สำหรับผู้ที่กำลังอยากปักหมุดท่องเที่ยวในโซนยุโรปสักที่ แต่ยังเลือกไม่ได้ว่าจะไปที่ไหนดี “ประเทศนอร์เวย์” คืออีกหนึ่งประเทศ ที่มีโอกาสเราอยากแนะนำให้คุณได้ลองเดินทางไปเที่ยวสักครั้ง การท่องเที่ยวในประเทศนอร์เวย์ คุณจะได้พบกับเมืองที่มีความสุข ตลบอบอวลอยู่ในทุก ๆ พื้นที่ ด้วยประชากรที่มีอยู่เพียงประมาณ 6 ล้านคนเท่านั้น ทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดจอแจเหมือนกับการท่องเที่ยวในโซนอื่น ๆ ของยุโรป
จุดเด่นของประเทศนี้คือ “ความสวยงามของธรรมชาติ” ด้วยภูมิประเทศที่เป็นเมืองท่า เป็นจุดเริ่มต้นของตำนานไวกิ้งที่เราคุ้นหูกันเป็นอย่างดี อยู่ติดกับทะเลนอร์วีเจียน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมหาสมุทรแอตแลนติก ส่งผลให้มีสินค้าขึ้นชื่อในประเทศคือ “ปลาแซลมอน” ว่ากันว่าไม่มีแซลมอนที่ไหน ดีไปกว่าแซลมอนจากนอร์เวย์อีกแล้ว ดังนั้นบทความนี้ เรามาลองศึกษาถึง 7 เมนูอาหารของประเทศนอร์เวย์ นอกจากปลาแซลมอนแล้ว มีเมนูไหนบ้างที่คุณห้ามพลาดเมื่อมาเยือน ถ้าพร้อมแล้วไปชมกันเลย !
แนะนำ 7 เมนูอาหารนอร์เวย์ ที่พลาดไปแล้วเหมือนมาไม่ถึง
ในการเที่ยวนอร์เวย์นั้น คนส่วนมากมักมุ่งเน้นไปที่การเยี่ยมชมเมืองต่าง ๆ ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศกันเงียบสงบ ไปจนถึงการท่องเที่ยวชมความสวยงามทางธรรมชาติที่เป็นจุดเด่นหลัก ๆ แต่เมื่อเราไปเยี่ยมเยียนประเทศอื่น ๆ การได้รับเอาวัฒนธรรมของประเทศนั้น ๆ ก็ช่วยทำให้เพิ่มอรรถรสของการท่องเที่ยวได้มากขึ้น ดังนั้น “อาหารนอร์เวย์” คือสิ่งที่คุณไม่ควรพลาดเป็นอันขาด
แต่อย่างไรก็ตาม เราขอแนะนำเบื้องต้นเอาไว้ก่อน เนื่องด้วยประเทศนอร์เวย์มีค่าครองชีพที่ค่อนข้างสูงพอสมควร ก่อนการเดินทางควรต้องค้นคว้าในเรื่องของร้านอาหารที่ต้องการ ไปจนถึงราคาของอาหารเพื่อไม่ให้มีปัญหา ในเรื่องของการเงินตลอดการเดินทาง และอย่าลืมบวกค่า Tax เข้าไปอีกด้วย เพราะมีบวกเพิ่มในทุก ๆ บริการ เอาล่ะ ได้เวลาแล้วที่เราจะรู้จักกับ 7 เมนูไม่ควรพลาด เมื่อได้มาเยือนประเทศนอร์เวย์
Sweet Brown Cheese (Brunost)
“Brunost” เป็นชีสชื่อดังที่มีต้นกำเนิดอันยาวนานของประเทศนอร์เวย์ หาทานได้เฉพาะในประเทศนอร์เวย์เพียงเท่านั้น มีลักษณะเป็นชีสที่มีสีน้ำตาลอย่างเด่นชัด มักถูกเรียกว่า “Brown Cheese” แม้จะถูกเรียกว่าชีส แต่ความเป็นจริงแล้วรสชาติจะโดดเด่นในเรื่องความหอมหวานเสียมากกว่า เนื่องจากมีการใส่ส่วนผสมพิเศษเข้าไป จนทำให้มีกลิ่นหอมละมุนของคาราเมล ชีสนี้มักจะผลิตมาจากนมแพะเป็นหลัก เป็นอาหารนอร์เวย์ที่ได้รับความนิยมทานในช่วงเช้าคู่กับขนมปังต่าง ๆ เหมือนกับทาแยมนั่นเอง
