ในปัจจุบันไลฟ์สไตล์ในการทำงานของแต่ละคนเปลี่ยนไปจากในอดีตมาก โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่เป็นมนุษย์เงินเดือนหรือพนักงานออฟฟิศที่วันทั้งวันต้องนั่งทำงานอยู่แต่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เสร็จจากงานประจำก็ก้มหน้าก้มตาอยู่กับ
จอมือถือสมาร์ทโฟน เรียกได้ว่าเป็นพฤติกรรมที่ทำซ้ำ ๆ อยู่กับโต๊ะทำงานวันละหลายชั่วโมง ฝืนทำงานไปโดยแทบไม่ได้เปลี่ยนอิริยาบถ เช่น ยืน เดิน หรือเคลื่อนไหวอะไรเลย มารู้ตัวอีกทีก็เริ่มจะรู้สึกปวดเมื่อยเนื้อตัว ปวดคอ บ่า ไหล่ หลัง หรือเกิดอาการชาที่นิ้วและมือเข้าให้แล้ว อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนว่า กำลังเป็นโรคฮิตที่ชื่อว่า “ออฟฟิศซินโดรม” แล้วนั่นเอง
หลายคนยังเข้าใจว่าออฟฟิศซินโดรม เป็นเองได้ก็หายเองได้ ไม่รุนแรงอะไร ต้องบอกเลยว่าความคิดนี้อาจไม่ถูกต้องนัก เพราะหากปล่อยไว้จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวม จนเป็นสาเหตุของโรคอีกมากมาย วันนี้เราจะพาไปดูสาเหตุต่าง ๆ พร้อมแนวทางการรักษาอย่างถูกวิธี
ออฟฟิศซินโดรม (Office syndrome) คืออาการปวดตึงบริเวณกล้ามเนื้อ รวมไปถึงอาการปวดหรือชา จากการอักเสบตามเนื้อตามตัว ส่วนใหญ่เกิดขึ้นกับกลุ่มคนวัยทำงานที่พฤติกรรมโดยส่วนใหญ่นั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ หรือใช้มือถือเป็นเวลานาน โดยไม่ค่อยได้เปลี่ยนท่าทางหรือขยับตัว เช่น การนั่งหลังค่อมจะทำให้กล้ามเนื้อต้นคอเกร็งอยู่ตลอดเวลา หรือการจับเมาส์ในท่าเดิมนาน ๆ จนมือชา นิ้วล็อก เกิดการบวมอักเสบ ซึ่งจากสถิติพบว่าคนไทยมากกว่า 80% มีอาการของโรคออฟฟิศซินโดรม ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นคนทำงานออฟฟิศก็ตาม แต่ก็อาจจะเกิดจากการยกของหนัก หรือการนั่งทำงานแบบที่ผิดลักษณะได้ด้วยเช่นกัน แม้ว่าการนวดอาจจะช่วยทำให้อาการออฟฟิศซินโดรมทุเลาได้บ้าง แต่เมื่อผ่านไปสักระยะก็จะกลับมาเป็นอีก และอาจเป็นเรื้อรังมากขึ้น หากไม่รีบดูแลรักษา อาจจะลุกลามจนกลายเป็นโรคไมเกรน เส้นประสาทอักเสบ โรคความผิดปกติของโครงร่างกล้ามเนื้อ หรือโรคเกี่ยวกับระบบกระดูก และกล้ามเนื้อขั้นรุนแรงก็ได้
จากพฤติกรรมที่กล่าวไปข้างต้น นอกจากความเสี่ยงในการเป็นออฟฟิศซินโดรมมีสูงมากแล้ว ยังส่งผลต่ออาการต่าง ๆ ได้อีกหลายอาการ โดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับระบบกระดูกและกล้ามเนื้ออื่น ๆ เช่น
ในความเป็นจริงภาวะออฟฟิศซินโดรม นอกจากจะเกิดจากการทำงานอยู่ในท่าทางซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน หรืออยู่ในท่าทางการทำงาน ที่ไม่เหมาะสมอย่างต่อเนื่องแล้ว ก็อาจจะเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ ได้ด้วยเช่นกัน เช่น ความเครียดจากงาน ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอหรือแม้กระทั่งการทานอาหารไม่ตรงเวลา ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดออฟฟิศซินโดรม
วิธีป้องกันและดูแลตัวเองในเบื้องต้น เพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นออฟฟิศซินโดรม ทำได้ดังนี้
การปรับสภาพแวดล้อมการทำงาน มีส่วนสำคัญในการป้องกัน Office syndrome ได้เป็นอย่างดี บางครั้งการที่ต้องจดจ่ออยู่กับงานประจำ วันละหลาย ๆ ชั่วโมง ทำให้เราลืมปรับเปลี่ยนท่าทางให้อยู่ในท่าที่ผ่อนคลาย หรือการจัดโต๊ะ เก้าอี้อุปกรณ์สำนักงาน ให้ทำงานได้ง่ายโดยไม่ต้องฝืนร่างกาย เช่น
โรคออฟฟิศซินโดรมอาจจะป้องกันดูแลรักษาในเบื้องต้นได้ตามเหตุผลที่กล่าวเอาไว้ หากอาการยังไม่รุนแรงก็สามารถรักษาด้วยการออกกำลังกาย หรือทำกายภาพบำบัด
การทำกายภาพบำบัด มีจุดประสงค์ที่จะทำการรักษาอาการที่เป็น หรือ ผู้ป่วย เพื่อให้กลับมาสมบูรณ์และเคลื่อนไหวได้อย่างปกติให้มากที่สุด การทำกายภาพบำบัดบางครั้งใช้เวลาค่อนข้างนาน ในการฟื้นฟู หากอยู่ในกรุงเทพ ทาง LUMA ขอแนะนำ Bangkok Physiotherapy Center ที่พร้อมที่จะทุ่มเท และ ยกระดับของการรักษาอาการด้วยกายภาพบำบัด สำหรับสมาชิกของ LUMA สามารถเลือกแผนประกันสุขภาพที่มีความคุ้มครองของการทำกายภาพบำบัด และ เข้าใช้บริการ ที่ Bangkok Physiotherapy Center โดยไม่ต้องสำรองจ่ายเงิน เพราะ คลินิกนี้อยู่ในเครื่อข่ายของ LUMA
หากรู้ตัวว่าเข้าข่ายเป็นออฟฟิศซินโดรม การไปปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุอาการเป็นทางเลือกที่ดีเป็นสุดเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่จะตามมา และการทำประกันสุขภาพก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยให้ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล หากวันหนึ่งวันใดเกิดเจ็บป่วยขึ้นมา สำหรับใครที่กำลังมองหาประกันสุขภาพดี ๆ อยู่สักกรมธรรม์ LUMA และผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์พร้อมที่จะให้แนะนำในการเลือกแผนประกันสุขภาพที่เหมาะสมสำหรับคุณและครอบครัวที่คุณรัก