อัพเดทข้อมูลล่าสุด:
- August 20, 2024
หนึ่งโรคติดต่อในวัยเด็กที่มีความอันตรายต่อลูกน้อยจนพ่อแม่แทบทุกคนล้วนเป็นกังวลอย่างมากนั่นคือ โรคมือเท้าปาก เพราะนอกจากจะติดต่อระหว่างเด็กด้วยกันง่ายแล้ว เวลาต้องเห็นลูกมีอาการไม่สบายตัว ร้องไห้งอแง มันยิ่งทำให้คนเป็นพ่อแม่ปวดใจแบบไม่มีคำบรรยาย ลองมาทำความรู้จักกันดีกว่าว่า โรคมือเท้าปาก คืออะไร มีอาการแบบไหน วิธีรักษาและการป้องกันโรคฮิตในวัยเด็กต้องทำยังไงบ้าง เพื่อให้ลูกห่างไกลจากความอันตรายเหล่านี้
โรคมือเท้าปาก คืออะไร มาทำความรู้จักกันเลย
โรคมือเท้าปาก คือ โรคที่เกิดจากในกลุ่มเอนเทอโรไวรัสซึ่งมีมากกว่า 100 สายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่เป็นสาเหตุคือ คอกซากีไวรัส เอ16 (Coxsackievirus A16) และ เอนเทอโรไวรัส 71 (Enterovirus 71) หรือ EV 71 มักพบได้บ่อยในช่วงฤดูฝน ปกติแล้วอาการของโรคมักไม่ค่อยรุนแรงมากนัก ยกเว้นการเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น ไข้สมองอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หรืออัมพาตกล้ามเนื้อ ก็อาจสุ่มเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้เช่นกัน
จากข้อมูลของกรมควบคุมโรคระบุว่าโรคฮิตในวัยเด็กนี้มักเกิดกับเด็กอายุระหว่าง 0-4 ปี เป็นส่วนใหญ่ รองลงมาคือเด็กอายุ 5-9 ปี ซึ่งถ้าประเมินให้เห็นภาพง่ายขึ้น ช่วงวัยที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการป่วยมือเท้าปาก คือ เด็กในวัยเรียนที่ต้องอยู่ร่วมกับเด็กคนอื่น ๆ ซึ่งสถานที่ระบาดของโรคมีได้ทั้งสถานรับเลี้ยงเด็ก โรงเรียนอนุบาล ศูนย์เด็กเล็ก ไปจนถึงโรงเรียนประถม หรือแม้แต่ในสนามเด็กเล่น ห้างสรรพสินค้า ก็อาจมีเชื้อเหล่านี้ปะปนอยู่ตามสิ่งของที่เด็กสัมผัสได้
โรคมือเท้าปาก ติดต่อได้อย่างไร
อย่างที่กล่าวไปกว่าโรคมือเท้าปากมาจากการติดเชื้อไวรัสในกลุ่มเอนเทอโรไวรัส ซึ่งสาเหตุของการเกิดโรคในวัยเด็กนี้มาจากการที่เด็กอาจสัมผัสกับสารคัดหลั่งต่าง ๆ น้ำมูก น้ำลาย ไปจนถึงของเสียอย่างอุจจาระผู้ป่วย ไปจนถึงการสัมผัสเชื้อแบบทางอ้อม เช่น น้ำ อาหาร มือของพ่อแม่ ผู้เลี้ยงดู
จากนั้นเมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายผ่านระบบทางเดินหายใจหรือการอมนิ้วมือที่สัมผัสเชื้อ การหยิบของโดยไม่ล้างมือเข้าปากก็ทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ตามมานั่นเอง ซึ่งความอันตรายอย่างหนึ่งของโรคมือเท้าปาก คือ ตัวเชื้อจะฟักตัวในร่างกายของเด็กประมาณ 1 สัปดาห์ และในระยะนี้สามารถติดต่อไปยังผู้อื่นได้แม้ตัวผู้มีเชื้อจะยังไม่แสดงอาการใด ๆ ก็ตาม นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าโรคนี้ระบาดและติดต่อกันได้ง่ายมาก
