหตุใดไม่อาจทราบ LUMA เองก็ได้เจอโรคมะเร็งในสมาชิกเพิ่มขึ้น และที่น่าตกใจกว่านั้น อายุของผู้ป่วยน้อยลงกว่าที่ผ่านมา

 

การหาประกันที่คุ้มครองมะเร็ง เป็นสิ่งที่สำคัญ ไม่ว่าเลือกแบบประกันสุขภาพเหมาจ่ายที่ครอบคลุมการรักษามะเร็ง หรือ เลือกแบบ ได้รับเงินก้อน เมื่อเจอโรคมะเร็ง วันนี้ LUMA ทำการบ้านมาให้ ว่าประกันมะเร็งที่ไหนดี โดยได้คัดมาตามนี้:

 

  1. LUMA
  2. AXA
  3. Allianz Ayudhya
  4. MTL
  5. LMG
ประกันมะเร็งที่ไหนดี

LUMA

บริษัทแรกที่ขอแนะนำคือ LUMA ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านประกันสุขภาพโดยเฉพาะในการคุ้มครองจากโรคมะเร็ง ในยุคปัจจุบัน มะเร็งเป็นโรคที่มีอิทธิพลต่อชีวิตของคนไทยอย่างมาก จำนวนผู้ป่วยมะเร็งก็เพิ่มขึ้นทุกปี และมักพบเจอในคนที่ยังอยู่ในวัยเยาว์เริ่มต้น

LUMA ได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลกรุงเทพวัฒโนสถในการพัฒนาและปรับปรุงการรักษาและดูแลผู้ป่วยมะเร็งอย่างทันสมัย เพื่อให้มั่นใจได้ว่า LUMA สามารถมอบความคุ้มครองที่เหมาะสมสำหรับการรักษาในอนาคตไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็ง และเป็นเจ้าแรกของประเทศไทยที่นำ Multidisciplinary Tumor Board (MTB) มาใช้ในการรักษาคนไข้มะเร็ง  และไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายด้วยระบบ Direct Billing ที่ช่วยให้สมาชิกของ LUMA ไม่ต้องใช้เงินสำรองในการรักษาทั่วประเทศไทย

จุดเด่นของ LUMA:

  • วงเงินคุ้มครอง ตั้งแต่ 5 – 50 ล้านต่อปี
  • ค่าใช้จ่ายในการรักษามะเร็ง จ่ายตามจริง
  • ครอบคลุมการรักษามะเร็งผิวหนัง
  • คุ้มครองการรักษาคีโมบำบัด และ การฉายรังสี โดยไม่ต้องมีความคุ้มครองผู้ป่วยนอก
  • สำหรับโรคทั่วไป สามารถสมัครและคุ้มครองทันที ไม่มีระยะเวลารอคอย 

นอกจากนี้ LUMA ยังสามารถให้บริการคุ้มครองในต่างประเทศด้วย และมีการประสานงานอย่างรวดเร็วผ่านสำนักงานที่ตั้งอยู่ทั่วเอเชียและยุโรป เพื่อให้ความสะดวกสบายแก่สมาชิก

ดังนั้น LUMA เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองในการรักษาโรคมะเร็งและโรคร้ายอื่นๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายและมีการบริการที่สะดวกสบายและรวดเร็วทั้งในประเทศและต่างประเทศ หากสนใจรายละเอียดประกันมะเร็งเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ LUMA

 

AXA

AXA เป็นหนึ่งในบริษัทประกันที่เชื่อถือได้และมีชื่อเสียงในวงการประกันภัยทั่วโลก เป็นบริษัทประกันที่มีขนาดใหญ่และมีเครือข่ายที่กว่า 57 ประเทศทั่วโลก ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่สูง ทำให้ AXA เป็นที่เชื่อถือและเป็นที่เลือกของผู้เอาประกันภัยจากทั่วโลก

 

ในเรื่องของความคุ้มครองสำหรับมะเร็ง AXA มุ่งมั่นที่จะให้บริการที่ครอบคลุมและมีคุณภาพ เพื่อให้ลูกค้าได้รับการรักษาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ซึ่งแผนประกันสุขภาพของ AXA มีความคุ้มครองที่สูงและครอบคลุมทุกขั้นตอนของการรักษา รวมถึงการตรวจวินิจฉัย การรักษา และการฟื้นฟูหลังการรักษา นอกจากนี้ยังมีการครอบคลุมสำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการรักษามะเร็งต่าง ๆ อย่างครอบคลุม

