ปฏิเสธไม่ได้ว่าในยุคนี้คนหันมาให้ความสำคัญและใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น การทำ ประกันสุขภาพ เป็นตัวเลือกหนึ่งที่หลายคนกำลังมองหาเพื่อเป็นหนทางในการรองรับความเสี่ยงหากป่วยไข้ ซึ่งในปัจจุบันมีแผนประกันสุขภาพให้เลือกซื้อมากมาย โดยแต่ละบริษัทประกันภัยก็มอบความคุ้มครองและผลประโยชน์กับผู้เอาประกันภัยที่แตกต่างกันออกไป ด้วยเหตุนี้จึงอาจทำให้ใครหลายคนเกิดความสงสัยว่าจะทำประกันสุขภาพที่ไหนดี และจะเลือกอย่างไรให้เหมาะสมกับความต้องการของตัวเองได้อย่างครอบคลุม มาหาคำตอบพร้อมกันกับ LUMA ได้ในบทความนี้
ประกันสุขภาพสำคัญอย่างไร ทำไมต้องมีติดตัวไว้
การมีสุขภาพที่แข็งแรงห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา แต่ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่างทำให้ใครหลายคนมีความเสี่ยงด้านสุขภาพที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะการอาหารการกิน สภาพแวดล้อม หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิตต่าง ๆ อย่างที่ทราบกันดีว่าการเจ็บป่วยหรือพบแพทย์แต่แต่ละครั้ง มักมีค่าใช้จ่ายสูง ยิ่งห่างต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยแล้วค่าใช้จ่ายอาจบานปลายกว่าที่คิดจนบางคนต้องนำเงินสำรองที่เก็บออมไว้มาใช้ก็เป็นได้ ดังนั้นการทำประกันสุขภาพติดตัวไว้จึงเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์อย่างยิ่ง เพราะนอกจากช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลได้แล้ว ประกันสุขภาพก็ยังนำมาซึ่งความจะสะดวกสบาย เพราะในการเข้ารักษาในโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำหรือใกล้บ้านที่ได้ทันท่วงทีอีกด้วย
1.ประเมินสุขภาพและความเสี่ยงของตนเอง
สำรวจว่าโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์จากคนในครอบครัวว่ามีเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่จะเกิดขึ้นกับตนเอง และประเมินพฤติกรรมตัวเองว่ามีนิสัย กิจวัตร หรือกิจกรรมอะไรเสี่ยงอะไรบ้างที่เสี่ยงต่อการเกิดโรค เช่น ดื่มเครื่องดื่มแอลกอลฮฮลล์ การสูบบุหรี่ ไม่ออกกำลังกาย ทานอาหารรสจัดทั้งหวาน มัน เค็ม เป็นประจำ ฯลฯ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้สามารถบ่งบอกโรคที่อาจจะตามมาเช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เป็นต้น
2.สำรวจสวัสดิการทางสุขภาพที่ตนเองมีอยู่
พิจารณาความสะดวกและความพึงพอใจในการรักษาที่สถานพยาบาลตามสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า สำหรับคนที่ทำงานอยู่ในบริษัทเอกชนแนะนำให้สำรวจว่าสถานประกอบการดังกล่าวมีสวัสดิการเกี่ยวกับสุขภาพหรือไม่ เช่น การเบิกค่ารักษาพยาบาล หรือประกันสุขภาพกลุ่มสำหรับพนักงาน หากพิจารณาแล้วว่าสวัสดิการที่มีอยู่ยังไม่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต หรือมีความเสี่ยงโรคร้ายแรงที่ต้องรักษาด้วยเทคโนโลยีที่มีค่าใช้จ่ายสูงก็ควรทำประกันสุขภาพที่เหมาะสมกับตนเองได้
3.ศึกษาแผนความคุ้มครองในประกันสุขภาพ
ศึกษารายละเอียดความคุ้มครองจากตารางผลประโยชน์ ทั้งความคุ้มครองในกรณีผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) ว่ามีวงเงินความคุ้มครองที่เพียงพอหรือไม่ สามารถคุ้มครองครอบคลุมโรคอะไรบ้าง ความคุ้มครองจ่ายตามจริง หรือจ่ายตามจำนวนที่ระบุในกรมธรรม์ นอกจากนี้ยังต้องศึกษารูปแบบการชำระเงินเบี้ยประกัน เครือข่ายโรงพยาบาลของบริษัทประกันภัย วิธีการเบิกค่าสินไหมทดแทนและส่วนลดค่าเบี้ย เช่น สามารถแบ่งจ่ายเป็นงวดได้หรือไม่ สามารถเข้ารับบริการในโรงพยาบาลใดได้บ้าง มีส่วนลดสำหรับครอบครัวหรือสามารถมีความรับผิดชอบส่วนแรกหรือไม่ (Deductible) เป็นต้น
4.ประเมินงบประมาณกับแผนประกัน
หลังจากสำรวจและรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ เรียบร้อยแล้วให้ข้อมูลทั้งหมดมาประเมินควบคู่ไปกับความสามารถในการชำเบี้ยประกัน เพื่อให้ผู้เอาประกันได้รับการดูแลในคุ้มครองที่ตนต้องการอย่างต่อเนื่อง ส่วนผู้ที่มีสวัสดิการด้านสุขภาพอยู่แล้วและมองหาความคุ้มครองเพิ่มเติมก็สามารถเลือกแผนประกันสุขภาพที่มีความรับผิดชอบส่วนแรก (Deductible) เพื่อช่วยลดค่าเบี้ยประกันภัยได้เช่นกัน
5.เลือกบริษัทประกันที่ให้แผนคุ้มครองได้ตรงตามความต้องการ
พิจารณาเลือกแผนประกันที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องความคุ้มครองและเป็นไปตามงบประมาณที่วางไว้มากที่สุด โดยไม่ลืมที่จะเลือกบริษัทที่มีความมั่นคง น่าเชื่อถือ มีประวัติการให้บริการที่ดี มีความสามารถในการชำระค่าสินไหมทดแทนได้จริงและรวดเร็ว และมีความเชี่ยวชาญเรื่องประกันสุขภาพจริง
6.ศึกษาและทำสัญญา
เนื่องจากประกันสุขภาพส่วนใหญ่ไม่คุ้มครองโรคที่เป็นการมาก่อนการทำประกัน (Pre-existing conditions) ประวัติสุขภาพจึงส่งผลต่อการเอกสาร การขั้นตอนการทำประกัน และการพิจารณารับประกันภัย ผู้เอาประกันจึงควรอ่านรายละเอียดของเอกสารและสัญญาให้เข้าใจอย่างถี่ถ้วนเสียก่อนที่จะตกลงทำประกันสุขภาพ
7.รับและตรวจสอบข้อมูลกรมธรรม์
เมื่อพบแผนประกันที่ตอบโจทย์ทั้งความคุ้มครองและงบประมาณ และมีการตกลงทำประกันสุขภาพแล้ว ผู้เอาประกันจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบข้อมูลสำคัญ เช่น ชื่อ นามสกุล ระยะเวลาคุ้มครอง วันที่เริ่มต้นความคุ้มครอง แผนประกันที่เลือก ตารางผลประโยชน์ ข้อมูลการชำระเบี้ย ฯลฯ อีกครั้ง หากมีข้อสงสัยควรปรึกษาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหรือบริษัทประกันภัยทันที
ทำไมถึงควรทำประกันสุขภาพกับ Luma?
สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่าควรทำประกันสุขภาพที่ไหนดี LUMA เป็นบริษัทที่มีประสบการณ์ด้านประกันสุขภาพและบริการเกี่ยวกับสุขภาพมากว่า 10 ปี เรามีผู้เชี่ยวชาญที่ยินดีให้คำแนะนำเกี่ยวกับแผนประกันสุขภาพที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณ มีเครือข่ายโรงพยาบาลขนาดใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ทำให้คุณสามารถเข้าการดูแลดีที่สุดในโรงพยาบาลชั้นนำหรือโรงพยาบาลที่พึงพอใจได้ นอกจากนี้ระบบจ่ายตรง (Direct billing) ยังเป็นอีกหนึ่งบริการที่ช่วยให้ผู้เอาประกันภัยไม่ต้องสำรองเงินจ่ายเองเมื่อต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ทำให้คลายกังวลเรื่องสุขภาพและไม่ต้องปวดหัวค่ารักษาพยาบาลอีกต่อไป
ทำประกันสุขภาพแผนใดได้บ้างกับ Luma?
Hi5 แผนประกันสุขภาพเหมาจ่าย วงเงินคุ้มครองสูงถึง 5 ล้านบาท
- คุ้มครองสูงสุด 5,000,000 บาทต่อปี
- คุ้มครองครอบคลุมค่ารักษาโรคมะเร็งทุกชนิด โรคโคโรน่าไวรัส 2019 (COVID-19)
- เลือกชำระแบบมีความรับผิดชอบส่วนแรก (Deductible) เพื่อประหยัดค่าเบี้ยประกันภัยได้
- มอบความคุ้มครองทันที
- ค่าเบี้ยเริ่มต้นเพียง 1,600 บาท/เดือน*
ดูรายระเอียดเพิ่มเติมได้ที่: Hi5 – แผนประกันสุขภาพวงเงินคุ้มครอง 5 ล้านบาท เหมาจ่ายตามจริง
PRIME แผนประกันสุขภาพเหนือระดับที่มอบความคุ้มครองสูง
- ความคุ้มครองเริ่มต้นตั้งแต่ 10,000,000 บาทและคุ้มครองสูงสุด 50,000,000 บาทต่อปี
- คุ้มครองแบบเหมาจ่าย หมดกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายส่วนเกินด้วยค่าห้องที่สูง
- รองรับการบริการทางการแพทย์ในโรงพยาบาลชั้นนำของประเทศ
- คุ้มครองครบทั้งสุขภาพ อุบัติเหตุ มะเร็ง โรคร้ายแรง และโรคโคโรน่าไวรัส 2019 (COVID-19)
- ดูแลต่อเนื่องด้วยการการันตีการต่ออายุถึง 99 ปี
ดูรายระเอียดเพิ่มเติมได้ที่: PRIME – มอบความคุ้มครองเหนือระดับกับแผนประกันสุขภาพคุ้มครองสูง
นอกจากแผนประกันสุขภาพทั้ง 2 แผนข้างต้น Luma ยังสามารถเสนอแผนประกันสุขภาพอื่น ๆ จากบริษัทประกันภัยหลายแห่งที่เป็นพัทธมิตรของเราได้ Luma ยินดีให้คำแนะนำในการเลือกทำประกันสุขภาพที่ไหนดีให้เหมาะกับความต้องการและงบประมาณของคุณ โดยสามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญของเราเพื่อทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนประกันอื่น ๆ ได้
สรุป
เพราะโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ เป็นเรื่องที่ไม่แน่นอนและไม่มีใครอยากให้เกิด คงไม่ใช่เรื่องดีหากการเข้ารับการรักษาพยาบาลครั้งหนึ่งนำมาซึ่งปัญหาทางด้านการเงิน การทำประกันสุขภาพถือเป็นหนึ่งในการวางแผนทางการเงินเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายส่วนนี้ที่เหมาะสมอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามผู้เอาประกันจะต้องสำรวจ รวบรวมข้อมูล วางแผน และเปรียบเทียบแผนประกันสุขภาพอย่างละเอียด และเลือกบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับประกันสุขภาพ เพื่อให้ผู้เอาประกันภัยได้รับผลประโยชน์และความคุ้มครองตามที่ตกลงไว้ในยามเจ็บป่วยได้จริง