อาการของโรคมือเท้าปากที่พ่อแม่ต้องคอยสังเกต
หากรู้ว่าลูกของคุณอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่อาจติดเชื้อมือเท้าปาก เช่น มีการระบาดภายในโรงเรียนที่ลูกเรียนอยู่ หรือการพาไปสถานที่สาธารณะต่าง ๆ พ่อแม่ควรต้องสังเกตอาการมือเท้าปากให้ดี หากพบเจอความผิดปกติใดก็ตามจะได้รีบพบแพทบ์และเข้ารักษาอย่างทันท่วงที
ซึ่งอาการโรคมือเท้าปากหลังได้รับเชื้อประมาณ 1 สัปดาห์ จะค่อย ๆ แสดงออก เริ่มจากอ่อนเพลีย รู้สึกตัวร้อนและมีไข้ต่ำ ๆ ประมาณ 38 องศาเซลเซียส จากนั้นอีกประมาณ 1-2 วัน จะเริ่มรู้สึกเจ็บในช่องปากพร้อมกับมีตุ่มพองขนาดเล็กบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า และตุ่มแผลบริเวณลิ้น กระพุ้งแก้ม เพดานปาก แล้วจึงแตกออกเป็นแผลหลุมแบบตื้น บางรายอาจเกิดตุ่มบริเวณรอบอวัยวะเพศ รอบก้น มีผื่นตามแขน ขา ลำตัว เบื่ออาหาร ทานได้น้อย เจ็บปากจนน้ำลายไหลออกมาเยอะ ซึ่งส่วนมากอาการจะเกิดประมาณ 1 สัปดาห์จากนั้นจะค่อย ๆ ทุเลาลง
อย่างไรก็ตามในบางรายที่มีภาวะแทรกซ้อนก็อาจแสดงความรุนแรงของโรคมากขึ้นซึ่งจุดนี้หลังจากเข้ารับการรักษาเบื้องต้นแล้วพ่อแม่ยังต้องคอยสังเกตลูกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาการที่บ่งบอกว่าควรรีบพบแพทย์อีกครั้งอย่างเร่งด่วน ได้แก่
- ซึมลงชัดเจน ไม่อยากเล่น ไม่ทานอาหารหรือนม
- ปวดศีรษะมากชนิดทนแทบไม่ไหว ร้องไห้งอแงตลอดแทบทุกเวลา
- เพ้อ พูดไม่รู้เรื่อง สื่อสารไม่เข้าใจ เด็กบางคนบ่นว่าเห็นภาพแปลก ๆ
- คอแข็ง ปวดช่วงต้นคอ อาเจียน รู้สึกสับสน
- ตัวสั่น สะดุ้งหรือผวากับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ
- ไอ หายใจหอบเร็ว มีเสมหะเยอะ หน้าซีด หรืออาจมีไข้สูงร่วม ชัก เกร็ง ช็อกหมดสติ
โรคมือเท้าปากรักษาได้อย่างไร
ปัจจุบันโรคมือเท้าปากยังไม่มียารักษาแบบเฉพาะทาง การรักษาเบื้องต้นหากเด็กติดเชื้อนี้ให้พ่อแม่คอยสังเกตอาการที่เกิดขึ้น หากไม่แน่ใจว่ารุนแรงแค่ไหนรีบพาไปพบแพทย์เพื่อประเมินก่อน จากนั้นแพทย์จะรักษาตามความเหมาะสม ซึ่งเบื้องต้นพ่อแม่สามารถทำตามคำแนะนำของคุณหมอได้ดังนี้
- มีไข้ รู้สึกปวดจากตุ่มแผลบริเวณต่าง ๆ ของร่างกายสามารถให้ทานยากลุ่มแก้ปวด ลดไข้ได้
