การเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศในยุคนี้ไม่จำเป็นต้องแลกเงินไปต่างประเทศหรือพกเงินสดเยอะ ๆ อีกต่อไป เพราะทุกคนสามารถเลือกใช้บัตรประเภท “Travel Card” หรือบัตรเครดิตใช้ต่างประเทศได้อย่างง่ายดาย จับจ่ายใช้สอยเหมือนกับเงินสดปกติแต่บ่อยครั้งมักได้เรทดีกว่าพร้อมโปรโมชั่นอื่นอีกเพียบ แต่สิ่งสำคัญก่อนตัดสินใจจะใช้บัตรใบไหน ธนาคารใด ก็ต้องมีการเปรียบเทียบ Travel Card เพื่อเลือกบัตรดีที่สุดให้กับตนเอง จึงอยากแนะนำแนวทางดี ๆ เพื่อจะได้มั่นใจว่าเมื่อไปต่างประเทศ บัตรไหนคุ้มมากที่สุด
Travel Card คืออะไร
Travel Card คือ บัตรเดบิต หรือ บัตรเติมเงินสำหรับนำไปใช้จ่ายในต่างประเทศ (บางคนอาจเรียกเป็นบัตรเครดิตใช้ต่างประเทศก็ไม่ว่ากัน) ลักษณะคือต้องเติมเงินเข้าไปในบัตรจากนั้นก็ทำการแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินที่จะใช้ให้เรียบร้อย ซึ่งการเปลี่ยนสกุลเงินจะมีทั้งทำด้วยตนเองผ่านแอปพลิเคชันของบัตร หรือระบุกับเจ้าหน้าที่ว่าต้องการแลกเปลี่ยนสกุลเงินบาทเป็นสกุลเงินใด เมื่อมีเงินเรียบร้อยก็สามารถใช้สอยได้ไม่ต่างจากบัตรเครดิต บัตรเดบิตทั่วไป ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ที่ไม่นิยมแลกเงินไปต่างประเทศเป็นเงินสดเยอะ ๆ หรือบางคนไม่อยากใช้บัตรเครดิตเพราะต้องเสียค่าธรรมเนียมแพง เป็นต้น
บัตร PLANET SCB (ธนาคารไทยพาณิชย์)
- ไม่เสียค่าธรรมเนียมความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 2.5%
- แลกเปลี่ยนเงินตราสกุลต่างประเทศด้วยอัตราแลกเปลี่ยนพิเศษ 13 สกุลเงิน ได้แก่ USD, EUR, GBP, JPY, AUD, CHF, SGD, HKD, NZD, CAD, CNY, KRW และ TWD แลกเงินง่าย 24 ชั่วโมง ผ่าน SCB EASY App
- ประกันการเดินทาง 10 วัน รับประกันโดยบริษัท ชับบ์สามัคคีประกันภัย จำกัด (มหาชน)
- วงเงินคุ้มครองอุบัติเหตุสูงสุด 2,000,000 บาท
- ดูแลค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาล รวมทั้งการรักษาพยาบาลจากอาการโควิดสูง 2,000,000 บาท
- ดูแล 24 ช.ม. ด้วยบริการช่วยเหลือฉุกเฉินยามเดินทางทั่วโลก
- คุ้มครองค่าใช้จ่ายการเลื่อนหรือบอกเลิกการเดินทางสูงสุด 35,000 บาท
- คุ้มครองค่าใช้จ่ายกรณีลดวันเดินทางกลับไทยก่อนกำหนด สูงสุด 35,000 บาท
- เบิก–ถอนเงินสด
- กดเงินเป็นสกุลเงินตราต่างประเทศได้ที่ตู้ ATM ในต่างประเทศ ที่มีสัญลักษณ์ VISA ได้ทั่วโลก
- ค่าธรรมเนียมการกดเงินสดที่ ต่างประเทศ 100 บาท ต่อครั้ง (และอาจมีค่าธรรมเนียมที่ผู้ให้บริการปลายทางเรียกเก็บเพิ่มเติม)
- วงเงินการกดเงินสดสูงสุด 100,000 บาทต่อวัน
บัตร Krungthai Travel Visa Platinum Card (ธนาคารกรุงไทย)
- ไม่เสียค่าธรรมเนียมความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 2.5%
- รองรับการแลกเปลี่ยน 19 สกุลเงิน ได้แก่ AUD, CAD, CHF, DKK, EUR, GBP, HKD, INR, JPY, KRW, MYR, NOK, NZD, RUB, SEK, SGD, TWD, USD และ THB