 

AXA ประกันภัย มีทางเลือกให้ทั้งแบบ ประกันสุขภาพเหมาจ่ายที่ครอบคลุมถึงการรักษามะเร็ง และแบบ รับเงินก้อนเมื่อตรวจเจอโรคมะเร็ง

 

จถดเด่นของ AXA

  • วงเงินคุ้มครองสูงสุด 900,000 บาท
  • คุ้มครองมะเร็งทุกชนิด
  • คุ้มครองมะเร็งผิวหนัง 20% ของทุกประกัน
  • คุ้มครองตั้งแต่ระยะไม่ลุกลาม ไปถุงระยะลุกลาม
  • ระยะเวลารอคอย 90 วัน หลังจากวันเริ่มประกัน

 

ทั้งนี้ AXA ยังมีเครือข่ายโรงพยาบาลที่กว่า 400 แห่งทั่วโลก เพื่อให้ลูกค้าได้รับการรักษาและดูแลสุขภาพอย่างมีประสิทธิภาพ และมีความสะดวกสบายในการเข้าถึงบริการการรักษาและสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากแผนประกันสุขภาพของ AXA

 

ดังนั้น หากกำลังมองหาบริษัทประกันที่มีความเชื่อถือและมีคุณภาพในการประกันภัยสุขภาพ และมีความคุ้มครองสำหรับมะเร็ง AXA เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและครอบคลุมทุกด้านของความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น



ติดตาม ข่าวสาร และ โปรโมชั่นต่างๆ

ประกันมะเร็งที่ไหนดี

Allianz Ayudhya

Allianz Ayudhya เป็นบริษัทประกันที่เชื่อถือได้และมีความเชี่ยวชาญในการให้บริการประกันสุขภาพ โดยเฉพาะในด้านการรักษามะเร็ง ด้วยความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับความต้องการและความเครียดที่เกิดขึ้นจากการเผชิญหน้ากับโรคร้ายอย่างมะเร็ง บริษัทได้พัฒนาแผนประกันที่ครอบคลุมและมีความคุ้มครองสำหรับผู้เอาประกันภัยในกรณีของมะเร็งอย่างเหมาะสม 

 

จุดเด่นของ Allianz Ayudhya

  • ความคุ้มครองสูงถึง 100,000.000 บาท
  • คุ้มครองมะเร็งทุกระยะ
  • มีทั้งแบบ ประกันสุขภาพเหมาจ่ายที่ครอบคลุมมะเร็ง และ รับเงินก้อนเมื่อตรวจพบมะเร็ง
  • มีระยะเวลารอคอย 90 วันนับจากวันที่เริ่มประกัน

 

นอกจากนี้ Allianz Ayudhya ยังมีบริการ My Doctor บริการปรึกษาแพททย์ผ่านระบบวีดีโอคอล และ เครือข่ายโรงพยาบาลที่กว้างทั่วประเทศ มั่นใจได้ว่าเมื่อต้องใช้บริการ จะรวดเร็วและราบรื่น

 

MTL เมืองไทยประกันชีวิต

เมืองไทยประกันชีวิต เริ่มกิจการอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2494 เป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งแรกที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณแต่งตั้งให้เป็นบริษัทประกันชีวิต ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีสิทธิใช้ตราครุฑ ในเอกสารของ บริษัทฯ และเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งแรกที่ได้รับใบรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2000 ได้ขยายสำนักงานสาขาและสำนักงานตัวแทนไปทั่วประเทศกว่า 210 สาขา

 

จุดเด่นของประกันมะเร็งจาก MTL

  • คุ้มครองสูงสุด 2,000,000 บาท
  • คุ้มครองโรคมะเร็งระยะไม่ลุกลาม สูงสุด 300,000  บาท
  • คุ้มครองโรคมะเร็งระยะลุกลาม สูงสุด 2,000,000 บาท
  • ผลประโยชน์รายวันกรณีเข้ารับการรักาาแบบผู้ป่วยใน จาก โรคมะเร็ง สูงสุด วันละ 10,000 บาท
  • ระยะเวลารอคอย 60 วัน นับจากวันที่เริ่มประกัน