- บ้วนน้ำเกลือเพื่อดูแลสุขภาพช่องปากแทนการแปรงฟันหรือบ้วนน้ำยาล้างปากชั่วคราว (สำหรับเด็กโต) แนะนำให้ใช้น้ำเกลืออุณหภูมิปกติจะได้ผลลัพธ์ที่ดีทั้งเรื่องทำความสะอาดเชื้อโรคและล้างแผลไปในตัว
- เน้นทานอาหารอ่อน กลืนง่าย ไม่ต้องเคี้ยวเยอะ เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ซุป ผลไม้เนื้อนิ่ม อาทิ กล้วย มันบด หลีกเลี่ยงการทานอาหารรสเปรี้ยวจัด เผ็ดจัด หรืออาหาร-เครื่องดื่มร้อนจัด
- ให้ลูกพยายามดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ เข้าไว้ อย่างน้อยทุกครึ่งชั่วโมง ป้องกันปัญหาร่างกายขาดน้ำ แต่ถ้าเห็นว่าเด็กเพลียมากแนะนำพาไปพบแพทย์เพื่อให้น้ำเกลือจะดีที่สุด
สำหรับอาการโรคมือเท้าปากที่ไม่รุนแรงมากนัก ประมาณ 5-7 วัน เด็กก็จะเริ่มกลับมาเป็นปกติและหายจากโรคได้ไม่ยากเลย
โรคมือเท้าปาก ป้องกันได้อย่างไร
เมื่อโรคมือเท้าปากถือเป็นโรคติดต่อวัยเด็กที่พบเจอได้ตลอดและมีโอกาสระบาดได้ในทุกพื้นที่หากมีเด็กอยู่ร่วมกันจำนวนมาก การรู้วิธีป้องกันอย่างถูกต้องจะช่วยลดความเสี่ยงไม่ให้ลูกน้อยสัมผัสเข้ากับเชื้อจนก่อให้เกิดโรค ซึ่งพ่อแม่สามารถบอกกล่าวสอนกับเด็ก และปฏิบัติตนเองได้ ดังนี้
- สอนให้เด็กล้างมืออย่างสม่ำเสมอก่อนสัมผัสกับใบหน้าหรือหยิบของกินเข้าปาก โดยต้องฟอกสบู่หรือน้ำยาล้างมือทุกครั้ง
- หลีกเลี่ยงการพาลูกไปในสถานที่มีการแพร่ระบาดของโรค เช่น ห้างสรรพสินค้า สนามเด็กเล่น ตลาด โรงภาพยนตร์ พิพิธภัณฑ์ หรือในกรณีที่รู้ว่าโรงเรียน ศูนย์เด็กเล็กที่ดูแลลูกอยู่เริ่มมีการระบาดก็ให้งดไปชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
- ทำความสะอาดอุปกรณ์ภาชนะต่าง ๆ ที่เด็กต้องใช้ในการทานอาหาร ดื่มน้ำ ไม่ว่าจะเป็นจาน ชาม ช้อน ส้อม แก้วน้ำ ซึ่งตรงนี้ควรทำทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน (สถานศึกษาควรมีมาตรฐานในเรื่องนี้หากกำลังเกิดการแพร่ระบาด)
- พยายามให้ลูกทานอาหารปรุงสุกใหม่ ใช้ช้อนกลางเสมอเมื่อต้องทานร่วมกับผู้อื่น และดื่มน้ำสะอาดด้วยแก้วของตนเองเท่านั้น
- หากรู้ว่าลูกของตนเองเริ่มมีอาการป่วยแนะนำให้หยุดเรียนทันทีเพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อไปสู่เด็กคนอื่น มีระยะเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ หรือจนกว่าอาการจะหายเป็นปกติ
- หมั่นซักเสื้อผ้า ผ้าเช็ดหน้า สิ่งที่ต้องสัมผัสกับสารคัดหลั่งของเด็กให้สะอาด อย่าให้เข้านำกลับไปใช้ซ้ำ เพราะอาจมีเชื้อติดอยู่และเกิดการแพร่ระบาดไปยังผู้อื่นได้
