เคยเป็นไหม อาการหลง ๆ ลืม ๆ จำอะไรไม่ค่อยได้ ตัดสินใจอะไรก็ช้าลงกว่าปกติ หากคุณมีอาการเหล่านี้อาจจะเข้าข่ายภาวะสมองล้า โดยภาวะที่เรียกว่าสมองล้า เป็นภาวะที่เกี่ยวข้องกับความทรงจำและการรับรู้ มีสาเหตุมาจากปัจจัยที่ไม่แน่นอน และพบมากในกลุ่มคนที่เคยป่วยโควิด – 19 มาก่อน ซึ่งสมองล้าเป็นหนึ่งในอาการของลองโควิด (Long Covid) นั่นเอง
สมองล้าคืออะไร
สมองล้า (Brain Fog) เป็นหนึ่งในอาการของภาวะโพสต์โควิด (Post – COVID 19 Condition) หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่าลองโควิด (Long Covid) ภาวะดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น จากงานวิจัยพบว่า 43% ของกลุ่มผู้ป่วยโควิด – 19 บางส่วนมีภาวะสมองล้า โดยงานวิจัยพบว่าการป่วยโควิด – 19 ส่งผลต่อระบบสมองและระบบประสาทในกลุ่มผู้ป่วยบางส่วน
คำว่า “สมองล้า” เป็นคำที่ไม่ได้ถูกบัญญัติให้เป็นคำศัพท์ทางการแพทย์โดยตรง แต่สมองล้าเป็นคำอธิบายอาการที่เกี่ยวข้องกับความทรงจำ และการรับรู้ต่าง ๆ เช่น มีปัญหาเกี่ยวกับความทรงจำ รู้สึกงงงวยสับสนบ่อยครั้ง รวมไปถึงกระบวนการคิดและตัดสินใจได้ช้าลง และภาวะสมองล้ายังมีอาการที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับความแตกต่างของปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น อายุ เพศ หรือสุขภาพ เป็นต้น
สมองล้า อาการเป็นอย่างไรบ้าง
อาการของภาวะสมองล้าอาจจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางด้านสุขภาพและปัจจัยด้านอื่น ๆ ของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปแล้ว ภาวะสมองล้าสามารถแบ่งอาการออกได้ ดังนี้
- รู้สึกเหนื่อยอยู่ตลอดเวลา
- ทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ช้าลง
- สมองประมวลผลและสั่งการได้ช้าลง
- ไม่ค่อยมีสมาธิ โฟกัสได้ช้าลง
- นึกคำศัพท์ที่ใช้สื่อสารในชีวิตประจำวันไม่ค่อยออก
สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะสมองล้า
สมองล้าเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่ไม่มีสาเหตุที่ชี้ชัดอย่างชัดเจนว่าภาวะสมองล้ามาจากสาเหตุใด โดยสมองล้ามีสาเหตุมาจากปัจจัยเหล่านี้
ลองโควิด (Long COVID) – การทดลองในงานวิจัยของนักวิจัยชาวเยอรมันพบว่า ผู้ที่เคยป่วยเป็นโควิด – 19 ที่ไม่ได้มีอาการหนักมาก หรือตามการจำแนกของกรมการแพทย์กระทรวงสาธารณสุขเรียกว่าเป็นผู้ป่วยระดับสีเขียว โดยผู้ป่วยเหล่านี้ไม่ได้เป็นผู้ที่มีอาการความบกพร่องสมรรถนะทางสมอง (Cognitive Impairment) แต่เมื่อกลุ่มตัวอย่างหายจากการติดเชื้อโควิด – 19 กลุ่มตัวอย่างมีความจำแย่ลงและระบบการคิดหรือตัดสินใจสามารถทำได้ช้าลง ขณะที่ติดเชื้อโควิด – 19 อวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายได้รับผลกระทบ รวมไปถึงส่งผลกระทบต่อระบบประสาทและสมอง ที่เป็นอาการตีบของเส้นเลือดในสมองที่ส่งผลกระทบต่อระบบประสาท เมื่อร่างกายหายจากอาการดังกล่าว ผู้ป่วยบางรายจึงมีอาการลองโควิดที่แตกต่างกันออกไป บางรายมีอาการไอบ่อยขึ้น เหนื่อยง่ายขึ้น และหนึ่งในนั้นคือการเกิดขึ้นของภาวะสมองล้า เนื่องจากอาการตีบของเส้นเลือดในสมองยังไม่สามารถหายได้อย่างถาวร หรือฟื้นฟูร่างกายให้กลับไปมีสภาพเหมือนก่อนติดโควิดได้อย่างสมบูรณ์
ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ – เมื่ออยู่ในภาวะที่อินซูลินในเลือดและน้ำตาลไม่สมดุลกัน จะส่งผลให้เกิดภาวะสมองล้าได้ง่าย
โรคประจำตัวต่าง ๆ – ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง
โรคสมองเสื่อม ฯลฯ บางรายจะมีอาการสมองล้าร่วมด้วยร่างกายขาดสารอาหาร – เมื่อร่างกายได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน จะทำให้สมองไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ เพราะไม่มีสารอาหารไปหล่อเลี้ยงสมองอย่างเพียงพอ จึงมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดภาวะสมองล้าได้ เช่น ร่างกายขาดวิตามิน B12 หรือร่างกาย ขาดแคลเซียม เป็นต้น