 

เรื่องจากเป็นบริษัทประกันชีวิต จึงจำเป็นต้องมีสัญญาหลักก่อน ถึงจะสามารถซื้อประกันมะเร็งเสริมได้ และควรดูรายละเอียดแผนอย่างละเอียด เนื่องจากบางแผนไม่คุ้มครองการรักษามะเร็งแบบ OPD ผู้ป่วยนอก

 

LMG 

บริษัท แอลเอ็มจี ประกันภัย จำกัด (มหาชน) เดิมชื่อ บริษัท นารายณ์สากลประกันภัย จำกัด LMG insurance เป็นบริษัทประกันภัยระดับโลกที่เปิดบริการมายาวนานกว่า 100 ปีจากการให้บริการใน 15 ประเทศทั่วโลกและมีสาขาในประเทศไทยมากถึง 50 สาขาเลยทีเดียว

 

  • คุ้มครองสูงสุดถึง 500,000 บาท
  • คุ้มครองโรคมะเร็งทุกระยะ ยกเว้น มะเร็งผิวหนัง
  • มะเร็งผิวหนัง คุ้มครองสูงสุด  100,000 บาท
  • คุ้มครอง เคมีบำบัด และ การรักษาด้วยการฉายแสงรังสี สูงสุด 25,000 บาท
  • ชดเชยรายได้ขณะรักษาตัวในโรงพยาบาล

 

หากต้องใช้บริการ สามารถไปใช้บริการโรงพยาบาลในเครือข่ายที่มีมากกว่า 200 แห่ง โดยไม่ต้องสำรองจ่าย เพียงแสดง Care Card ให้กับเจ้าหน้าที่ได้เลย





สรุป

ประกันมะเร็งมีให้เลือกหลายแบบ ไม่ว่าเป็นแบบ เหมาจ่าย หรือแบบ รับเงินก้อนเมื่อตรวจพบมะเร็ง การตัดสินใจเลือกประกันมะเร็ง ควรดูความคุ้มครองว่าพอกับค่ารักษาหรือไม่ การใช้งานและบริการของบริษัทประกัน เพราะเมื่อข่าวร้ายมาถึง แน่นอนว่าควรได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ 

ประกันสุขภาพเหมาจ่ายที่ไหนดี 2567

ประกันสุขภาพเหมาจ่ายมีให้เลือกค่อนข้างเยอะในทุกวันนี้ และด้วยข้อมูลที่คอนข้างเยอะ รายละเอียดที่ต้องสนใจเยอะ ทำให้การตัดสินใจอาจจะลำบากกว่าที่ควรเป็น

LUMA ได้ทำการบ้านมาให้แล้ว ว่าบริษัทไหนดีอย่างไร 

  1. LUMA
  2. AXA
  3. MTL
  4. LMG 
  5. Pacific Cross
  6. Allianz Ayudhya
  7. วิริยะประกันภัย
  8. April
  9. Falcon Insurance

ในเมื่อเลือกแล้ว ว่าตา้องการประกันสุขภาพเหมาจ่าย ต่อมาควรมาดูว่าแต่ละบริษัทต่างกันอย่างไรบ้าง การเลือกประกันสุขภาพเหมาจ่าย ไม่ควรมองข้ามรายละเอียดทั้งเล็กและใหญ่ นอกจากความคุ้มครองที่เป็นวงเงินแล้ว ยังมีบริการด้านอื่นๆ ที่อยากแนะนำให้พิจารณาด้วย

  1. LUMA ประกันสุขภาพเหมาจ่าย

บริษัทแรกที่อยากแนะนำ คือ LUMA ที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องประกันสุขภาพ โดยเฉพาะด้านมะเร็ง ซึ่งทุกวันนี้ มะเร็งเป็นโรคอันดับหนึ่งที่พรากชีวิตคนไทย จำนวนผู้ป่วยมะเร็งที่เพิ่มขึ้นทุกปี และ พบเจอในคนอายุน้อยลง LUMA ได้จับมือร่วมกับโรงพยาบาลกรุงเทพวัฒโนสถพลิกโฉมการรักษาและดูแลผู้ป่วยมะเร็ง และมั่นใจได้ว่า LUMA สามารถมอบความคุ้มครองที่พอเพียงสำหรับการรักษาในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น มะเร็ง หรือ โรคร้ายอื่นๆ และไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ด้วยบริษัท Direct Billing ที่ทำให้สมาชิกของ LUMA ไม่ต้องสำรองจ่ายทั่วประเทศไทย นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ความคุ้มครองของ LUMA ในต่างประเทศด้วย และได้รับการประสานงานอย่างรวดเร็วผ่านสำนักงานทั่วเอเชียและโซนยุโรป