- สอนให้เด็กพยายามหลีกเลี่ยงไม่คลุกคลีคนที่ติดเชื้อมือเท้าปาก
- หากสังเกตว่าลูกมีอาการของโรคแนะนำให้รีบพบแพทย์ทันทีเพื่อตรวจให้ชัดเจนและลดความเสี่ยงการแพร่เชื้อไปยังเด็กคนอื่น ๆ หรือแม้แต่ตัวผู้ปกครองก็ตาม
ประสบการณ์ โรคมือเท้าปาก จากพนักงานลูม่า
ลูกชายคนโตของฉันเคยเป็นตอนอายุประมาณ 2-3 ขวบ ติดมาจากที่โรงเรียน ตอนนั้นนโยบายของโรงเรียน (โรงเรียนอนุบาลนานาชาติ) คือการปิดชั้นเรียนหากมีการติดโรคมือเท้าปาก มากกว่า 2 คน เพื่อให้ทางโรงเรียนได้ทำความสะอาด และจำกัดการแพร่กระจายภายในชั้นเรียนและไปยังชั้นเรียนอื่นๆ
ฉันรีบพาไปที่โรงพยาบาลแล้วให้แอดมิท นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลเพราะลูกไม่ยอมกินและอาการอาเจียนหนัก เลยเป็นห่วงเรื่องการขาดน้ำ พอถึงมือหมอ ก็รับเป็นคนไข้แล้วเฝ้าดูอาการลูกชาย มีการให้สารอาหารผ่านสายเลือดและน้ำเกลือ ตอนนั้นลูกคนแรก ก็กลัว กังวลไปหมดเลย
ตอนนั้นครอบครัวฉันทำประกันสุขภาพเด็กกับบริษัทลูม่า และทุกอย่างได้รับความคุ้มครอง ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายส่วนเกินอะไร พอถึงวันกลับบ้าน เซ็นเอกสาร แล้วกลับได้เลย เพราะเข้ารักษาที่โรงพยาบาลสมิติเวช เป็นหนึ่งในเครือข่ายของลูม่า ทำให้ไม่ต้องสำรองจ่ายหรืออะไรเลย
แต่เรื่องที่ตลกคือ ครอบครัวที่รักษาอยู่ตรงข้ามกับห้องลูกชายฉัน ก็คือ เด็กอีกคนที่เป็นโรค มือเท้าปาก จากโรงเรียน ในห้องเดียวกัน กลายเป็นว่า เราทั้ง 2 ครอบครัวเป็นต้นเหตุในการปิดชั้นเรียนในสัปดาห์นั้น
หลังจากนั้นไม่กี่ปี ลูกชายคนที่สองก็ติดโรคมือเท้าปากเหมือนกัน ตอนนั้นเขาอายุประมาณ 1 ขวบ ซึ่งตรงกับช่วงที่มีการประกาศล็อคดาวน์ครั้งแรกที่ไทย ฉันคิดว่าเขาน่าจะได้รับเชื้อจากพี่ชายเขาที่นำเชื้อกลับมาจากโรงเรียน อาการเขาไม่รุนแรงมาก มีแค่ไข้เล็กน้อย และมีจุดขึ้นที่เท้า ครั้งนั้นเลยไม่ได้พาไปหาหมอ รักษาเองที่บ้านแล้วคอยเฝ้าดูอาการเขา
- -Thuyvan (แผนกการตลาด)
หลายชายของฉันเคยเป็นโรคมือเท้าปากตอนอายุประมาณ 2 ขวบ ตอนนั้นสังเกตเห็นผื่นแดงบนฝ่ามือของเขา และเห็นว่าเขาไม่ค่อยกินอาหาร เลยตัดสินใจพาไปหาหมอที่โรงพยาบาล ตอนนั้นหมอก็แนะนำให้นอนแอดมิทไว้ดูอาการ
ระหว่างตอนที่เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล หลานก็มีไข้ ไม่ค่อยกินข้าว ไม่อยากอาหาร และร้องไห้บ่อย จำไม่ค่อยได้ว่านานเท่าไรแต่น่าจะประมาณ 5 วันที่รักษาจนหาย
- -Yha (แผนกเคลม)