Waffles (Vafler)
เมนูของหวานเมนูนี้ อาจจะไม่ได้สร้างความแปลกหูแปลกตามากนัก เพราะ “Vafler” ก็คือวอฟเฟิลตามแบบฉบับของนอร์เวย์ มักเสิร์ฟในรูปแบบของของทานเล่น คู่กับท็อปปิ้งชนิดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ชีส แยม ครีม ผลไม้ เป็นต้น โดยรวมแล้วให้ความรู้สึกเหมือนกับวอฟเฟิลที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี แต่จุดที่โดดเด่นเลยก็จะเป็นในส่วนของรูปลักษณ์ เพราะ Vafler เป็นอาหารนอร์เวย์ที่ถูกรังสรรค์ให้มีความสวยงาม มักจะทำออกมาเป็นรูปหัวใจ ทำให้เป็นเอกลักษณ์อันเด่นชัด ที่มองกี่ทีก็รู้ได้ทันทีว่านี่คืออาหารของนอร์เวย์อย่างแน่นอน
Sour Cream Porridge (Rømmegrøt)
หลังจากผ่านเมนูเบา ๆ เป็นของหวานไปแล้ว 2 เมนู มาสู่เมนูหนัก ๆ กันบ้าง “Rømmegrøt” เป็นอาหารที่ขึ้นชื่อที่มีความคล้ายกับโจ๊กในบ้านเรา ชาวนอร์เวย์นิยมทานเหมือนกับคนไทยทานข้าว หากแปลความหมายแล้วอาจจะเรียกได้ว่า “โจ๊กครีมเปรี้ยว” รสชาติจะค่อนข้างนุ่มละมุน มีรสเปรี้ยวเล็ก ๆ จากครีมเปรี้ยว อาจเป็นอาหารนอร์เวย์ ที่ต้องเปิดใจสักหน่อย แต่ถ้าได้ลองรับรองว่า คุณอาจกินหมดจานโดยไม่ทันได้รู้ตัว
Fish Balls with Béchamel sauce (Fiskeboller i Hvit saus)
ยังอยู่กันที่อาหารจานหลัก “Fiskeboller i Hvit saus” เป็นเมนูที่มีกลิ่นอายของประเทศนอร์เวย์อยู่อย่างชัดเจน เนื่องจากมีวัตถุดิบหลักเป็น Fiskeboller ซึ่งเป็นลูกชิ้นปลา แน่นอนว่าเป็นนอร์เวย์เป็นเมืองท่า อาหารที่ทำจากปลาเป็นอะไรที่ห้ามพลาดเป็นอันขาด สำหรับเมนูนี้จะนำเอาลูกชิ้นปลาเนื้อขาว ทานคู่กับ “Hvit saus” ซึ่งเป็นซอสที่มีสีขาวนวล นิยมทานคู่กับผักต้มต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น มันฝรั่ง แครอท ถั่วลันเตา เป็นต้น เป็นอาหารนอร์เวย์ที่นิยมทานในช่วงฤดูหนาว เพื่อสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย ในช่วงเวลาที่อุณหภูมิติดลบ
Griddle Cake (Lefse)
“Lefse” เป็นขนมปังแบนสูตรดั้งเดิมของนอร์เวย์ เปรียบเสมือนกับอาหารประจำชาติเลยก็ว่าได้ ลักษณะจะไม่ค่อยแตกต่างจากขนมปังแบนสูตรอื่น ๆ ที่เรารู้จัก แต่จะมีความโดดเด่นตรงที่ความเหนียวนุ่ม นิยมทำจากการนำแป้งมาผสมเข้ากับมันฝรั่งบด จากนั้นรีดให้บางที่สุดก่อนนำไปผ่านความร้อน แม้จะดูเป็นเมนูง่าย ๆ ไม่มีอะไรโดดเด่น แต่ที่จริงแล้ว นี่คืออาหารนอร์เวย์ที่เปี่ยมไปด้วยมนตร์เสน่ห์ เพราะเป็นอาหารประจำชาติ ดังนั้นในแต่ละตระกูลจะมีการสืบทอดสูตรเฉพาะจากรุ่นสู่รุ่น เป็นเมนูที่เจอได้ทุกเมือง แต่เอกลักษณ์ไม่ซ้ำกันอย่างแน่นอน
