10 กิจกรรมเสริมพัฒนาการนอกห้องเรียน

การเรียนรู้ของเด็ก ๆ สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่ใช่แค่เฉพาะในห้องเรียนเท่านั้น เพื่อสร้างทักษะ ความรู้ พร้อมประสบการณ์แบบรอบด้านให้พวกเขาได้เรียนรู้และเติบโตอย่างสมบูรณ์แบบ พ่อแม่ผู้ปกครอง หรือคุณครูที่กำลังมองหาไอเดียสร้างกิจกรรมนอกห้องเรียนชั้นยอดสำหรับเด็กในแต่ละวัย ลองนำเอา 10 กิจกรรมเสริมพัฒนาการเหล่านี้ไปลองปรับใช้ตามความเหมาะสมกันได้เลย เชื่อว่าจะช่วยให้เด็กทุกคนได้รับสิ่งดี ๆ อย่างแน่นอน

กิจกรรมเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย

การเล่นกีฬาในแบบที่ลูกชอบ

การเล่นกีฬาเป็นพื้นฐานดี ๆ ในการทำให้ร่างกายเกิดความแข็งแรง ซึ่งพ่อแม่สามารถชวนลูกออกไปทำกิจกรรมเสริมพัฒนาการนี้ได้ รวมถึงคุณครูที่โรงเรียนในวิชาพลศึกษาก็เป็นอีกรายวิชาที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน เหมาะกับเด็กทุกเพศทุกวัยขึ้นอยู่กับศักยภาพและความเหมาะสม หากเป็นเด็กเล็กอายุ 3-6 ปี อาจเล่นกีฬาง่าย ๆ เช่น วิ่งไล่จับ วิ่งเปี้ยว หรือฝึกพื้นฐานกีฬาทั่วไปอย่างฟุตบอล เทควันโด ว่ายน้ำ เมื่อเด็กเริ่มโตตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป ก็ค่อยให้เขาเลือกในสิ่งที่ชอบ จะเล่นจริงจังจนสามารถทำเป็นอาชีพในอนาคต หรือเล่นสนุก ๆ ก็ได้สุขภาพที่ดี เสริมพัฒนาการด้านร่างกายหลายส่วนขึ้นอยู่กับชนิดกีฬาที่เล่นเลย เช่น บาสเกตบอล จะช่วยให้ข้อต่อและกระดูกยืดตัว สามารถเพิ่มความสูงได้ ว่ายน้ำช่วยให้ปอดและหัวใจแข็งแรง เป็นต้น

การทำกิจกรรมแนวปีนป่าย

สนามเด็กเล่นหลายแห่ง หรือแม้แต่สวนสนุกในห้างสำหรับเด็กจะมีเครื่องเล่นให้เด็ก ๆ สามารถปีนป่ายกันได้อย่างสนุกสนาน เพิ่มเติมความกล้าทางจิตใจ การได้รู้จักกับเพื่อนใหม่ การแบ่งปัน ความมีน้ำใจ ซึ่งเป็นพื้นฐานดี ๆ ของการพัฒนาด้านจิตใจ แต่อีกด้านหนึ่งกิจกรรมนี้ยังช่วยฝึกฝนในเรื่องกล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น แขน ขา และกล้ามเนื้อมัดเล็กอย่างข้อมือ ปลายนิ้วมือ ระหว่างที่ต้องดึง ต้องยกขาปีน พร้อมทั้งได้รู้จักการสร้างสมดุลให้ร่างกาย เรียกว่าพัฒนากล้ามเนื้อแทบทุกส่วนอย่างแท้จริงแถมเด็กยังสนุก ไม่รู้สึกเบื่ออีกต่างหาก เหมาะสำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 2 ปีไปจนถึงเกิน 10 ปี ได้สบาย ๆ

กิจกรรมปีนป่ายส่งเสริมพัฒนาการเด็ก

การเล่นตั้งเต

หากย้อนกลับไปในยุคคุณพ่อคุณแม่เป็นวัยเด็กนี่คือกิจกรรมสุดสนุกที่เด็กทุกคนต่างชื่นชอบ แม้ปัจจุบันการหาพื้นที่ทำกิจกรรมดังกล่าวอาจมีไม่มากนัก แต่จริง ๆ แล้วก็ยังพบเจอได้ เช่น ในโรงเรียน หรือตามสวนหย่อม สวนเด็กเล่น หรือพ่อแม่จะทำเองด้วยการขีดเขียนลงบนพื้นหลังบ้านก็ไม่ว่ากัน รูปแบบการเล่นไม่ซับซ้อนให้ลูกยืนอยู่ที่เส้นเริ่มต้นแล้วทอยเหรียญไล่ไปทีละตัวเลขเริ่มจาก 1 แล้วกระโดดกระต่ายขาเดียวไปเก็บเหรียญ จากนั้นกระโดดกลับ ทำแบบนี้จนครบเลข 10 เหมาะกับเด็กตั้งแต่ 2-3 ขวบ ก็สามารถเล่นได้แล้ว เป็นกิจกรรมเสริมพัฒนาการที่ช่วยฝึกทักษะด้านการทรงตัว การสร้างสมดุลของร่างกาย และเสริมกล้ามเนื้อขาอีกด้วย

