ไขข้อสงสัยระยะเวลารอคอยหรือ Waiting period ที่เป็นเงื่อนไขสำคัญของประกันสุขภาพ

เพราะการเจ็บป่วยและการพบแพทย์เพื่อทำการรักษาแต่ละครั้งไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ด้วยเหตุนี้ใครหลายคนจึงมองหา ประกันสุขภาพ เพื่อเป็นการรองรับค่ารักษาพยาบาลในอนาคต แต่อย่างที่ทราบกันดีว่าเรื่องประกันเป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจ เพราะที่มีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ ทำให้หลายคนอาจสับสนกับเงื่อนไขต่าง ๆ ในการทำกรมธรรม์ หนึ่งในคำศัพท์ในแววดวงประกันที่เรามักจะได้ยินกันบ่อย ๆ ก็คือ ระยะเวลารอคอย หรือ Waiting period โดยจะมีความหมายว่าอย่างไร ส่งผลให้ประกันคุ้มครองทันทีเลยได้หรือไม่ มีความซับซ้อนหรือมีรายละเอียดอย่างไรมาทำความเข้าใจกันได้ในบทความนี้

ระยะเวลารอคอยประกันสุขภาพคืออะไร

ระยะเวลารอคอย

ระยะเวลาการรอคอยประกันสุขภาพหรือระยะเวลาที่ไม่คุ้มครอง เป็นศัพท์ที่พบได้บ่อยเมื่ออ่านรายละเอียดเงื่อนไขประกันสุขภาพ โดยระยะเวลารอคอย หมายถึง ช่วงระยะเวลาที่ผู้เอาประกันภัยจะไม่สามารถเรียกร้องค่าสินไหมจากบริษัทประกันภัยได้หากต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลในช่วงเวลาดังกล่าว เพราะผู้เอาประกันอาจมีอาการเจ็บป่วยมาก่อนทำประกัน การประกันสุขภาพจึงมักกำหนดเงื่อนไขระยะเวลารอคอยขึ้น เพื่อป้องกันการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากสภาพที่เป็นมาก่อนการเอาประกันภัย (Pre-existing condition) โดยการกำหนดระยะเวลารอคอยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัทประกันภัย อาจจะมีระยะเวลารอคอยประมาณ 30-120 วัน

ประกันสุขภาพแบ่งระยะเวลารอคอยออกเป็น 2 ส่วน

ระยะเวลารอคอยประกันสุขภาพจะมีความยาวนานมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความรุนแรงของโรค ระยะเวลาฟักตัวหรือระยะเวลาในการแสดงอาการของโรค โดยประกันสุขภาพมักแบ่งระยะเวลารอคอยออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ส่วนของโรคทั่วไปและโรคที่มีระยะก่อโรคนาน ซึ่งระยะเวลารอคอยจะเริ่มนับวันตั้งแต่วันที่กรมธรรม์มีผลบังคับใช้ โดยระยะเวลารอคอยสามารถแบ่งได้ดังนี้

  • ระยะเวลารอคอยสำหรับโรคทั่วไปที่ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุ ทั้ง IPD (ผู้ป่วยใน) และ OPD (ผู้ป่วยนอก) จะมีระยะเวลารอคอยอยู่ที่ 30 วัน
  • ระยะเวลารอคอยสำหรับโรคที่มีระยะก่อโรคนาน เช่น มะเร็งทุกชนิด การตัดทอนซิลหรืออดีนอยด์ นิ่วทุกชนิด เส้นเลือดขอดที่ขา เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ต้อเนื้อหรือต้อกระจก ไส้เลื่อนทุกชนิด ริดสีดวงทวาร เป็นต้น จะมีระยะเวลารอคอยอยู่ที่ 120 วัน

อย่างไรก็ตามรายละเอียดเกี่ยวกับการกำหนดระยะเวลารอคอยต่าง ๆ รวมไประยะเวลารอคอยเฉพาะโรคขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของกรมธรรม์และบริษัทประกันภัย