 LUMA ประกันสุขภาพเหมาจ่าย มีจุดเด่นอะไรบ้าง

  • วงเงินคุ้มครองสูง ตั้งแต่ 5,000,000 – 50,000,000
  • ห้องเดี่ยวมาตรฐาน ในเครือข่าย LUMA จ่ายตามจริง
  • กรณีเข้ารักษาในห้อง ICU จ่ายตามจริง
  • หากเกิดอุบัติเหตุภายใน 24 ชั่วโมง จ่ายตามจริง
  • คุ้มครองการทำศัลยกรรมเพื่อแก้ไขความผิดปกติที่เกิดจากอุบัติเหตุ รวมทันตกรรม จ่ายตามจริง (โดยไม่ต้องมี OPD เพิ่มเติม)
  • คุ้มครองโรคร้ายแรง และ มะเร็ง จ่ายตามจริง พร้อมแนะนำและหาทางรักษาที่ดีที่สุดสำหรับแต่ละเคส
  • บริการความคิดเห็นที่สองทางการแพทย์ฟรี ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
  • รับความคุ้มครองทันที ไม่มีระยะเวลารอคอย 30 วัน
  • สมัครได้ตั้งแต่ 15 วัน – 70 ปี 
  • ต่ออายุไดุ้ถึง อายุ 99 ปี 

นอกจากความคุ้มครองที่น่าสนใจ LUMA ยังสามารถมอบส่วนลดให้ ไม่ว่าจะเป็นการลดค่าเบี้ยด้วย Deductible หรือค่าใช้จ่ายส่วนแรก แลกส่วนลดได้สูงสุด 45% หรือ สมัครเป็นครอบครัวลดสูงถึง 20% แผนประกันสุขภาพเหมาจ่าย แบบ Hi5 หรือ PRIME จาก LUMA สามารถมอบความคุ้มครองให้กับทุกท่าน

LUMA ยังมีทางเลือกในการชำระค่าเบี้ยประกันให้เพิ่มเติม เช่น จ่ายรายปี แบ่งชำระ 4 เดือนติดต่อกัน หรือ ผ่อนจ่าย นาน 10 เดือน  โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มใดๆ และที่สำคัญ ความคุ้มครอง และ บริการต่างๆที่ LUMA มอบให้ ใช้ได้ตั้งแต่วันเริ่มที่กรมธรรม์ประกัน ต่อให้ยังแบ่งชำระ ก็สามารถใช้บริการทั้งหมดของ LUMA ได้ ไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาค่อยนำมาเบิกโดยไม่ต้องรอชำระครบก่อน 

 

หากสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อ LUMA โดยตรงได้เลย

  1. AXA ประกันสุขภาพเหมาจ่าย

AXA เป็นชื่อบริษัทที่ค่อนข้างคุ้นเคย โดยมีเครือข่ายกว่า 57 ประเทศและสำนักงานทั่วโลก

มีแผนประกันสุขภาพเหมาจ่ายให้เลือกหลายแบบ ด้วยความคุ้มครองสูงถึง 100 ล้านบาทต่อปี และ เครือข่ายโรงพยาบาล กว่า 400 แห่ง

จุดเด่นของประกันสุขภาพเหมาจ่ายจาก AXA มีดังนี้

  • วงเงินคุ้มครองตั้งแต่ 1,000,000 – 100,000,000 บาท
  • ค่าห้องและค่าอาหาร ตั้งแต่ 3,000 บาท จนถึง จ่ายตามจริง สำหรับห้องเดี่ยวมาตรฐาน ขึ้นอยู่กับแผนที่เลือก
  • กรณีเข้ารักษาห้อง ICU มีให้เลือกวงเงินตั้งแต่ 6,000 บาทต่อคืน จนถึง จ่ายตามจริง ขึ้นอยู่กับแผนที่เลือก
  • คุ้มครองอบุติเหตุภายใน 24 ชั่วโมง สามารถเลือกวงเงินตั้งแต่ 30,000 บาทต่อครั้ง จนถึง จ่ายค่าใช้จ่ายตามจริงทั้งหมด
  • มีระยะเวลารอคอย 30 วัน ถึงจะเริ่มใช้ประกันได้
  • สามารถจ่ายเป็นรายปี หรือ แบ่งสำระ 3 เดือนติดกัน