กิจกรรมเสริมพัฒนาการด้านอารมณ์ จิตใจ

การต่อจิ๊กซอว์

กิจกรรมเสริมพัฒนาการด้านอารมณ์และจิตใจอย่างแรกที่อยากแนะนำให้พ่อแม่ คุณครู ได้ลองให้เด็ก ๆ ได้ทำนั่นคือ การต่อจิ๊กซอว์ หรือจะเป็นการต่อตัวต่อตามตัวอย่างก็ได้เช่นกัน เหมาะกับเด็กตั้งแต่อายุ 1 ขวบขึ้นไปก็สามารถสนุกกับกิจกรรมนี้ได้เลย สิ่งสำคัญคือจะช่วยพัฒนาทักษะทางอารมณ์ การมีสมาธิ ความมุ่งมั่นแน่วแน่ในการทำสิ่งเหล่านั้นจนสำเร็จ จิตใจจดจ่อ ไม่วอกแวก ไม่เป็นเด็กสมาธิสั้น เป็นการฝึกให้เขารู้จักทำตามเป้าหมายจนกว่าจะสำเร็จ ไม่ใจร้อน หรือล้มเลิกกลางทาง

การร้องเพลง หรือ เล่นดนตรี

กิจกรรมต่อมาเพื่อพัฒนาทักษะด้าน EQ อยากแนะนำให้พาเด็ก ๆ ร้องเพลง หรือเล่นดนตรี เพราะเสียงดนตรีเป็นพื้นฐานของการสร้างอารมณ์แห่งสุนทรียภาพ ความสงบเยือกเย็นภายในจิตใจ นอกจากเด็กจะสนุกกับการได้ทำในสิ่งที่ตนเองชอบแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมการจับจังหวะและสร้างทักษะพิเศษสำหรับตัวเขาอีกด้วย เพราะถ้าเด็กชื่นชอบ มีพรสวรรค์ สามารถร้องเพลงได้ไพเราะ หรือเล่นดนตรีเก่ง ก็สามารถต่อยอดทำเป็นอาชีพหรือเป็นความสามารถเฉพาะของตนเองในอนาคตได้เลย เหมาะกับเด็กทุกวัยตั้งแต่ 1 ขวบ พ่อแม่ก็พาลูกทำกิจกรรมนี้ได้เลย

กิจกรรมเล่นดนตรีส่งเสริมพัฒนาการ

การพาเด็กออกไปท่องเที่ยว

นอกจากเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีภายในครอบครัวแล้ว เด็ก ๆ ทุกคนยังได้เรียนรู้ถึงความแตกต่างที่เกิดขึ้นบนพื้นฐานของความเป็นจริงบนโลกใบนี้ ตัวอย่างสุดง่ายดายที่สุด เช่น การไปเที่ยวภูเขา น้ำตก กับการไปเที่ยวทะเล จะมีลักษณะพื้นที่คนละรูปแบบ การพบเจอกับสิ่งรอบตัวใหม่ทำให้เขารู้จักแบ่งปัน ความเห็นอกเห็นใจ หรือไม่เกิดความอิจฉาริษยา แต่ทั้งนี้ก็ตัวพ่อแม่เองก็ต้องคอยสอนและอธิบายลูกอยู่เสมอหากพวกเขามีคำถามหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องที่พบเจอ เป็นการสร้างทักษะทางอารมณ์และจิตใจที่ดีมากทีเดียว เหมาะกับเด็กทุกช่วงวัย

กิจกรรมเสริมพัฒนาการด้านสติปัญญาและจินตนาการ

การเล่นบทบาทสมมุติ

นี่คือกิจกรรมเสริมพัฒนาการนอกห้องเรียนที่เด็ก ๆ ทุกคนจะมีโอกาสได้ใช้ทั้งความคิดและจินตนาการของตนเองไปพร้อมกันผ่านบทบาทสมมุติที่เกิดขึ้น เช่น การเล่นอาชีพแพทย์ พยาบาล ตำรวจ ทหาร นักดับเพลิง คุณครู พ่อครัว ฯลฯ พ่อแม่สามารถสอนได้ว่าแต่ละอาชีพมีหน้าที่อะไร ต้องทำแบบไหนบ้าง ถ้าอยากเป็นต้องเรียนหนังสือให้ดีที่สุด มากไปกว่านั้นเด็กยังได้ใช้จินตนาการของตนเองจากสิ่งที่พวกเขาจดจำเมื่อครั้งเคยเห็นคนทำอาชีพเหล่านี้พร้อมสร้างแรงบันดาลใจได้จริง เหมาะกับเด็กตั้งแต่อายุ 2 ปีขึ้นไป