- แลกเงินและจัดการบัตร Krungthai Travel Visa Platinum Card ตลอด 24 ชม. ผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT
- ประกันการเดินทาง รับประกันโดย บมจ. ทิพยประกันภัย
- ประกันอุบัติเหตุการเดินทางทั้งในและต่างประเทศ ด้วยวงเงินประกันคุ้มครองสูงสุด 6,000,000 บาท ในกรณีใช้บัตร Krungthai Travel Visa Platinum Card ชำระค่าบัตรโดยสารยานพาหนะสาธารณะ (รายละเอียดและเงื่อนไขตามที่ธนาคารกำหนด)
- ยอดเงินรวมสูงสุดทุกสกุลเงิน รวมทุกประเภทบัตร 5,000,000
- เบิก–ถอนเงินสด
- ที่ตู้ ATM วงเงิน 100,000 บาท/วัน
- ถอนเงินสดสกุลต่างประเทศที่สาขา 25,000 บาท/ครั้ง
บัตร Journey (ธนาคารกสิกรไทย)
- ไม่เสียค่าธรรมเนียมความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 2.5%
- ใช้จ่ายได้สูงสุด 500,000 บาท / วัน (รวมรูดซื้อสินค้าและใช้จ่ายออนไลน์) ทุกร้านที่มีสัญลักษณ์ VISA ทั่วโลก
- ประกันการเดินทางจาก Chubb นาน 10 วัน รับความคุ้มครองสูงสุด 2 ล้านบาท
- วงเงินคุ้มครองอุบัติเหตุสูงสุด 2,000,0000 บาท
- ดูแลค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาล รวมทั้งการรักษาพยาบาลจากอาการโควิด สูงสุด 2,000,000 บาท
- ใช้ยื่นวีซ่าเชงเก้นได้
- คุ้มครองค่าใช้จ่ายการเลื่อนหรือบอกเลิกการเดินทางสูงสุด 35,000 บาท
- คุ้มครองค่าใช้จ่ายกรณีลดวันเดินทางกลับไทยก่อนกำหนด สูงสุด 35,000 บาท
- โอน-ถอนเงิน
- โอนเงินได้ทุกธนาคาร วงเงินสูงสุด 1,000,000 บาท / วัน
- ถอนเงิน สูงสุด 200,000 บาท / วัน
- แลกเงินเรทพิเศษ ที่ FX Booth บูธที่กำหนด
- สกุลเงินต่างประเทศ ได้แก่ USD, JPY, EUR, KRW, GBP และ TWD
- สิทธิประโยชน์เพิ่มเติม
- บริการห้องรับรอง Miracle Lounge ก่อนเดินทาง
- ส่วนลดจากร้านค้าที่ร่วมรายการ Reward Plus Debit Card
บัตร YouTrip (ธนาคารกสิกรไทย)
- ไม่เสียค่าธรรมเนียมความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 2.5%
- Multi-Currency Wallet กระเป๋าเงินดิจิทัลรองรับหลายสกุล สามารถใช้จ่ายได้กว่า 150 สกุลเงินทั่วโลก และยังสามารถแลกเปลี่ยน เงินต่างประเทศล่วงหน้าได้ถึง 10 สกุล
- วงเงินสูงสุด รวมทุกสกุลเงินในบัตรไม่เกิน 500,000 บาท/วัน
- ใช้จ่ายที่เครื่อง EDC ทั่วโลก (Offline) ไม่เกิน 500,000 บาท/วัน
- ใช้จ่ายผ่าน Online ไม่เกิน 500,000 บาท/วัน
- ถอนเงินสดที่ตู้ ATM ต่างประเทศ ไม่เกิน 50,000 บาท/เดือน
- ระบบ Smart Exchange แลกเงินอัตโนมัติ ของเงิน 9 สกุลเงินหลัก ได้แก่ THB,USD,EUR,JPY,GBP,HKD,SGD,AUD,CHF,CAD เติมเงินแล้วใช้ได้ทันที
บัตร TTB All Free (ธนาคารทหารไทยธนชาต)
- ไม่เสียค่าธรรมเนียมความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 2.5%
- ประกันคุ้มครองการเดินทาง ความคุ้มครองชีวิต 20 เท่าของเงินฝาก สูงสุด 3 ล้านบาท
- ฟรีค่ารักษา 3,000 บาท/อุบัติเหตุ
- เพียงคงเงินฝากในบัญชีไม่ต่ำกว่า 5,000 บาทขึ้นไป ทุกวัน