ความสำคัญของการกำหนดระยะเวลารอคอยประกันสุขภาพ

ระยะเวลารอคอยคือ

หลายคนอาจสงสัยว่า ซื้อประกันสุขภาพแล้วคุ้มครองเลยไม่ได้เหรอ ทำไมต้องมีการกำหนดระยะเวลารอคอยด้วย เหตุผลสำคัญที่ประกันสุขภาพต้องมีระยะเวลารอคอยก็เพื่อเป็นการให้เวลาบริษัทประกันได้ป้องกันความเสี่ยงที่จะต้องจ่ายค่าสินไหมให้กับผู้เอาประกันภัยที่รู้ว่าตัวเองป่วย หรือ มีสภาพที่เป็นมาก่อนเอาประกัน (Pre-existing condition) แต่ยังไม่ยอมไปรักษา จึงมาขอซื้อประกันก่อน แล้วค่อยไปรักษาเพื่อจะได้เบิกเงินจากประกัน การกำหนดระยะเวลารอคอยจึงมีความสำคัญกับบริษัทประกันมาก โดยระยะเวลารอคอยเป็นการยืดเวลาให้ทางบริษัทประกันเองมีเวลาในการตรวจสอบข้อมูลของลูกค้าก่อนว่าไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเรียกเงินชดเชยในการรักษาหรือไม่ โดยแต่ละบริษัทฯ จะมีการกำหนดระยะเวลาที่แตกต่างกันออกไป

ระยะเวลารอคอยของประกันประเภทอื่น ๆ ต่างกันอย่างไร

  • ประกันสุขภาพ มีระยะเวลาตั้งแต่ 30 วันสำหรับโรคทั่วไป และ 120 วันสำหรับโรคที่มีระยะเวลาก่อโรคนาน
  • ประกันโรคร้ายแรง มีระยะเวลารอคอย 60 วัน ถึง 120 วันสำหรับโรคร้ายแรงตัวอย่างเช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น ขึ้นอยู่กับรายละเอียดเงื่อนไขของบริษัทประกันภัย
  • ประกันอุบัติเหตุ ไม่มีระยะเวลารอคอย เนื่องจากเราไม่สามารถคาดการณ์อุบัติเหตุได้ การคุ้มครองของประกันอุบัติเหตุจึงเริ่มคุ้มครองตั้งแต่วันที่กรมธรรม์มีผลบังคับใช้

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับระยะเวลารอคอย

ระยะเวลารอคอยเป็นข้อกำหนดสำคัญในการทำประกันภัย ดังนั้นไม่ว่าจะซื้อประกันสุขภาพจากบริษัทไหนก็ตาม ผู้ซื้อประกันสุขภาพจะต้องเข้าใจรายละเอียด สอบถามตัวแทนประกันถึงข้อกำหนดที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ให้ดี และ Luma ได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเอาไว้ดังนี้

1. ทำไมระยะเวลารอคอยของประกันแต่ละบริษัทถึงไม่เท่ากัน

การกำหนดระยะเวลารอคอยของแต่ละบริษัทประกันขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค ระยะเวลาฟักตัว หรือระยะเวลาในการแสดงอาการของโรค ดังนั้นหากผู้เอาประกันภัยต้องรอพ้นระยะก่อโรคครบทุกโรคกว่าจะได้รับความคุ้มครอง คงไม่เป็นธรรมกับผู้เอาประกันภัยเท่าไหร่นัก จึงมีการแบ่งระยะเวลารอคอย 30 วันสำหรับโรคทั่วไปและ 90-120 วันสำหรับโรคที่มีระยะเวลาก่อโรคนาน โดยระยะเวลารอคอยของโรคจะขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของบริษัทประกันนั้น ๆ จึงทำให้ประกันสุขภาพของแต่ละบริษัท แผนประกันแต่ละแบบมีระยะเวลารอคอยไม่เท่ากัน อย่างไรก็ตามการกำหนดระยะเวลารอคอยเป็นการให้เวลาบริษัทประกันได้รับรองการคุ้มครองผู้เอาประกันภัยเมื่อพ้นระยะเวลารอคอยไปแล้ว