Smoked Salmon (Røkelaks)
จากที่เราได้เกริ่นไปช่วงต้นว่า “ปลาแซลมอนที่ดีที่สุดอยู่ที่นอร์เวย์” จะขาดไปไม่ได้สำหรับเมนูที่มาจากปลาแซลมอน “Røkelaks” เป็นการนำเนื้อปลาแซลมอนมารมควัน เป็นเทคนิคการถนอมอาหารประเภทหนึ่งของนอร์เวย์ เนื่องจากปลาแซลมอนเป็นอาหารนอร์เวย์ที่ขึ้นชื่อ จึงมีการคิดค้นสูตรที่จะถนอมเนื้อปลาให้สดได้นานที่สุด ก่อนนำไปรมควันมักมีการทาด้วยเกลือ หลังจากรมควันแล้วเนื้อปลาจะไม่ได้สุก ยังเป็นสีส้มน่าทานเหมือนเดิม แต่ความชื้นในเนื้อปลาจะหายไป สามารถทานสด ๆ จากการแล่เป็นแผ่น หรือทานคู่กับเมนูอื่น ๆ ก็อร่อยเข้ากันในทุกเมนู
Mutton and Cabbage (Fårikål)
ทิ้งทวนเมนูสุดท้ายของอาหารนอร์เวย์ที่คุณไม่ควรพลาด ด้วย “Fårikål” เป็นเมนูสตูเนื้อแกะที่ทานคู่กับกะหล่ำปลี เป็นเมนูอาหารประจำชาติที่นิยมทานกันในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เป็นหนึ่งในอาหารสำคัญของวัฒนธรรมของประเทศนอร์เวย์ โดยจะมีการเฉลิมฉลองในช่วงวันพฤหัสบดีสุดท้ายของเดือนกันยายน ทุกบ้านในนอร์เวย์จะปรุงเมนูนี้เพื่อทานกันในครอบครัว แน่นอนว่าถ้าคุณไปถูกช่วงเวลาจะได้ทานเมนูนี้อย่างแน่นอน รสชาตินั้นจะเข้มข้นจากเนื้อแกะ ที่ผ่านการตุ๋นมาจนเปื่อย มีความหวานของกะหล่ำปลีเป็นรสชาติรอง ทานคู่กับมันฝรั่งต้ม เป็นรสชาติที่คุณจะต้องลืมไม่ลงอย่างแน่นอน
เที่ยวนอร์เวย์ช่วงไหนดี ? แนะนำกิจกรรมอันโดดเด่นของนอร์เวย์ ในฤดูต่าง ๆ
นอกจากเมนูอาหารที่จะต้องทำการบ้านก่อนมาเที่ยวนอร์เวย์ การตามหากิจกรรมเฉพาะฤดูกาล ก็เป็นสิ่งสำคัญที่คุณจะต้องหาข้อมูลให้ดี เนื่องจากประเทศนอร์เวย์มีความหลากหลายทางด้านสภาพอากาศเป็นอย่างมาก มีถึง 4 ฤดูด้วยกัน การท่องเที่ยวในแต่ละฤดูก็มีกิจกรรมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นควรเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้การท่องเที่ยวตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณเอง โดยแต่ละช่วงเวลาจะมีกิจกรรมที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
ฤดูหนาว
ฤดูหนาวของประเทศนอร์เวย์ จะอยู่ในช่วงราว ๆ ปลายเดือนพฤศจิกายน ไปจนถึง เดือนกุมภาพันธ์ เป็นช่วงเวลาที่อุณหภูมิติดลบได้สูงสุดถึง -25 องศาเลยทีเดียว น้ำในอ่าวเล็ก ๆ ที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในนอร์เวย์จะกลายเป็นลานสกีไปในทันที กิจกรรมส่วนมากก็จะเป็นการเล่นสกี ใช้บริการสุนัขลากเลื่อน ลองตกปลาในน้ำแข็ง และเป็นช่วงเวลาเดียวกับเทศกาลคริสต์มาสของประเทศนอร์เวย์อีกด้วย
ฤดูใบไม้ผลิ