การพักผ่อนไม่เพียงพอ – การไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างไม่เพียงพอ จะส่งให้สมองไม่ได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่
มีแนวโน้มที่จะส่งให้เกิดภาวะสมองล้าได้ความเครียดและอารมณ์ – ความเครียดเรื้อรังเป็นหนึ่งสาเหตุที่ส่งผลต่อสมองล้า โดยความเครียดเป็นปัจจัยนำที่ส่งผลให้เกิดภาวะสมองล้า เมื่อสมองถูกความเครียดกระตุ้น จึงส่งผลให้ระบบประสาทได้รับผลกระทบ
รับมืออย่างไรหากรู้ตัวว่ามีอาการสมองล้า
ภาวะสมองล้าไม่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีเฉพาะเจาะจง ซึ่งแตกต่างจากการรักษาโรคประจำตัวหรือการเจ็บป่วยต่าง ๆ ที่สามารถรับประทานยา หรือใช้วิธีการรักษาอื่น ๆ เพื่อบรรเทาอาการต่าง ๆ ได้ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถปฏิบัติตามวิธีเหล่านี้ในชีวิตประจำวันเพื่อลดความเสี่ยงของภาวะสมองล้าได้ ดังนี้
ลดความเครียด – พยายามไม่ทำให้ตัวเองเครียดมากเกินไป พยายามฝึกจัดการความเครียด และสำหรับความเครียดที่ไม่สามารถจัดการได้ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ใช้เวลากับผู้อื่นมากขึ้น – หากมีเวลาว่างควรจัดสรรเวลาไปกินข้าวกับเพื่อน เที่ยวกับครอบครัวหรือออกไปทำกิจกรรมกับผู้อื่นมากขึ้น
รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ – การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ จะช่วยส่งผลให้สุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตของคุณดีขึ้น
พักผ่อนให้เพียงพอ – การพักผ่อนให้เพียงพอเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนมองข้ามไป หากคุณได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอจะช่วยให้คุณพักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม ร่างกายสามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ สมองสามารถประมวลผลได้ดียิ่งขึ้น
ขยับตัวอยู่ตลอดเวลา – ออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเที่ยวในช่วงวันหยุด ออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬา การขยับตัวอยู่ตลอดเวลาจะช่วยให้สมองทำงานอยู่ตลอดเวลา เมื่อมีการตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาจะส่งผลให้สมองได้ทำงาน ยืดระยะความเสื่อมของสมองออกไปได้อีก
วางแผนกิจวัตรประจำวันล่วงหน้า – การวางแผนกิจวัตรประจำวันจะช่วยให้คุณมีเป้าหมายในการใช้ชีวิตมากขึ้น อีกทั้งยังดีต่อสมอง เพราะการวางแผนกิจกรรมหรือบันทึกกิจกรรมที่ทำไปในแต่ละวันว่าทำกิจกรรมใดบ้างในแต่ละวัน
หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ – การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ส่งผลต่อระบบประสาทที่นำไปสู่ภาวะสมองล้าและความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอื่น ๆ ได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
สมองล้า หนึ่งในอาการที่คิดหรือตัดสินใจได้ช้ากว่าปกติ สามารถสังเกตได้ด้วยตัวเอง ว่าระบบการคิดหรือการตัดสินใจของตนเองประมวลผลได้ช้าลง ซึ่งภาวะสมองล้าสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยอย่างไม่มีสาเหตุแน่นอน หลัก ๆ คือมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต ความเครียด รวมไปถึงเป็นผลกระทบจากลองโควิด (Long Covid)
สมองล้ายังสามารถป้องกันได้ด้วยการออกกำลังกาย กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ทำให้สมองมีการตื่นตัวและพัฒนา หากภาวะสมองล้ามีอาการแย่ลงจนถึงขั้นส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ความทรงจำแย่ลงและไม่สามารถจำรายละเอียดสิ่งต่าง ๆ ได้ หรือการคิดและการตัดสินใจอย่างช้าลงที่ส่งผลกระทบต่อกิจวัตรประจำวัน ฯลฯ ถ้าหากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อลดความเสี่ยงของภาวะสมองล้า ที่อาจจะส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุหรือโรคภายในอนาคตได้