เที่ยวจอร์เจีย 2024 ทำไมคนไทยชอบไปเที่ยวจอร์เจีย ?

หากย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว หลายคนอาจไม่เคยได้ยินหรือไม่รู้จัก ประเทศจอร์เจียเนื่องจากสถานที่คนส่วนใหญ่นิยมไปเที่ยวฝั่งยุโรป เช่นประเทศฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี สวิสเซอร์แลนด์ หรืออังกฤษซะมากกว่า แต่ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมานี้ ชื่อประเทศจอร์เจียมักจะขึ้นมาในหมุดหมายของนักท่องเที่ยวอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่นักท่องเที่ยววัยรุ่น วัยทำงานที่นิยมไปกันเป็นกลุ่ม เป็นแก็งค์ จากที่เห็นผ่านโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เพราะมีทั้งธรรมชาติ ป่า เขา แม่น้ำที่สวยงาม และยังมีศิลปะวัฒนธรรม อาหารที่หลากหลาย บอกเลยว่าต้องได้ไปจอร์เจียซักครั้งในชีวิต 

 
ประเทศจอร์เจียหรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐจอร์เจีย นั้นตั้งอยู่สุดขอบทวีปเอเชียหรือเรียกว่าเป็นประเทศแนวเขตดินแดนสองทวีป (Transcontinental) มีประชากร 4-5 ล้านคนโดยประมาณ โดยภูมิประเทศของที่นี่จะทอดตัวตามแนวยาวของเทือกเขาคอเคซัส (Caucasus) ที่เป็นพรมแดนแบ่งระหว่างทวีปยุโรปและเอเชีย ทำให้หลาย เมืองของที่นี่ปกคลุมไปด้วยธรรมชาติ และป่าเขา มีประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ ประเทศรัสเซียในด้านทิศเหนือและตะวันออก ประเทศตุรกีทางทิศใต้ และติดกับทะเลดำฝั่งทิศตะวันตก ส่วนเมืองหลวงของจอร์เจียก็คือ เมืองทบลิซี (Tbilisi)  และมีเมืองบาทูมิ (Batumi) เป็นเมืองท่า และประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศนี้นับถือศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ (Orthodox)  
 
พอจะรู้จักประเทศจอร์เจียกันแบบคร่าว แล้ว มาดูเหตุผลที่หลาย คนอยากไปประเทศจอร์เจียกันบ้างดีกว่า 

 

ภูมิประเทศที่สวยงาม

อย่างที่เล่าไปตอนต้นว่าภูมิประเทศจอร์เจียนั้นเป็นแนวป่าเขาซะส่วนใหญ่ ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสธรรมชาติได้อย่างเต็มที่แบบไม่มีวันเบื่อ ! ถึงแม้จะเป็นประเทศเล็ก แต่ก็มีกิจกรรมให้ลองทำมากมาย ยกตัวอย่างเช่น ปีนเขา ล่องแก่ง ชมทะเลดำ เล่นสกี เดินป่า หรือชมดอกไม้แบบครบรส บอกเลยว่านักท่องเที่ยวสายผจญภัยจะต้องหลงรักจอร์เจียอย่างแน่นอน ! 

ประเทศจอร์เจีย

ไวน์ที่เลื่องลือ

จอร์เจียถือว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำไวน์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ยาวนานถึงเมื่อประมาณ 8,000 ปีที่แล้ว โดยใช้เทคนิคการทำไวน์แบบดั้งเดิมหรือที่เรียกว่า Qvevri เป็นการหมักไวน์ในไหดิน จากนั้นฝังอยู่ใต้ดินและหมักตามระยะเวลาที่กำหนด ทำให้ได้รสชาติของจากหมักจากธรรมชาติอย่างแท้จริงและมีสีที่เข้มข้น และที่สำคัญอีกอย่างนึงคือไวน์ที่จอร์เจียมีราคาที่จับต้องได้ โดยเริ่มที่ราคาเพียงขวดละ 5-7 ลารี หรือประมาณ 150- 200 บาท ไปจนถึงขวดละ 20-40 ลารี หรือประมาณ 250-400 บาท ถือว่าราคาดีมาก ๆ เทียบกับคุณภาพของการได้ลิ้มลองไวน์รสชาติดั้งเดิม  

Qvevri
georgia wine

ฟรีวีซ่า 1 ปี! และไม่ต้องกักตัว 

การเดินทางไปเที่ยวจอร์เจียนั้นไม่ต้องทำวีซ่าให้ยุ่งยาก ถือว่าโชคดีมากสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยอย่างเรา ได้เที่ยวยาว ไปเลย นานถึง 365 วัน พาสปอร์ตเล่มเดียวก็เที่ยวได้ และนอกจากนี้ยังไม่ต้องกักตัวอีกด้วย เพียงแค่แสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนโควิด 19 ก็สามารถเข้าประเทศได้แล้ว 