สำหรับใครที่กำลังมองประกันสุขภาพเหมาจ่ายจาก AXA และ อายุไม่เกิน 40 ปี ยังสามารถลดค่าเบี้ยประกันด้วยการใช้ Deductible มีทั้งแบบ ค่ารับผิดชอบส่วนแรกรายปี และ ทุกครั้งที่เข้ารับการรักาา ขึ้นอยู่กับแผนที่เลือก

  1. MTL ประกันสุขภาพเหมาจ่าย

MTL หรือ เมืองไทยประกันชีวิต บริษัทนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียงที่คุ้นหู และมีแผนให้เลือกหลายแบบ หลายสไตล์ ตามความต้องการ 

จุดเด่นของประกันสุขภาพเหมาจ่ายจาก MTL มีดังนี้ 

  • วงเงินคุ้มครองตั้งแต่ 1,000,000 – 100,000,000 บาท ต่อปี
  • ห้องเดี่ยวมาตรฐาน จ่ายตามจริง สูงสุด 12,000 บาทต่อวัน
  • กรณีนอนห้อง ICU จ่ายตามจริง
  • โรคร้ายแรง และมะเร็ง จ่ายตามจริง
  • มีระยะเวลารอคอย 30 วัน
  • จ่ายรายปี หรือ รายเดือน แต่เดือนแรกจะต้องชำระ 2 เดือน

ด้วยเบี้ยประกันที่เริ่มต้นไม่ถึง 20,000 บาท เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่หลายคนสนใจ แต่ต้องไม่ลืมว่า ประกันสุขภาพเหมาจ่ายจาก MTL จำเป็นต้องมีประกันชีวิตคู่ 1 กรมธรรม์ ซึ่งอาจจะไม่ตอบโจทย์ทุกท่าน

  1. LMG ประกันสุขภาพเหมาจ่าย

บริษัท LMG อีกหนึ่งบริษัทที่ได้ยินชื่อมายาวนาน ตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปี 2518 เป็นที่พอรู้จักในคนไทย มีทั้งหมด 7 สาขาในโซนเอเชีย 2 สาขาที่ยุโรป และ 3 สาขาแถวลาตินอเมริกา แผนประกันสุขภาพมีหลายแบบให้เลือก และมีโรงพยาบาลในเครือข่ายทั่วประเทศ

จุดเด่นของประกันสุขภาพเหมาจ่ายจาก LMG มีดังนี้

  • วงเงินมีทั้งแบบ ต่อครั้ง และ ต่อปี 
  • วงเงินคุ้มครองตั้งแต่ 400,000 บาท – 80,000,000 บาท
  • ค่าห้องและค่าอาหาร ตั้งแต่ 2,000 – 16,000 บาท ต่อวัน
  • กรณีนอนรักษาในห้อง ICU จ่ายตามจริง
  • มีระยะเวลารอคอย 30 วัน และ ระยะเวลารอคอย 120 วันสำหรับโรคร้ายแรง

สำหรับใครที่กำลังสนใจแผนประกันสุขภาพเหมาจ่าย จาก LMG สามารถเลือกความคุ้มครองที่ค่อนข้างกว้าง และ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกเพิ่มค่าใช้จ่ายส่วนแรก หรือ Deductible เพื่อลดค่าเบี้ยประกันได้

สำหรับแผนประกันสุขภาพเหมาจ่ายของ LMG จะมีชำระแบบรายปีเท่านั้น

ติดตาม ข่าวสาร และ โปรโมชั่นต่างๆ

  1. Pacific Cross ประกันสุขภาพเหมาจ่าย

Pacific Cross เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่น่าสนใจ ที่ใมห้บริการผลิตภัณฑ์ประกันภัยแก่ลูกค้ามามากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก มีโรงพยาบาลในเครือกว่า 450 แห้ง และมีการมอบส่วนลดในกรณีที่ไม่มีเคลม