การวาดรูป ระบายสี

การใช้กิจกรรมนอกห้องเรียนเพื่อส่งเสริมพัฒนาการของเด็กสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยการให้ลูกได้วาดรูป ระบายสี นี่เป็นการฝึกทักษะด้านจินตนาการอย่างแท้จริง ไม่จำเป็นต้องกำหนดชัดเจนว่าจะให้วาดอะไร หรือระบายสีแบบไหนสำหรับเด็กเล็ก แต่ให้เขาได้ลองเอาความคิดมาใส่บนหน้ากระดาษตามสไตล์ของตนเอง เช่น รูปการ์ตูน สถานที่เที่ยว รูปครอบครัว ความคิดเล็ก ๆ แบบนี้อาจจุดประกายจินตนาการอันแสนยิ่งใหญ่ของเขาได้ ส่วนถ้าเป็นเด็กโตแล้วเริ่มเห็นแววในด้านดังกล่าวก็สามารถต่อยอดจนถึงขั้นทำเป็นอาชีพ หรืออย่างน้อยใช้เวลาว่างสร้างประโยชน์ให้กับตนเองได้ดีเยี่ยม กิจกรรมนี้ไม่จำกัดอายุ สามารถให้ลูกทำตั้งแต่เขาเริ่มเข้าใจคำพูดกันได้เลย

กิจกรรมเสริมพัฒนาการ, 10 กิจกรรมเสริมพัฒนาการนอกห้องเรียน

การให้ลูกเลือกข้าวของเครื่องใช้ด้วยตนเอง

กิจกรรมเสริมพัฒนาการนอกห้องเรียนอย่างแท้จริง นั่นคือการพาเด็กออกไปซื้อของแล้วให้เขาลองเลือกข้าวของด้วยตนเอง อาจเริ่มจากเสื้อผ้า เครื่องใช้ส่วนตัว อุปกรณ์การเรียน ของเล่น ฯลฯ วิธีนี้เป็นการฝึกให้เด็กใช้ความคิดในการเลือกสิ่งต่าง ๆ ให้เหมาะกับตนเอง กล้าคิดกล้าตัดสินใจ เขาจะได้เรียนรู้อย่างรวดเร็วถึงความชอบและไม่ชอบ อีกทั้งยังได้ใช้จินตนาการจากที่เคยพบเห็นสิ่งรอบตัวเพื่อประกอบการตัดสินใจ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นการฝึกสร้างความรับผิดชอบ เพราะเมื่อซื้อมาแล้วก็ต้องใช้ เหมาะกับเด็กตั้งแต่อายุ 3-4 ปีขึ้นไป

การเล่านิทาน หรือชวนกันอ่านหนังสือ

กิจกรรมสุดท้ายแม้อยู่นอกห้องเรียนก็ยังสามารถชวนลูกเรียนรู้ทักษะการอ่าน การเขียน และจินตนาการได้ เพราะไม่จำเป็นต้องให้เขาอ่านแต่หนังสือเรียนเสมอไป หากเป็นเด็กเล็กมากอายุหลักเดือนจนถึง 2-3 ขวบ ที่ยังอ่านหนังสือไม่เก่ง พ่อแม่สามารถชวนลูกทำกิจกรรมเล่านิทาน ฟังนิทานก่อนนอน เด็กจะได้ใช้จินตนาการระหว่างการฟังอย่างเต็มที่ พอลูกโตจนอ่านหนังสือได้แล้วก็ลองหาหนังสือเรื่องราวที่น่าสนใจมาให้อ่าน หรืออาจเริ่มจากการฝึกอ่านหนังสือที่มีตัวสะกดง่าย ๆ ก็เป็นการฝึกสติปัญญาได้อย่างดีที่สุดเลยทีเดียว

บทสรุป

การชวนลูกทำกิจกรรมเสริมพัฒนาการนอกห้องเรียนมีวิธีหลากหลายให้พ่อแม่ผู้ปกครองและคุณครูได้เลือกสรรเพื่อสร้างความเหมาะสมให้กับเด็กแต่ละคน ซึ่งจุดประสงค์สำคัญเพื่อต้องการให้เด็กได้พัฒนาตนเองแบบรอบด้านทุกเรื่อง จึงควรมีการปรับเปลี่ยนกิจกรรมหรือหมุนเวียนทำอย่างหลากหลาย ภายใต้การไม่บังคับจิตใจและเลือกทำในสิ่งที่ลูกชอบ รวมถึงผู้ใหญ่ยังต้องคอยสอน บอกกล่าวอยู่เสมอ รับรองว่าเด็กทุกคนจะเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน

Table of Contents

You May Also Like