- ใช้ในประเทศ ฟรีค่าธรรมเนียม กด โอน จ่าย เติม
- รูดใช้จ่ายที่ต่างประเทศ หรือซื้อของออนไลน์ได้ทุกสกุลเงินต่างประเทศทั่วโลก ผ่านร้านที่มีสัญลักษณ์ VISA สูงสุด 2,000,000 บาท/วัน (สำหรับบัตรที่มีชื่อ) และสูงสุด 500,000 บาท/วัน (สำหรับบัตรที่ไม่มีชื่อ)
- กดเงินผ่านตู้ ATM ต่างประเทศ สูงสุด 200,000 บาท/วัน ค่าธรรมเนียม 75 บาท/ครั้ง โดยอาจมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมขึ้น
- จัดการบัญชีได้สะดวก ทุกทีทุกเวลา ผ่านแอปพลิเคชัน ttb touch
Citibank Global Wallet (ธนาคารซิตี้แบงก์)
จะแตกต่างจากที่อื่น เพราะ Citibank Global Wallet จะเป็นแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์ พร้อมกับฟังก์ชั่นการใช้งาน Citibank Global Wallet ที่สามารถใช้จ่ายผ่านบัญชีสกุลเงินต่างประเทศได้
- ไม่เสียค่าธรรมเนียมความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 2.5%
- ไม่มีค่าธรรมเนียมการถอนเงินสด ถอนเงินสดสกุลเงินต่างประเทศโดยไร้ค่าธรรมเนียม ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ที่ตู้เอทีเอ็มของซิตี้แบงก์ทั่วโลก
- ใช้จ่ายสูงสุดได้ ไม่เกิน 300,000 บาท/วัน
- ทำธุรกรรมในสกุลเงิน 9 สกุลเงิน ได้แก่ THB USD EUR AUD GBP CHF JPY HKD SGD
การใช้งาน Travel Card ดีอย่างไร
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการใช้ Travel Card หรือบัตรเครดิตใช้ต่างประเทศกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก หากลองเปรียบเทียบ Travel Card เล่น ๆ ก็มีสถาบันการเงินหลายแห่งพยายามออกผลิตภัณฑ์ดังกล่าวขึ้นมาเป็นทางเลือกสำหรับลูกค้า ซึ่งข้อดีของการใช้งานบัตรประเภทนี้สามารถสรุปให้เห็นภาพชัดเจน คือ
- สะดวกมากกว่าเดิม ไม่ต้องแลกเงินไปต่างประเทศเยอะ ๆ แถมยังปลอดภัย แม้บัตรหายก็แจ้งอายัติ ต่างจากเงินสดถ้าหายไปก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจอย่างเดียว
- ส่วนใหญ่ Travel Card มักได้เรทอัตราแลกเปลี่ยนคุ้มกว่าการแลกเงินสด ช่วยให้คุณเซฟเงินในกระเป๋ามากขึ้น
- ส่วนใหญ่บัตร Travel Card หลายแห่งไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม 2.5% ในการรูดใช้งานต่างประเทศ
- สามารถถอนเงินสดจากตู้ ATM ในต่างประเทศได้ (เงื่อนไขค่าธรรมเนียมเป็นไปตามที่บัตรกำหนดไว้)
- มีสิทธิพิเศษอื่น ๆ ที่ได้จากบัตรเพิ่มเติม เช่น ประกันเดินทางต่างประเทศ ส่วนลดจากร้านดัง เป็นต้น
การใช้งานบัตร Travel Card จำเป็นมากแค่ไหน
ด้วยการมีเทคโนโลยีเข้ามาเป็นทางเลือกมากขึ้น บวกกับความ Worldwide ที่ทั่วโลกสามารถสื่อสารถึงกันอย่างง่ายดาย เครือข่ายต่าง ๆ ทำงานเชื่อมต่อกันอย่างมีประสิทธิภาพ การเลือกใช้บัตร Travel Card จึงถือเป็นอีกความจำเป็นที่อยากแนะนำทุกคนเมื่อต้องเดินทางไปต่างประเทศ คุณไม่ต้องพกเงินสดเยอะ ๆ ไม่ต้องแลกเงินไปต่างประเทศแล้วได้เรทแพง หรือแม้แต่ความคุ้มค่าในด้านอื่น พกแค่บัตรใบเดียวก็เที่ยวแบบไม่ต้องคิดมาก อยากเดินทางติดต่อกันกี่ประเทศก็หายห่วง แต่สิ่งสำคัญคือต้องเปรียบเทียบ Travel Card ให้ดี แล้วเลือกบัตรที่ใช่ ธนาคารที่โดนใจ