ช่วงเดือนมีนาคม ไปจนถึง เดือนพฤษภาคม เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิของประเทศนอร์เวย์ เป็นช่วงเวลาที่พืชพรรณกำลังผลิใบใหม่ออกมา หลังจากผ่านช่วงเวลาที่หิมะปกคลุมในฤดูหนาว ทำให้ธรรมชาตินั้นมีความเขียวขจีเป็นพิเศษ อุณหภูมิค่อนข้างเย็นสบายอยู่ที่ราว ๆ 1 – 16 องศา กิจกรรมที่เหมาะที่สุดคือการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการเดินป่าเพื่อชมความสวยงามของธรรมชาติ ดูนกที่กำลังอพยพกลับมาจากการหนีอากาศหนาว เป็นต้น
ฤดูร้อน
เป็นช่วงเวลา high season ของการท่องเที่ยวในนอร์เวย์ มีช่วงเวลาในช่วงเดือนมิถุนายน ไปถึง เดือนสิงหาคม เป็นช่วงเวลาเพียงสั้น ๆ เท่านั้น อากาศยังคงเย็นสบายถ้าเทียบกับฤดูร้อนในบ้านเรา ร้อนสุด ๆ ไม่ถึง 30 องศาเพียงเท่านั้น สิ่งที่ทำให้ฤดูร้อนของประเทศนอร์เวย์เป็นช่วงที่ควรมาเที่ยวที่สุด เนื่องจากมี “ปรากฏการณ์พระอาทิตย์เที่ยงคืน” เป็นช่วงเวลาที่พระอาทิตย์จะไม่ตกเลยเป็นระยะเวลาหลายอาทิตย์ แต่ปรากฏการณ์นี้จะมีเฉพาะช่วงเหนือของนอร์เวย์เพียงเท่านั้น
ฤดูใบไม้ร่วง
ช่วงเดือน กันยายน ไปจนถึง เดือน พฤศจิกายน เป็นช่วงเวลาที่นอร์เวย์อยู่ในฤดูใบไม้ร่วง หากมาเที่ยวในช่วงเวลานี้ คุณจะได้พบเจอช่วงเวลาที่ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี จากสีเขียวขจีค่อย ๆ กลายเป็นสีเหลืองทอง อากาศก็เย็นขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากใกล้เข้าสู่ฤดูหนาว เหมาะกับการพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง กิจกรรมก็จะมีโดยทั่วไป อย่างการตกปลา ทานอาหารในเทศกาลสำคัญ ที่โดดเด่นที่สุดก็จะเป็นการ “ล่าแสงเหนือ” ซึ่งจะต้องเดินทางไปที่เมืองทรอมโซ มาเมืองนี้นอกจากล่าแสงเหนือแล้ว ต้องลองนั่งสุนัขลากเลื่อนดูสักครั้ง เป็นกำไรชีวิตที่หาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
บทส่งท้าย
เนื่องด้วยการท่องเที่ยวในประเทศนอร์เวย์ คุณจะได้เจอกับความหลากหลายทางภูมิอากาศ รวมไปถึงอาหารเฉพาะตัวของประเทศนอร์เวย์ ที่หาทานไม่ได้ง่าย ๆ ในบ้านเรา อาการป่วยอาจเกิดขึ้นได้ หากในช่วงนั้นคุณมีภูมิคุ้มกันต่ำ เพื่อไม่ให้การท่องเที่ยวในประเทศในฝันแห่งนี้ต้องมีจุดด่างพร้อย การทำ “ประกันเดินทางต่างประเทศ” เป็นหลักประกันที่ทำให้คุณได้ท่องเที่ยวได้อย่างเต็มที่มากยิ่งขึ้น นอร์เวย์เป็นประเทศที่ไม่ได้มาเที่ยวกันได้บ่อย ๆ ดังนั้นอย่าปล่อยให้ความกังวลมาทำให้ทริปนี้ของคุณไม่สนุก สร้างความมั่นใจให้การเดินทาง เตรียมประกันเดินทางเอาไว้แต่เนิ่น ๆ เพียงเท่านี้ทริปของคุณก็ดำเนินได้ไหลลื่น ไม่มีอุปสรรคใด ๆ มาขัดขวาง