ค่าครองชีพถูกแสนถูก 

จอร์เจียนั้นใช้สกุลเงิน ลารีจอร์เจีย (Lari Georgia) 1 ลารี มีค่าประมาณ 13 บาทไทย (ข้อมูล วันที่ 23 มี.ค. 2566) แต่ว่าต้องแลกเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) หรือ ยูโร (EUR) เนื่องจากปัจจุบันยังไม่สามารถแลกเงินลารีไปจากประเทศไทยได้ จอร์เจียถือเป็นประเทศที่ค่าครองชีพค่อนข้างต่ำ ถ้าเทียบกับเมืองท่องเที่ยวอื่น คุณสามารถหาที่พักในราคาคืนละ 1,000 กว่าบาทได้ แถมค่าอาหารแต่ละมื้อยังตกคนละประมาณ 200 – 300 บาท น้ำขวดละ 10 – 20 บาท การเดินทางและค่ารถโดยสารก็ราคาถูก เรียกได้ว่าราคาพอ กับการอยู่อาศัยในกรุงเทพหรือเผลอ ๆ อาจจะถูกกว่าด้วยซ้ำ และสถานที่ท่องเที่ยวส่วนมากในจอร์เจียมักจะเปิดให้เข้าชมฟรีอีกด้วย  

อาหารพื้นเมืองที่หลากหลาย

 
อาหารจอร์เจียส่วใหญ่จะประกอบไปด้วยแป้ง ชีส และมะเขือเทศเป็นหลัก และส่วนใหญ่มีรสชาติที่ค่อนข้างเค็ม เมนูอาหารประจำชาติของที่นี่คือพิซซ่าชีส หรือ Khachapuri และ Khinkali ลักษณะคล้าย ๆ เสี่ยวหลงเปา และนอกจากนี้ยังมีเมนูอาหารมากมายที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างฝั่งยุโรปและเอเชียทำให้เกิดเมนูรสชาติใหม่ ๆ ที่แปลกตาสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเรา  

พิซซ่าชีส
Khinkali

สถาปัตยกรรมทางประวัติศาสตร์อันยาวนาน

ครั้งนึงในอดีต จอร์เจียนั้นเคยอยู่ภายใต้การปกครองของสหภาพโซเวียต ทำให้ในปัจจุบันยังคงมีร่องรอย และซากปรักหักพังของสิ่งปลูกสร้าง อาคารบ้านเรือนที่ได้รับอิทธิพลในช่วงนั้น นอกจากนี้ยังมีสถาปัตยกรรมมากมายที่เป็นสไตล์ยุโรป ไม่ว่าจะเป็นโบสถ์ ปราสาท หอคอย ราชวังต่าง ๆ สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงยกตัวอย่างเช่นโบสถ์เกอเกติ (Gergeti Trinity Church) สร้างด้วยหินแกรนิตขนาดใหญ่ ที่มีการออกแบบประตูและหน้าต่างอย่างโดดเด่น และมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งทบลิซี (Holy Trinity Cathedral of Tbilisi) เป็นโบสถ์ที่ประดับด้วยหลังคาสีทองสไตล์ไบแซนไทน์ (Byzantine) อันสวยงาม อีกทั้งยังเป็นโบสถ์ออร์โธดอกซ์ที่มีความสูงเป็น อันดับที่ 3 ของโลกอีกด้วย และแลนด์มาร์คอีกแห่งก็คืออนุสาวรีย์ประวัติศาสตร์จอร์เจีย (The Chronicle of Georgia) ก่อสร้างด้วยแท่งหินสีดำขนาดใหญ่ แกะสลักเป็นรูปต่าง ๆ บอกเล่าเรื่องราวของ ศาสนาคริสต์ ข้าราชการชั้นสูง และเหตุการณ์สำคัญในประเทศ

โบสถ์เกอเกต
มหาวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งทบลิซี
อนุสาวรีย์ประวัติศาสตร์จอร์เจีย

ไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปี

ต้องบอกเลยว่าประเทศจอร์เจียเป็นประเทศที่เที่ยวได้ตลอดทั้งปี ขึ้นอยู่กับว่าชอบบรรยากาศแบบไหน 
ถ้าอยากเจออากาศหนาว หิมะตก เล่นสกี แนะนำว่าให้ไปช่วงเดือนธันวาคมกุมภาพันธ์ อุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ -5 ถึง 10 องศาเซลเซียส 
อยากชมดอกไม้นานาชนิดในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ให้ไปในช่วงเดือนมีนาคมพฤษภาคม อุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 10 – 25 องศาเซลเซียส เป็นช่วงที่เที่ยวได้แบบสบาย ๆ  

อยากชมป่าเขา ต้นไม้เขียว ร่มรื่น ดอกไม้บานเต็มต้น ให้ไปในช่วงเดือนมิถุนายนสิงหาคม อุณหภูมิจะอยู่ที่ 16 – 30 องศาเซลเซียสถือว่าเป็นฤดูร้อน ค่อนข้างมีแดดแรง 
อยากชมใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง อากาศเย็น ๆ ให้ไปช่วงเดือนกันยายนพฤศจิกายน โดยอุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 5 – 20 องศาเซลเซียส 

 

การต้อนรับจากเจ้าบ้าน

คนส่วนใหญ่ที่จอร์เจียจะยิ้มแย้มและอัธยาศัยดีการดำเนินชีวิตของผู้คนที่นี่จะเป็นแบบเรียบง่าย สบาย ๆ  ไม่ค่อยเร่งรีบ และด้วยวิถีการดำเนินชีวิตเหล่านั้นเองก็ส่งผลมาถึงนักท่องเที่ยวด้วย เช่น ไม่ว่าจะแวะไปร้านขายของใด ๆ พ่อค้าแม่ค้าจะมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมต้อนรับเราเสมอ หรือแม้กระทั่งผู้คนที่เดินผ่านไปมา ถือว่าเป็นไลฟ์สไตล์ที่น่ารักและน่าไปสัมผัสมาก ๆ เลยทีเดียว 

การเดินทาง  

การเดินทางไปจอร์เจีย ณ ปัจจุบันยังไม่มีเที่ยวบินที่บินตรงจากกรุงเทพฯ โดยจะต้องเดินทางไปต่อเครื่องที่ประเทศใกล้เคียง เช่น ที่เมืองดูไบ (Dubai) ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมืองอัลมาตี้ (Almaty) ประเทศคาซัคสถาน หรือเมืองอิสตันบูล (Istanbul) ประเทศตุรกี แล้วถึงค่อยไปลงที่สนามบินทบลิซี (Tbilisi International Airport) ระยะเวลาในการเดินทางจะอยู่ที่ประมาณ 11-12 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับสายการบินโดยเวลาประเทศจอร์เจียจะช้ากว่าประเทศไทยประมาณ 3 ชั่วโมง 

 
สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วเกิดอยากจะไปเที่ยวหรือว่ากำลังวางแผนไปเที่ยวต่างประเทศอยู่ ทางลูม่าขอฝากประเทศจอร์เจียและประกันเดินทางต่างประเทศไว้ในทริปต่อ ๆ ไปด้วยนะคะ เพราะถึงแม้ว่าประเทศจอร์เจียจะไม่ได้อยู่ในรายชื่อประเทศกลุ่มเชงเก้น และการเดินทางเข้าประเทศจอร์เจียไม่ต้องสมัครวีซ่าเชงเก้น ประกันเดินทางต่างประเทศของเราก็คุ้มครองการเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศจอร์เจีย  
เมื่อพูดถึงเรื่องอุบัติเหตุแล้ว เป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับตัวเองทั้งนั้น ถึงแม้ว่าบางคนอาจจะซื้อประกันเดินทางไปทุกทริปแต่ไม่เคยได้ใช้เลย คิดว่าไปเที่ยวรอบนี้คงไม่จำเป็นต้องซื้อ คงไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น แต่นั่นเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดเดาได้ และเมื่อเกิดเหตุดังกล่าวขึ้นมาแล้วมักจะตามมาด้วยภาระค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง และการติดต่อที่มากมายหลายขั้นตอน สิ่งที่จะตามมาก็คือ รู้งี้น่าจะทำประกันก่อนมาเที่ยวเพราะฉะนั้นแล้วการมีประกันเดินทางเพื่อไปเที่ยวในทุก ๆ ทริป จะทำให้คุณมีความอุ่นใจ สบายใจ ไม่ต้องกังวลหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นมา ประกันเดินทางจอร์เจีย จากลูม่าให้ความคุ้มครองสูงสุดถึง 5 ล้านบาท เบี้ยเริ่มต้นเพียงแค่ 199 บาท เท่านั้น ! 

Table of Contents

You May Also Like

ค่ารักษา RSV
บทความ

ค่ารักษา RSV ในโรงพยาบาลเท่าไหร่

การรักษาอาร์เอสวี (RSV) ปัจจุบันยังไม่มีวิธีและยารักษา RSV เฉพาะ การรักษาจะมุ่งเน้นไปที่การบรรเทาอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อน โดยแพทย์จะสั่งยาเพื่อรักษาตามอาการ เช่น ยาแก้ปวด ยาแก้ไอ ยาละลายเสมหะ หรือยาขยายหลอดลม รวมไปถึงรักษาแบบประคับประคองอาการโดยให้พักผ่อนให้เพียงพอ ให้ทานอาหารอ่อน ในเด็กบางรายที่มีเสมหะเหนียวมากต้องทำการพ่นยาขยายหลอดลมผ่านทางออกซิเจนละอองฝอย เคาะปอด และดูดเสมหะออก การรักษา RSV มักใช้เวลาประมาณ …

ประกันเดินทางต่างประเทศช่วยได้ยังไงบ้าง
บทความ

เมื่อมีประกันเดินทางต่างประเทศช่วยได้ยังไงบ้าง มาหาคำตอบเลย

ทุกครั้งเมื่อวางแผนเตรียมเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ หรือด้วยเหตุผลใดก็ตามมักมีคำบอกเตือนจากคนรอบข้างกันอยู่เสมอว่าควรทำประกันเดินทางต่างประเทศติดไว้ด้วย เผื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นอย่างน้อยที่สุดก็ยังสบายใจด้านค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตามสำหรับใครที่ยังมีข้อสงสัยว่าหากเกิดเหตุดังกล่าวจริงประกันเดินทางช่วยได้ยังไงบ้าง ตอบโจทย์ความคุ้มค่ามากน้อยแค่ไหน ขอพาทุกคนมาหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องของประกันเดินทางกันเลยดีกว่า! ความแตกต่างของประกันเดินทางกับประกันบุคคลประเภทอื่น  สิ่งที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนมากคือเงื่อนไขกรมธรรม์ที่ระบุเอาไว้ โดยประกันเดินทางจะให้ความคุ้มครองเมื่อคุณท่องเที่ยวในประเทศแล้วเกิดเหตุไม่คาดฝันทำให้ต้องเข้าโรงพยาบาล ขณะที่ประกันเดินทางต่างประเทศก็คุ้มครองเมื่อผู้เอาประกันพำนักอาศัยอยู่ต่างประเทศเป็นการชั่วคราว เช่น ไปเที่ยว เยี่ยมญาติ เยี่ยมเพื่อน ติดต่อธุรกิจ หรือเรียนคอร์สระยะสั้น แล้วเกิดเหตุไม่คาดฝันจนต้องรับการรักษาในโรงพยาบาลที่ต่างประเทศ ประกันตัวนี้จะให้ความคุ้มครองทันที เพียงแค่แจ้งรายละเอียดให้กับบริษัทรับรู้เท่านั้น ประกันเดินทางช่วยได้ยังไงบ้าง  …

วีซ่าออสเตรีย
บทความ

สรุปวิธีขอวีซ่าออสเตรียประเภทท่องเที่ยวฉบับอัปเดตปี 2024

“ออสเตรีย” หนึ่งในดินแดนตอนใต้ของแถบยุโรปกลาง ประเทศที่อัดแน่นไปด้วยสถาปัตยกรรม ประวัติศาสตร์ และเรื่องราวอันน่าสนใจ นี่จึงเป็นเหตุผลที่หลายคนตัดสินใจอยากเดินทางไปเที่ยวออสเตรียสักครั้งในชีวิต แต่สิ่งสำคัญไม่ใช่แค่เรื่องเงินหรือแผนท่องเที่ยวชั้นยอดเท่านั้น เพราะ “วีซ่าออสเตรีย” คืออีกใบเบิกทางสำคัญที่สามารถบอกทุกคนได้เลยว่ามีโอกาสเดินทางเข้าประเทศของเขาหรือไม่ จึงขอสรุปข้อควรต้องรู้และวิธีขอวีซ่าท่องเที่ยวออสเตรีย ฉบับปี 2023 มาฝาก ข้อมูลควรรู้เกี่ยวกับการขอวีซ่าออสเตรียประเภทท่องเที่ยว ในการขอวีซ่าออสเตรียประเภทท่องเที่ยวจะถูกจัดอยู่ในกลุ่ม “วีซ่าเชงเก้น” สามารถพำนักอาศัยอยู่ในประเทศกลุ่มเชงเก้น (รวมออสเตรีย) ได้ไม่เกิน …