เปรียบเทียบ Travel Card ต้องดูอะไรบ้างก่อนตัดสินใจเลือกใช้งาน
หลังทำความรู้จักกับบัตรเครดิตใช้ต่างประเทศประเภทนี้กันพอสมควรแล้ว ก็มาถึงสิ่งที่สายเที่ยวหลายคนควรรู้เอาไว้ก่อนตัดสินใจว่าไปต่างประเทศ บัตรไหนคุ้มที่สุดนั่นคือ การเปรียบเทียบ Travel Card โดยประเมินจากเงื่อนไขต่าง ๆ ของแต่ละธนาคาร ซึ่งงคำแนะนำทั้งหมดมีดังนี้
- 1. ความสะดวกในการใช้งาน
ลำดับแรกในการเปรียบเทียบ Travel Card ว่าควรเลือกบัตรไหนต้องเริ่มจากความสะดวกของการใช้งาน คำว่า “ความสะดวก” ในที่นี้คือ ร้านค้าส่วนใหญ่ในประเทศที่จะเดินทางไปรับบัตรดังกล่าวแบบไม่มีค่าธรรมเนียมใด ๆ ยิ่งถ้าสามารถใช้กับระบบขนส่งสาธารณะได้ด้วยถือเป็นความเพอร์เฟกต์อันแสนคุ้มค่า ไม่ต้องซื้อตั๋วใหม่ทุกรอบ เมื่อช้อปปิ้ง หาของอร่อยทานเรียบร้อยก็จ่ายเงินผ่านบัตรทันที
- 2. ประเภทของบัตร (บัตรเครดิต / บัตรเดบิต)
แม้ส่วนใหญ่บัตร Travel Card จะเป็นลักษณะของบัตรเดบิต คือ ให้เติมเงินเข้าไปก่อนจึงสามารถใช้งานได้ตามวงเงินเหล่านั้น แต่ก็มีบางธนาคารที่มีเงื่อนไขการใช้บัตรเครดิตได้ไม่แตกต่างกันมากนัก เช่น การใช้บัตรเครดิตต่างประเทศโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม ซึ่งถ้าถามว่าแบบไหนดีกว่ากันคงตอบยาก เอาเป็นว่าอยู่ที่ลักษณะการใช้เงินดีกว่า หากกลัวช้อปปิ้งเพลินแล้วไม่มีอะไรหยุดได้ก็เลือกบัตรเดบิตที่มีวงเงินใช้ชัดเจน ไม่เป็นหนี้ แต่ถ้าเน้นความสะดวก ง่ายดาย ช้อปไม่เยอะ ใช้แบบบัตรเครดิตก็ตอบโจทย์เช่นกัน
- 3. การแลกเปลี่ยนสกุลเงิน
หากจะดูว่าไปต่างประเทศ บัตรไหนคุ้ม อีกสิ่งที่จะเปรียบเทียบ Travel Card ได้ชัดเจนมากสุดคือเรื่องการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน บัตรที่ดีต้องให้เรทอัตราแลกเปลี่ยนคุ้มค่า ไม่เก็บค่าธรรมเนียม อัปเดตเรทใหม่อยู่ตลอดตามค่าเงิน รองรับสกุลเงินหลายประเทศ อาทิ USD, EUR, AUD, GBP, CHF, JPY, HKD, SGD, THB, KRW ฯลฯ แลกเปลี่ยนง่าย เช่น การทำผ่านแอป การแจ้งกับเจ้าหน้าที่ธนาคารก่อนแลกเงินเข้าบัตร เป็นต้น
- 4. ค่าธรรมเนียมในการใช้บัตร
เป็นอีกสิ่งที่ต้องนำไปเปรียบเทียบเลยว่า Travel Card ของธนาคารไหนคุ้มค่ามากสุด เพราะโดยพื้นฐานไม่มีใครอยากเสียค่าธรรมเนียมเมื่อต้องรูดบัตรอยู่แล้ว แต่ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของธนาคารที่ออกบัตร Travel Card นั้น ๆ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งใครที่เลือกบัตรที่ฟรีค่าธรรมเนียม ไม่ต้องเสียเพิ่มอีก 2.5% ทุกครั้งที่รูด นั่นเท่ากับความคุ้มค่าที่จะได้รับ ช้อปปิ้งเพลินเกินห้ามใจ ยิ่งใช้ก็มีความสุข หรือบางบัตรนอกจากไม่เสียค่าธรรมเนียมแล้วยังมีส่วนลด เครดิตเงินคืน หรือการเป็นพันธมิตรกับห้างร้าน แบรนด์ชั้นนำ เมื่อคุณใช้งานก็ได้รับสิทธิประโยชน์มากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย อย่าลืมพิจารณาข้อนี้เป็นขาด
- 5. วิธีใช้งานกับ App และข้อมูลอื่น ๆ
ยุคนี้การใช้ Travel Card ไม่ใช่แค่การนำบัตรไปรูดเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีวิธีจัดการต่าง ๆ ภายในบัตรให้ง่ายดายตามไลฟ์สไตล์หรือความเหมาะสมของผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการแลกเงินผ่านแอปโดยไม่ต้องติดต่อกับธนาคาร เพียงแค่เติมเงินเข้าไปจากนั้นก็ทำตามขั้นตอนเพื่อแลกเปลี่ยนสกุลเงินทันที การรับโปรโมชั่น ส่วนลด เครดิตเงินคืนต่าง ๆ เป็นต้น อย่างไรก็ตามอีกสิ่งสำคัญไม่ใช่แค่บัตรดังกล่าวมีแอปเท่านั้น แต่ตัวแอปต้องปลอดภัย ใช้งานได้ลื่นไหล มีประสิทธิภาพดีเยี่ยม เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับความสะดวกมากที่สุด
- 6. ประกันเดินทางที่มาพร้อมกับบัตร
จะไปต่างประเทศ บัตรไหนคุ้มที่สุดอย่าลืมดูเรื่องประกันเดินทางต่างประเทศด้วย เพราะทุกการเดินทางในต่างประเทศอาจมีสิ่งไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ ส่วนใหญ่บัตรหลายใบมักแถมประกันเดินทางมาให้คุณใช้งานตามช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เดินทางท่องเที่ยว หรือบางบัตรสามารถซื้อประกันเดินทางต่างประเทศผ่านแอปก็สะดวกอยู่พอสมควร ช่วยเพิ่มความสบายใจในทุกเส้นทางและทุกประเทศได้แบบไร้กังวล
อย่างไรก็ตามขอเน้นย้ำในเรื่องประกันเดินทางต่างประเทศอีกสักเล็กน้อย แม้บัตร Travel Card หลายใบจะแถมฟรีประกันเดินทางให้แต่เงื่อนไขที่ได้รับอาจไม่เพียงพอเท่าไหร่นัก เช่น ให้ความคุ้มครองวงเงินจำกัด ให้ความคุ้มครองเฉพาะตัวบุคคล ไม่ได้รวมเรื่องไฟล์ทบินหรือสัมภาระต่าง ๆ ดังนั้นการซื้อประกันเดินทางเพิ่มเติมไปอีก 1 แผนคือสิ่งที่นักท่องเที่ยวทุกคนควรทำ ยิ่งถ้าต้องเดินทางไปยุโรป การทำวีซ่าเชงเก้น ก็ต้องมีประกันเชงเก้นเป็นส่วนหนึ่งของการอนุมัติ เหนือสิ่งอื่นใดเมื่อคุณมีประกันแล้วเกิดเหตุไม่คาดฝัน วงเงินความคุ้มครอง การช่วยเหลือต่าง ๆ จะได้รับการประสานงานอย่างรวดเร็วแน่นอน
สรุป
ย้ำอีกครั้งว่าการเปรียบเทียบ Travel Card เพื่อให้ได้บัตรเครดิตใช้ต่างประเทศที่มีประสิทธิภาพเป็นอีกสิ่งสำคัญที่อย่ามองข้ามเด็ดขาด ทุกวันนี้มีธนาคารหลายแห่งพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้ตอบโจทย์กับสายเที่ยวขนานแท้ ซึ่งคำแนะนำทั้งหมดคงตอบคำถามได้ชัดเจน ไปต่างประเทศ บัตรไหนคุ้ม ไม่ต้องเสียเวลาแลกเงินไปต่างประเทศให้ยุ่งยากอีกต่อไป และอย่าลืมแม้ Travel Card หลายใบจะแถมประกันเดินทางเอาไว้ให้แล้วแต่ก็อาจไม่ได้ครอบคลุมมากพอ การซื้อประกันเดินทางต่างประเทศอีกสักกรมธรรม์ราคาเริ่มต้นแค่หลักร้อยแต่คุ้มครองหลักล้าน ทำเอาไว้ไม่ใช่เรื่องเสียหาย กรณีเกิดเหตุการณ์ให้ต้องเคลมจะได้ไม่ต้องกังวลใจใด ๆ