จุดเด่นของประกันสุขภาพเหมาจ่าย จาก Pacific Cross มีดังนี้

  • แผน Standard มอบความคุ้มครอง 270,000 บาทต่อการพักรักษาเป็นผู้ป่วยในครั้งใดครั้งหนึ่ง
  • ค่าห้องและค่าอาหาร มีให้ วันละ 2,000 บาท
  • กรณีนอนห้อง ICU คุ้มครอง วันละ 4,000 บาท แต่ไม่เกิน 15 วันต่อปี
  • คุ้มครองอุบัติเหตุ ภายใน 24 ชั่วโมง วงเวิน 4,000 บาทต่อครั้ง
  • มีระยะเวลารอคอย 30 วัน
  • สามารถจ่ายค่าเบี้ย รายปี ราย 6 เดือน หรือ ราย 3 เดือน โดยมี ค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมเล็กน้อย

เป็นอีกหนึ่งทางเลือก สำหรับหลายๆท่านที่กำลังมองหาความคุ้มครองเพิ่มเติม ด้วยเบี้ยราคาสบายกระเป๋า ตั้งแต่ ไม่ถึงหมื่น จนถึง หมื่นต้นๆ ทำให้ตอบโจทย์หลายๆ ท่าน แถมยังมีความคุ้มครองกรณีฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมงทั่วโลก สามารถสบายใจได้เลย

  1. Allianz Ayudhya ประกันสุขภาพเหมาจ่าย

เป็นชื่อบริษัทที่ค่อนข้างคุ้มหู และมีความคุ้มครองให้เลือกมากมาย บริษัทได้ก่อคั้งเมื่อปี 2494 และสามารถภือเป็นบริษัทประกันชีวิต อันดับต้นๆของประเทศ และมีสาขากว่า 100 สาขาทั่วประเทศไทย

จุดเด่นของแผนประกันสุขภาพเหมาจ่าย จาก Allianz Ayudhya มีดังนี้

  • ความคุ้มครองตั้งแต่ 250,000 บาท ถึง 30,000,000 บาทต่อปี
  • คุ้มครองค่าห้อง ตั้งแต่ 1,400 – 15,000 บาท ต่อวัน 
  • มีความคุ้มครองหากรักษาตัวในห้อง ICU
  • มีความคุ้มครองอุบัติเหตุภายใน 24 ชั่วโมง วงเงินตั้งแต่ 2,200 บาท – จ่ายค่ารักษาตามจริง
  • มีระยะเวลารอคอย 30 วัน
  • มีระยะเวลารอคอย 90 วันสำหรับโรคเรื้อรัง

สำหรับแผนประกันสุขภาพเหมาจ่ายของ Allianz Ayudhya สามารถจ่ายทั้งรายปี และ รายเดือน โดยต้องชำระรายเดือนผ่านบัตรเครติดเท่านั้น โดยส่วนมาก ผู้เอาประกันจะต้องอายุระหว่าง 18 – 65 ปี และหากอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป จะต้องมีใบรับรองแพทย์ หรือมีประวัติโรคประจำตัวในการสมัคร

  1. วิริยะประกันภัย ประกันสุขภาพเหมาจ่าย

บริษัทไทยที่คุ้นเคย ที่มีการดำเนินการในประเทศไทยมา 77 ปี และ  มีสาขาและศูนย์รวมกว่า 160 แห่ง และมีสถานพยาบาลคู่สัญญาทั้งหมด 579 แห่ง ในประเทศไทย

จุดเด่นของแผนประกันสุขภาพเหมาจ่าย จาก วิริยะประกันภัย มีดังนี้

  • วงเงินคุ้มครองตั้งแต่ 400,000 – 4,500,000 บาทต่อครั้ง
  • ค่าห้องคุ้มครองตั้งแต่ 3,000 บาทต่อวัน ถึง 12,000 บาทต่อวัน
  • ใช้บริการโรงพยาบาลคู่สัญญาไม่ต้องสำรองจ่าย
  • มีระยะเวลารอคอย 30 วัน
  • ไม่ปฏิเสธการต่ออายุแม้มีการเคลม
  • บริการ Health Advisory