2. หากป่วยในระยะเวลารอค่อยต้องทำอย่างไร

ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเกิดเจ็บป่วยขึ้นมาในช่วงระยะเวลารอคอยประกันภัย ผู้เอาประกันภัยจะไม่ได้รับความคุ้มครองจากบริษัทประกัน ซึ่งจะไม่ได้รับค่าสินไหมที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ บริษัทประกันอาจเลือกที่จะยกเลิกความคุ้มครอง หรือ ยกเลิกสัญญากรมธรรม์ให้เป็นโมฆียะได้ แต่อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ผู้เอาประกันภัยพ้นระยะเวลารอคอยแล้วไม่พบโรคใด ๆ ผู้เอาประกันภัยสามารถถือกรมธรรม์นั้นต่อไปได้ เพื่อรองรับค่ารักษาพยาบาลในการรักษาโรคที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

อย่างไรก็ตามหากประกันสุขภาพที่ซื้อประกันสุขภาพที่ครอบคลุมการรักษาที่เกิดมาจากอุบัติเหตุด้วย ในกรณีนี้ผู้เอาประกันภัยจะยังสามารถเคลมประกันได้ แม้จะอยู่ในระยะเวลารอคอยโรคก็ตาม

3. ระยะเวลารอคอยเริ่มนับอย่างไร

หากผู้เอาประกันภัยซื้อประกันสุขภาพ โดยที่กรมธรรม์ระบุไว้ว่ามีผลบังคับวันที่ 1 พ.ย. การนับ “ระยะรอคอย” 30 วัน หมายถึงเริ่มนับวันที่ 1 พ.ย. เป็นวันแรกและวันที่ 30 พ.ย. เป็นวันสุดท้ายของระยะเวลารอคอย หมายความว่าผู้เอาประกันจะสามารถเคลมประกันได้คือ ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. เป็นต้นไป

สรุป

การทำประกันสุขภาพเป็นการรองรับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลโรคต่าง ๆ ซึ่งเป็นการทำสัญญากรมธรรม์กันระหว่างผู้เอาประกันและบริษัทประกันภัย ดังนั้นการทำประกันสุขภาพจึงต้องเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย และเกิดเงื่อนไขรายละเอียดต่าง ๆ ที่ผู้เอาประกันภัยจะต้องศึกษารายละเอียดให้ดี การมีระยะเวลาการรอคอย (Waiting Period) ถือเป็นการลดความเสี่ยงให้กับบริษัทประกันภัย ซึ่งการที่บริษัทไม่ให้ความคุ้มครองสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือเจ็บป่วยมาก่อนการทำประกันภัยนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงแนะนำให้รีบทำประกันสุขภาพตอนที่ร่างกายยังแข็งแรง เพื่อให้ประกันสุขภาพมอบความคุ้มครองโรคให้เราได้อย่างครอบคลุมมากที่สุดนั่นเอง

You May Also Like

เสริมภูมิคุ้มกัน
สุขภาพ

อาหารเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน มีอะไรบ้าง

การอยู่บ้านช่วงวิกฤตไม่ได้หมายความว่าคุณต้องกินแต่อาหารที่ปรุงลวกๆ การทำอาหารที่บ้านช่วยให้คุณมีกิจกรรมทำและปลดปล่อยจิตใจจากความวิตกกังวลในช่วงเวลาที่ท้าทายนี้ หากคุณเตรียมวัตถุดิบเข้าครัวไว้แล้ว ก็เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ลงมือทำสารพัดเมนูที่คุณชอบ ในช่วงที่มีไวรัสระบาด คุณต้องการอาหารที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและปลอดภัยจากการเจ็บป่วย ถ้าเย็นนี้คุณอยากทำอาหารทานเอง ลองซื้ออาหารที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันต่อไปนี้ที่ร้านค้าใกล้บ้านคุณดูสิ บรอกโคลี บรอกโคลีมีชื่อเสียงว่าเป็นสุดยอดอาหารและสามารถนำไปใช้ทำอาหารได้หลากหลายเมนูนอกจากนี้ยังหาซื้อได้ง่ายจากตลาด แคลอรี่ต่ำ เต็มไปด้วยสารอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระ กุญแจสำคัญในการรักษาสารอาหารและพลังงานให้คงเดิมคือใช้บรอกโคลีสดและปรุงให้ไม่สุกเกินไป วิธีเลือกซื้อและเก็บรักษาบรอกโคลี: เมื่อซื้อบรอกโคลี ให้เลือกดอกที่เนื้อแน่น กระชับ และมีสีเขียวเข้ม ไม่ควรเลือกดอกที่มีชิ้นส่วนร่วนหลุด เปลี่ยนเป็นสีเหลือง …

ความดันโลหิตสูง
สุขภาพ

ทำความรู้จักโรคความดันโลหิตสูง และ วิธีลดความดันโลหิต

ความดันโลหิตสูงหรือที่เรียกกันว่า ‘ฆาตกรเงียบ’ เพราะเป็นโรคไม่มีอาการบ่งชี้แสดงให้เห็นว่ามีความผิดปกติ แต่จริงๆ แล้วความดันโลหิตสูงคืออะไร และจะป้องกันได้อย่างไร? ความดันโลหิตสูงเป็นภาวะที่พบบ่อยซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพร้ายแรงได้หลายอย่าง รวมถึงอาการหัวใจวาย ตาบอด และโรคหลอดเลือดสมอง ความดันโลหิตสูงเป็นภาวะที่คุณไม่สามารถรู้สึกได้ โดยปกติจะไม่มีสัญญาณเตือน คุณจึงอาจจะไม่รู้เลยว่ากำลังมีภาวะดังกล่าว ดังนั้นการตรวจวัดระดับความดันโลหิตเป็นประจำจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเริ่มใช้ยาตัวใหม่ตั้งแต่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูง เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงยิ่งขึ้นได้ วิธีที่ดีที่สุดที่จะทราบว่าคุณมีภาวะความดันโลหิตสูงหรือไม่ คือการตรวจระดับความดันโลหิตโดยแพทย์ ซึ่งมักตรวจทุกครั้งเมื่อคุณไปโรงพยาบาลในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ องค์การอนามัยโลกคาดการณ์ว่าภายในปี …

สุขภาพจิตดี
สุขภาพ

ออกกำลังกายช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้นได้จริงเหรอ

การออกกำลังกายมักเกี่ยวกับความเป็นอยู่ที่ดีทางกาย สิ่งที่คนส่วนใหญ่คาดหวังว่าจะได้รับจากการออกกำลังกายจึงเป็นรูปร่างสัดส่วนที่ดีและความแข็งแรง แต่คุณอาจจะสังเกตได้ว่า ไม่ว่าจะออกไปเดินเร็วกลางแจ้งหรือยกน้ำหนักในยิม หลังจากออกกำลังกายคุณจะรู้สึกพอใจหรือมีความสุข ความรู้สึกดีเหล่านี้อาจไม่ได้เกิดขึ้นแค่เพียงชั่วคราว ดังที่หลายงานวิจัยพบว่าการออกกำลังกายสามารถช่วยให้ปัญหาสุขภาพจิตดีขึ้นได้ การออกกำลังหายจึงมีข้อดีนอกเหนือไปจากสุขภาพร่างกายแข็งแรง แต่ยังช่วยบรรเทาความเครียดชั่วคราว คลายความวิตกกังวล และช่วยให้ปัญหาสุขภาพจิตดีขึ้น ตัวอย่างเช่น ในปี 2007 นักวิจัยจากอิสราเอลค้นพบว่าการออกกำลังกายแบบแอโรบิกเพียงหนึ่งชั่วโมงต่อสัปดาห์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง เมื่อต้นปี 2017 สถาบันการกีฬาและวิทยาศาสตร์การกีฬาแห่งเยอรมนี พบว่าการออกกำลังกายแบบแอโรบิกเป็นประจำช่วยเพิ่มความสามารถของผู้เข้าร่วมวิจัยในการจัดการกับความเครียดในชีวิตจริง การออกกำลังกาย …