สำหรับแผนประกันจากวิริยะ สามารถสมัครได้ตั้งแต่อายุ 15 วัน ถึง 65 ปี สำหรับผู้ที่เอาประกันอายุ 61-65 ปี จะสามารถต่ออายุได้ถึง 70 ปี แต่ถ้าผู้เอาประกันอายุยังไม่ถึง 60 ปี สามารถต่ออายุยาวๆ ถึง 100 ปี สำหรับการชำระค่าเบี้ยของวิริยะประกันภัย สามารถชำระทั้งรายปี และ รายเดือน โดยจะต้องแบ่งชำระผ่านบัตรเครติดเท่าน้ัน

  1. April ประกันสุขภาพเหมาจ่าย

บริษัทดังมาจากต่างประเทศและได้จดทะเบียนในประเทศไทยมาเกือบ 20 ปี มีแผนประกันสุขภาพที่ตอบโจทย์ทุกวัย ทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าเป็นครอบครัว หรือ ผู้ที่ชอบเดินทางต่างประเทศ สามารถหาความคุ้มครองที่ตอบโจทย์

จุดเด่นของแผนประกันสุขภาพเหมาจ่าย จาก April มีดังนี้

  • วงเงินคุ้มครองตั้งแต่ 2.275 ล้านบาท ถึง 65.5 ล้านบาท ต่อปี
  • ค่าห้องเดี่ยวมาตรฐาน จ่ายตามจริง
  • กรณีรักษาห้อง ICU จ่ายตามจริง
  • ไม่มีระยะเวลารอคอย 
  • สามารถจ่ายค่าเบี้ยเป็นรายปี หรือ แบ่งชำระ 3 เดือนติดต่อกัน 

April ประกันจากฝรั่งเศษเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจมาก ความคุ้มครองที่ครอบคลุม และค่อนข้างมีชื่อเสียงในกลุ่มประกันครอบครัว สามารถติดต่อบริษัทประกันล่วงหน้า และประสานงานกับโรงพยาบาล เพื่อไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษา แต่ในกรณีที่แบ่งชำระค่าเบี้ยประกัน ผู้เอาประกันจะต้องสำรองจ่ายแล้วนำมาเบิกก่อน จนกว่าบริษัทประกันจะได้รับค่าเบี้ยครบ

 

  1. Falcon ประกันสุขภาพเหมาจ่าย

บริษัท ฟอลคอนประกันภัย จำกัด ได้ดำเนินธุรกิจประกันภัยมา กว่า 39 ปีในประเทศไทย และเป็นที่รู้จักสำหรับคนไทย ประกันสุขภาพเหมาจ่ายจาก Falcon Insurance มีให้เลือกค่อนข้างมาก แต่ละแผนจะมีการคุ้มครองที่แตกต่างออกไป และมีโรงพยบาลในเครือข่ายกว่า 280 แห่งทั่วประเทศ

จุดเด่นของแผนประกันสุขภาพเหมาจ่าย จาก Falcon มีดังนี้

  • วงเงินคุ้มครองตั้งแต่ 300,000 – 5,000,000 บาทต่อปี 
  • วงเงินค่าห้้อง ตั้งแต่ 5,000 บาท – 20,000 บาท ต่อวัน
  • กรณีรักษาห้อง ICU คุ้มครองตั้งแต่ 10,000 – 40,000 บาทต่อวัน
  • ไม่ต้องสำรองจ่าย 
  • มีระยะเวลารอคอย 30 วัน
  • สามารถชำระเบี้ยประกันเป็นรายปีเท่านั้น

สำหรับผู้ที่สนใจประกันสุขภาพเหมาจ่ายจาก Falcon ผู้เอาประกันจะต้องมีอายุ 5 ปี ถึง 70 ปี และสามารถต่ออายุได้ถึง 80 ปี

สรุป

การเลือกซื้อประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย มีรายละเอียดหลายๆ องประกอบที่ควรจะนำไปพิจราณาพร้อมๆกัน ไม่ว่าเป็นเรื่องของบริษัทประกันภัย แผนและวงเงินที่เหมาะสม หรือ บริการเพิ่มเติมจากแต่ละบริษัทที่จะทำให้การใช้งานประกันสุขภาพเมื่อจำเป็นราบรื่นขึ้น หากสนใจดูการเปรียบเทียบประกันสุขภาพเหมาจ่าย เพิ่มเติม เพื่อเทียบแผนต่อแผนอย่างละเอียอด สามารถติดต่อ LUMA และขอข้อมูลเพิ่มเติม